‘แตะพี่หมอ’ รองเท้าแตะผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ขยายสาขา ไม่ X แบรนด์ดัง แต่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก

Text : Surangrak Su.

Photo : Chiangmai Running Sandal


      ท่ามกลางโลกธุรกิจที่แข่งกันขยายสาขาและเพิ่มยอดขายอย่างรวดเร็ว มีแบรนด์รองเท้าแตะใส่วิ่งแบรนด์หนึ่งจากเชียงใหม่ที่เดินสวนกระแสอย่างเงียบๆ

     “แตะพี่หมอ” หรือชื่อเต็ม คือ “Chiangmai Running Sandal ซ่อนตัวอยู่ในมุมเล็กๆ ของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสและน้ำปลา เจ้าของ คือ อดีตนักวิ่งล่ารางวัล สุรศักดิ์ สืบมงคลชัย หรือ “พี่หมอ” ที่นี่ไม่มีหน้าร้านใหญ่โต ไม่มีสาขา ไม่โฆษณา แต่กลับดึงดูดนักวิ่ง คนรักสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหาเรื่องเท้าจากทั่วโลกให้เดินทางมาหาด้วยเหตุผลเดียวกัน คือ “รองเท้าแตะที่ทำขึ้นมาเฉพาะสำหรับเขาคนเดียว”

     ทำไมธุรกิจที่เติบโตอย่างช้าๆ ไม่ตามสูตรสำเร็จ ไม่ขยายสาขา และไม่ยอมสูญเสียตัวตน จึงกลายเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกรู้จัก?

     คำตอบอยู่ในรองเท้าแตะเล็กๆ คู่นี้นี่เอง

จากนักวิ่งล่ารางวัล สู่ผู้ปั้นแบรนด์รองเท้าแตะระดับชาติ

     ย้อนกลับไป 14 ปีก่อน พี่หมอเป็นนักวิ่งที่หลงใหลในการแข่งขันอย่างหนัก จนสุดท้ายเกิดอาการบาดเจ็บจากรองเท้าวิ่งทั่วไป เขาจึงหันมาศึกษาการวิ่งเท้าเปล่าและเริ่มให้คำปรึกษาคนอื่นๆ จนกระทั่งมีเพื่อนที่ป่วยเป็นเบาหวานอยากเริ่มวิ่ง พี่หมอจึงทำรองเท้าแบบทดลองให้ใช้ฟรี โดยดัดแปลงจากวัสดุที่พอหาได้ เช่น ยางในรถยนต์, หนังวัว, หนังควาย ในขณะเดียวกันเขายังต้องแบกภาระหนี้สินกว่า 8 ล้านบาทจากโรงงานของครอบครัว แต่กลับมองว่าการทำรองเท้าให้คนลองใส่คือ “ช่วงเวลาที่ได้ทำสิ่งที่รักจริงๆ”

     คนที่ได้ลองต่างบอกต่อ จนมีผู้สนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มทำขายในเวลาต่อมา และถือเป็นผู้บุกเบิกรองเท้าแตะวิ่งแบบเชือกเจ้าแรกๆ ในไทย

ร้านรองเท้าตามสั่ง ทำทีละคู่ เพื่อผู้ใช้แต่ละคน

     ชื่อเสียงของแตะพี่หมอเริ่มขยายไปในหมู่นักวิ่ง ผู้สูงอายุ คนรักสุขภาพ รวมถึงผู้มีปัญหาเรื่องเท้า เช่น เท้าสองข้างขนาดไม่เท่ากัน หรือมีความพิการบางส่วน

     พี่หมอจึงเปรียบร้านตัวเองเหมือน “ร้านอาหารตามสั่ง” ที่ลูกค้าสามารถบอกได้หมดว่าต้องการแบบไหน

     “ผมอยากทำรองเท้าคู่ที่เป็นของเขาคนเดียวในโลก จะยาวไม่เท่ากัน สีไม่เหมือนกัน บอกมาได้หมด
เราขายสิ่งที่ร้านอื่นไม่มี และเราทำให้ได้”

