Stay with Tree Café จากร้านลึกสุดซอย สู่แบรนด์ที่เติบโตด้วยพลัง Storytelling

Text : Ratchanee P.


      บางครั้งการเริ่มธุรกิจไม่ได้มาจากแผนใหญ่ แต่เริ่มจากความชอบเล็กๆ และความกล้าที่ลงมือทำ

     ซี-อภิรดี ชื่นชู เริ่มจากความรักกลิ่นกาแฟและบรรยากาศอบอุ่น ตั้งใจจะทำธุรกิจเมื่ออายุ 30 ปี แต่ด้วยโอกาสและการสนับสนุนจากครอบครัวทำให้เธอชวน ยุค-ล้ำยุค เด่นสันติ มาเปิดคาเฟ่ด้วยกันเมื่ออายุเพียง 24 ปี

     แต่ร้านแรกอยู่ได้เพียง 9 เดือน เพราะปัญหาสัญญา ขณะเดียวกันช่วงโควิดที่โลกหยุดนิ่ง กลับกลายเป็นโอกาสในการเริ่มใหม่ เธอปรับปรุงร้านใหม่ เรียนรู้ฝึกทำขนมด้วยตนเอง อัพเดตเรื่องราวลงโซเชียลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนติดตามและรอคอย ซึ่งแม้ร้านใหม่จะอยู่ลึก ซอยตัน ไม่มีแอร์ แต่เรื่องเล่าของร้านก็พาคนเข้ามาคาเฟ่แห่งนี้ และเค้กที่เริ่มต้นจากศูนย์ ก็กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจเต็มตัว    

เริ่มต้นเร็ว เจอปัญหาเร็ว แต่เลือกยืนให้เร็วกว่า  

     ความฝันของการมีร้านกาแฟของอภิรดีไม่ได้เริ่มจากแผนธุรกิจใหญ่โตอะไร แต่เริ่มจากความชอบง่ายๆ เหมือนคนทั่วไปที่หลงรักกลิ่นกาแฟและบรรยากาศอบอุ่นของร้านดีๆ สักแห่ง  ซึ่งเดิมทีตั้งใจว่าจะเปิดคาเฟ่ทำธุรกิจของตัวเองเมื่ออายุ 30 ปี แต่เมื่องานฟรีแลนซ์เริ่มเงียบเหมือนตกงาน ขณะเดียวกันครอบครัวก็พร้อมสนับสนุนเงินทุน เธอเลยคิดว่าถ้าจะเริ่ม ก็เริ่มตอนนี้เลยดีกว่า จึงไปเรียนรู้การทำกาแฟกับญาติผู้พี่  

     นครปฐมถูกเลือกเป็นจุดเริ่มต้น เพราะเป็นเมืองสงบที่ทั้งเธอและล้ำยุคชอบ โดยล้ำยุคก็เรียนจบศิลปากร ทำให้คุ้นเคยกับพื้นที่ บวกกับความรู้สึกว่า “เมืองนี้ใช่” การเปิดร้านเล็กๆ จึงเริ่มขึ้นในวัยเพียง 24 ปี

     แต่ร้านแรกอยู่ได้เพียง 9 เดือน ทุกอย่างกำลังค่อยๆ ดีขึ้น ลูกค้าเริ่มมา กราฟกำลังไต่ขึ้นอย่างสวย แล้วปัญหาก็เข้ามาเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว โดยทั้งหมดมาจากการที่ไม่มีสัญญาที่ชัดเจน

     “ตอนแรกเราเช่าเพื่ออยู่อาศัย ยังไม่ได้เปิดร้านอะไร พอบรรยากาศดี เลยไปคุยกับเจ้าของพื้นที่ว่าอยากเปิดร้านกาแฟด้วย เจ้าของตอบว่าได้ แต่ขอเพิ่มค่าเช่า เราก็ตกลงเดินหน้า ไม่ได้คิดว่าต้องลงสัญญาให้ละเอียด”