     รองเท้าทุกคู่ต้องผ่านการวัดเท้าจริง เริ่มตั้งแต่จุดประสงค์การใช้งาน เช่น วิ่งช้า, วิ่งเร็ว น้ำหนัก ส่วนสูง เพื่อออกแบบแต่ละคู่ให้เหมาะที่สุด ไม่มีสต็อก ไม่มีสินค้าพร้อมส่ง ทุกคู่คือ ทำใหม่ทีละคู่ แม้แต่คนที่กังวลว่าจะใส่แล้วเจ็บ พี่หมอยังเสนอให้ “ยืมไปใส่เป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน” ถ้าไม่ถูกใจส่งคืนได้ และกรณีส่งผิดไซส์ก็เปลี่ยนให้ฟรี

     โดยให้เหตุผลง่ายๆ ว่า

     “ขอแค่ให้เขาใส่คู่แรกแล้วมีความสุข เขาจะกลับมา และพาคนรอบตัวกลับมาด้วย โดยเราไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณา หรือจ้างพรีเซ็นเตอร์แพงๆ เลย”

     เอกลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นของแตะพี่หมอ คือ ตัวพื้นถูกออกแบบมาให้แข็ง หนา ไม่นิ่มเด้ง เพราะต้องการให้ร่างกายทำงานเอง ใช้กล้ามเนื้อที่ไม่เคยถูกใช้ในรองเท้าวิ่งทั่วไป เพื่อช่วยพยุงส่วนที่บาดเจ็บ

     ปัจจุบันจำหน่ายในราคาคู่ละ 1,490–1,590 บาท ปัจจุบันยอดขายเฉลี่ยเดือนละ 100–300 คู่ ตลอดสิบปีที่ผ่านมาไม่เคยมีช่วงตกลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้นทุกปี

ทีมงานจำเป็น จากลูกค้า สู่ผู้ร่วมสร้างแบรนด์

     ธุรกิจของพี่หมอมีผู้ช่วยราวสิบคน แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่พนักงานประจำ หากแต่เป็นลูกค้าที่เคยมาซื้อรองเท้าแตะพี่หมอแล้วทั้งนั้น บางคนเป็นเจ้าของโรงงานทำพื้นรองเท้า บางคนเป็นช่างตัดเย็บ บางคนเป็นคนผลิตเชือก ฯลฯ

     “ผมเป็นคนที่ถ้าไม่เป็น ไม่เก่ง อะไร จะกล้าบอกตรงๆ มันทำให้เราได้เจอคนที่จะมาช่วยเราอีกเยอะเลย”

     อีกสิ่งที่ใช้มัดใจทีมงานให้อยู่ด้วยกันทำธุรกิจไปยาวๆ คือ การเป็นผู้นำที่พร้อมสนับสนุนและแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดไว้กับตัว เพื่อสนับสนุนเครื่องมือให้ทีมงาน เช่น ซื้อจักรเย็บให้ช่างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย, จ่ายเงินสดทุกงานเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทีมงาน ช่างเย็บบางรายมีรายได้กว่าเดือนละ 3–6 หมื่นบาท กลายเป็นเครือข่ายมิตรภาพที่เหนียวแน่น

     ลูกค้าบางคนก็นำสินค้าอื่นมาฝากขาย พี่หมอก็ช่วยซื้อ แล้วนำมาแจกให้ลูกค้า เพราะมองว่าไม่ได้ขาดทุน แค่ได้กำไรน้อยลง แต่ได้ใจลูกค้ามากขึ้น แถมยังได้มิตรภาพและเพื่อนด้วย

แบรนด์ดัง ห้างใหญ่ตามจีบ แต่ไม่เอา

     แม้ชื่อเสียงจะแรงเกินต้าน จนร้านเครื่องกีฬา, แบรนด์รองเท้าชื่อดัง และห้างใหญ่หลายแห่งมาขอเป็นพาร์ทเนอร์ ต้องการสั่งรองเท้าทีละ 100–200 คู่ หรือให้ทำคอลเลกชันร่วมกัน แต่พี่หมอปฏิเสธทั้งหมด

     “ตอนนี้รองเท้าเกือบทุกแบรนด์ในไทยมาที่ผมเกือบหมดแล้ว บางแบรนด์อยากให้เราไปคอลแลปด้วย เพราะเขาชอบแนวคิดเรา ห้างใหญ่หลายที่ก็ชวนนำสินค้าไปวางขาย แต่ผมไม่อยากโตจนเจ๊ง ไม่อยากเป็นหนี้ ถ้าคิดเป็นธุรกิจ คุณจะอยากได้ไม่รู้จบ แล้ววันหนึ่งก็จะเจ๊ง แต่ถ้าทำด้วยความชอบ คุณจะมีความสุขและไม่เหนื่อย เพราะกำไรทุกอย่างที่เพิ่มขึ้น คือ ต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มด้วย”