     แต่พอหมดสัญญา เจ้าของบอกว่าผิดสัญญาและขอให้ย้ายออก

     เธอจึงมองสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ว่าบนเส้นทางทำธุรกิจ ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน ต้องมีข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร ต้องป้องกันตัวเองมากกว่าที่คิดไว้เสมอ และการออกจากพื้นที่นั้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Stay with tree café เวอร์ชันใหม่ 

โควิดทำให้โลกหยุด แต่ทำให้เราได้เริ่มใหม่

     หลังจากเจอเหตุการณ์ย้ายร้านแบบไม่ทันตั้งตัว อภิรดีมาถึงที่ใหม่ซอยตัน ลึก เงียบ ไม่มีความหวือหวาที่ร้านกาแฟควรมี แต่กลับมีบางอย่างที่เธอรู้สึกตั้งแต่แรกทันทีว่า “มันใช่”

     “เซ้นส์มันบอกว่า ที่นี่มีอะไรบางอย่างเราอยากให้คนตื่นเช้ามากินกาแฟดีๆ ใต้ต้นไม้ ดูธรรมชาติ”

     พื้นที่ใหม่ไม่มีแอร์ ไม่มีห้องกระจก ไม่มีอะไรที่สบายเหมือนคาเฟ่ทั่วไป มีเพียงต้นไม้ใหญ่ ลมธรรมชาติ และความรู้สึกที่ทำให้คนหยุดวิ่งวุ่นชั่วคราว ซึ่งอภิรดีเล่าว่าแทบทุกคนที่เดินเข้าร้านจะพูดคล้ายๆ กันว่า “เหมือนมันได้หยุด ได้มองต้นไม้เฉยๆ แล้วรู้สึกดี”

     และเหมือนชะตาตั้งใจทดสอบผู้ประกอบการหน้าใหม่ เพราะช่วงที่ย้ายร้าน คือช่วงโควิดพอดี ทุกคนต้องปิดร้าน แต่เธอเพิ่งย้ายมาใหม่ ยังเปิดไม่ได้ ยังไม่มีลูกค้าเข้า แต่แทนที่จะนั่งเครียด เธอกลับมองนี่คือโอกาส 

     “โควิดคนอื่นหยุด แต่เราไม่หยุด”

     เธอใช้จังหวะนี้ปรับปรุงร้านทุกอย่างด้วยกันสองคนกับล้ำยุค และแม้ลูกค้ายังมาไม่ได้ เธอก็สื่อสารตลอด โพสต์รูป ลงเพจ แชร์ว่าแต่งร้านไปถึงไหน ทำมุมไหนเสร็จแล้ว เหมือนเล่าเรื่องร้าน ผลลัพธ์คือ แม้ไม่มีใครมา แต่คนกำลังติดตามการเติบโตของร้านอยู่เรื่อยๆ

     ระหว่างนั้นเอง ความท้าทายใหม่ก็มาเยือน ร้านอยู่ลึก เครื่องดื่มอย่างเดียวคงไม่สามารถดึงคนได้ จึงต้องหาทางเพิ่มสิ่งดึงดูด และโควิดก็กลายเป็นเวลาของการทดลอง

     “เปิด YouTube หาสูตร ซื้อหนังสือขนม เบเกอรี่ อ่านแล้วทดลอง ทำเสร็จก็แจกคนที่สั่ง Grab ให้ลองชิม บางคนแวะมานั่ง outdoor ก็ให้ลองฟรี รับฟีดแบ็กทุกคำ แล้วค่อยๆ ปรับสูตรให้ดีขึ้นทีละนิด เราทำไปเรื่อยๆ อัพรูปลงเพจตลอด คนเห็นว่าเราฝึกอะไรอยู่ ถึงแม้เขายังมาหาเราไม่ได้ แต่เขาเห็น”

     และนั่นคือจุดที่ผู้ประกอบการหลายคนมองข้าม การเล่าเรื่องระหว่างทางก็เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง

     เธอไม่ได้ตั้งใจทำคอนเทนต์ แต่ทุกโพสต์ระหว่างเรียนรู้กลายเป็นเรื่องราวที่ผู้ติดตามค่อยๆ ผูกพันโดยไม่รู้ตัว

     พอคลายล็อกดาวน์ วันแรกที่ร้านเปิด ลูกค้าก็เต็มร้านในทันที  

Storytelling เส้นทางเล็กๆ ที่พาร้านลึกๆ ให้คนเห็น

     หลังผ่านจุดเปลี่ยนใหญ่ของร้านครั้งนั้น สิ่งที่ทำให้ Stay with tree café เริ่มเป็นชื่อที่คนจำได้ ไม่ได้มาจากโลเคชัน ไม่ได้มาจากมุมสวย แต่เกิดจาก “เรื่องราว” ที่ถูกเล่าอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นสะพานเชื่อมคนกับร้านไปโดยไม่รู้ตัว

     อภิรดีเล่าว่า ช่วงที่เปิดร้านใหม่พอดีกับยุคโควิด คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงห้องแอร์ ร้านของเธอไม่มีแอร์ จึงกลายเป็นความพอดีที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ

     “คนยังกลัวห้องแอร์ แล้วเราก็ไม่มีห้องแอร์ มันเลยกลายเป็นเรื่องดีไป คนแฮปปี้ที่มานั่งคนละมุม ใต้ต้นไม้ มันก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเราเหมือนกัน”

     เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกค้ายังเดินทางเข้าซอยลึก 700 เมตรเพื่อมาหาเหมือนเดิม แม้วันธรรมดาอาจบางตา แต่เสาร์-อาทิตย์ยังเต็มแน่นแบบมีให้เห็นทุกสัปดาห์

     เมื่อถามว่าอะไรทำให้คนยังมาหาในเมื่อร้านไม่ได้อยู่ในทำเลง่ายๆ คำตอบของอภิรดีไม่ใช่โปรโมชั่น ไม่ใช่เมนูใหม่ แต่คือการ “เล่าเรื่องตลอดเวลา”

     “เราก็ไม่ได้หยุดทำเลย อาจจะไม่ไฟแรงเท่าช่วงแรก แต่เรายังเล่าตลอดว่าเราทำอะไร ไปไหน ทำเมนูอะไรใหม่ คนก็ยังเห็นเราอยู่ตลอด”

     ลูกค้าเก่ามาจากกาแฟ ลูกค้าใหม่มาจากโซเชียล เพราะเรื่องเล่านี่เอง ทำให้หลายคนรู้สึกว่า “รู้จักร้านนี้มาตั้งแต่ต้น” ทั้งที่ไม่เคยมาเลยสักครั้ง

    “คนเห็นว่าเรายังไปต่อ เขาเห็นเราจากตอนเริ่ม จนตอนนี้เราทำขนมจริงจังขึ้น ทำเค้กวันเกิด เค้กแต่งงาน ลูกค้าก็คาดหวัง เราก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ทุกคนมีเรื่องเล่าอยู่แล้ว มีปัญหา มีสิ่งที่ต้องเจอ ถ้าทำโซเชียลจริงจัง เล่าให้คนรู้ว่าเราขายอะไร ตั้งใจทำอะไร มันมีผลมาก ยุคนี้คนเซิร์ชทุกอย่าง”

เค้กที่เริ่มจากศูนย์ สู่ธุรกิจใหม่ที่เติบโตเกินกว่าที่ตั้งใจ

     ในวันแรกที่เปิดคาเฟ่ อภิรดีคิดเพียงว่าเค้กโฮมเมดน่าจะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ของ Stay with tree café ได้ ไม่ใช่กลายเป็นธุรกิจอย่างทุกวันนี้

     “จริงๆ ตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าจะไปไกลขนาดนี้ เราเริ่มจากศูนย์ แล้วค่อยๆ อยู่กับมัน ศึกษามัน พอทำมากขึ้นก็เริ่มเข้าใจมันมากขึ้น”

     จากคนที่ไม่เคยยืนหน้าเตาอย่างจริงจัง อภิรดีกลับพบว่าความตั้งใจเล็กๆ ในการทำเค้กให้ลูกค้าที่ร้าน กลายเป็นพื้นที่ฝึกฝนที่พาเธอเรียนรู้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มจากเค้กธรรมดา ไปจนถึงเค้กวันเกิด เค้กแต่งงาน และงานเคเทอริ่ง

     “ในช่วงพีค ยอดเค้กหน้าร้านเคยพุ่งถึงวันละ 100–120 ชิ้น ส่วนเค้กสั่งทำก็โตจนแตะ 60 ปอนด์ต่อเดือน ทั้งที่ทีมมีเพียง 2–3 คน และทุกก้อนเป็นงานคัสตอม ที่ต้องใช้เวลาและความละเอียดระดับสูง”

    เมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจเค้กเริ่มโตจนห้องครัวในคาเฟ่ ไม่สามารถรองรับได้อีก อภิรดีเล่าว่าอุปกรณ์ เครื่องมือ และพื้นที่จัดเตรียมขนม เริ่มแออัดเกินกว่าจะบริหารร่วมกับการทำร้านกาแฟปกติ อีกทั้งลูกค้ายังเริ่มสับสนว่าอะไรคือของคาเฟ่ อะไรคือของงานเค้ก ทำให้เธอตัดสินใจว่าธุรกิจนี้ควรมีที่ทางของตัวมันเอง

    “มันไม่ใช่คาเฟ่อีกต่อไปแล้ว เลยอยากแยกให้ชัดว่าเค้กโอกาสพิเศษหรือเคเทอริ่งทั้งหมดจะไปอยู่ใน Stay Bake Stay Cake”

     ปีนี้เธอจึงลงมือสร้าง “ครัวกลาง” ใหม่ที่มีพื้นที่จัดเก็บอุปกรณ์ดีขึ้น รองรับงานเค้กที่มีจำนวนมากขึ้น และเตรียมใช้ชื่อแบรนด์ใหม่ Stay Bake Stay Cake เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นงานเค้กโดยเฉพาะ ส่วน Stay with tree café ก็ยังคงเป็นคาเฟ่ที่ทุกคนรักเหมือนเดิม ในอนาคต เธอวางแนวคิดว่าจะเปิดคลาสสอนทำเค้กเล็กๆ สำหรับคนที่อยากเริ่มเหมือนเธอในวันแรกอีกด้วย

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
  

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ไอเดียสุดแสบ! ร้านออนไลน์จีนทำป้ายใหญ่  แก้ปัญหาลูกค้าใส่แล้วคืน

ถ้าเปิดกล่องเสื้อผ้าออนไลน์แล้วเจอแท็กใหญ่เท่ากระดาษ A4 พร้อมข้อความว่า “ห้ามคืนหรือเปลี่ยน หากป้ายถูกถอดออก” หรือซิปที่ถูกล็อกด้วยรหัสลับ นี่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวสุดแปลกใหม่ที่วงการอีคอมเมิร์ซจีนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

กว่าจะได้เป็นมือขวาแม่ ทายาทร้าน 'ลาบก้อยซอยนานา' ใช้ Data และบัญชี ต่ออายุร้าน 10 ปีให้ยอดขายเพิ่ม 6 เท่า

เมล–ธนัท สุริยะภูมิ ทายาทรุ่นสองและวิศวกรเกียรตินิยมอันดับสอง ต่อยอดระบบเดิมโดยไม่ล้มของเก่า ใช้ Data และการทำบัญชี พลิกฟื้นร้าน “ลาบก้อย ซอยนานา” จาก 15 โต๊ะเกือบปิดกิจการ…สู่ยอดขายโต 6 เท่าใน 5 เดือน

3D Printer ตัวช่วยต่อยอดธุรกิจไซส์เล็ก เปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นรายได้ง่ายๆ

“3D Printer” หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถทดลองออกแบบและผลิตสินค้าได้เอง โดยไม่ต้องลงทุนสูง ช่วยเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นจริงได้ง่ายๆ ถ้าอยากนำมาใช้ในธุรกิจต้องทำยังไงบ้าง มาหาคำตอบกัน