     ทุกวันนี้ร้านเล็กๆ ของพี่หมอกลายเป็นเหมือนซอฟต์พาวเวอร์ของเชียงใหม่ ช่วยดึงผู้คนให้เข้ามาท่องเที่ยว กินใช้จ่ายในจังหวัด เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่คนชื่นชอบรองเท้าต้องแวะไปให้ถึง

     “เป้าหมายของผมไม่ได้มองว่าวันหนึ่งเราต้องทำเงินได้เยอะๆ แล้วชีวิตจะมีความสุขสบาย แต่ผมจะมองกลับไปในวันที่เราเคยเป็นหนี้ เพื่อไม่ให้กลับไปเป็นแบบนั้นอีก ทุกวันนี้ผมใช้หนี้หมดแล้ว จึงค่อนข้างระวัง การที่คนเข้ามาหาเรามากมาย ก็เพราะตัวตนของเราด้วย ได้มาเจอ มาพูดคุยกัน การขยายสาขาไปที่อื่น บางครั้งก็เหมือนเราทำลายตัวตนของตัวเองด้วย

     “แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจเรื่องอนาคตเลย ถ้าอยากจะทำอะไร ผมจะใช้เงินเย็นที่เก็บไว้ โดยไม่ลงทั้งหมด หลักการลงทุนของผม คือ ใน 100% ผมจะลงทุนครั้งละไม่เกิน 20% ทำให้ผมสามารถทำพลาดได้ 5 ครั้ง เราอยากโตแบบแน่นๆ ถึงจะไม่ขยายสาขาเพิ่ม แต่เราไปลงทุนทำผลิตภัณฑ์อื่นในสายเดียวกัน เช่น ทำเป้น้ำแตะพี่หมอ สำหรับนักวิ่ง หรือไปลงทุนซื้อที่ดินเก็บไว้ก็ได้ ไม่จำเป็นแค่ต้องขยายสาขา หรือเพิ่มกำลังการผลิตให้เยอะๆ วันหนึ่งผมอาจเจอรองเท้าแตะจากจีนเข้ามาขายแข่งคู่ละสองร้อยก็ได้ ถึงลูกค้าจะรักเราแค่ไหน แต่ถ้าราคาต่างกันเยอะขนาดนี้ เขาอาจเปลี่ยนใจก็ได้ มันก็ไม่แน่ การเตรียมตัวไว้ คิดให้รอบคอบก่อนน่าจะดีกว่า”

     และนี่คือ “แตะพี่หมอ” ภาพสะท้อนของคนทำธุรกิจที่เลือกเติบโตแบบไม่เร่ง ไม่เสี่ยงเกินตัว แต่โตแบบแน่นๆ ในคุณภาพ ความเชื่อใจ ไม่วิ่งตามตัวเลขยอดขายเดือนละเป็นพันเป็นหมื่นคู่ แต่มองหาเส้นทางที่มั่นคงกว่า เพราะเขาเชื่อว่าความสำเร็จไม่ใช่การโตเร็วที่สุด แต่คือการ “โตโดยที่ไม่สูญเสียตัวตน” ต่างหาก และนั่นคือเหตุผลที่รองเท้าแตะคู่เล็กๆ จากเชียงใหม่คู่นี้ ยังยืนหยัดอยู่ได้ยาว ยิ่งนานก็ยิ่งมีคนเดินทางไกลเพื่อมาหา

     ข้อมูลติดต่อ : โทร. 081 287 4862, FB : แตะพี่หมอ #Chiangmai Running Sandal

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ศัตรูตัวจริงที่ฆ่าธุรกิจที่อยู่มานาน คือ ความเคยชิน และ วิธีคิด ของเจ้าของ

หยุดโทษตลาด คู่แข่ง หรือภาวะเศรษฐกิจ! เพราะศัตรูที่อันตรายที่สุดที่กำลังฆ่าธุรกิจคุณอย่างช้าๆ อาจไม่ใช่เศรษฐกิจ เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่เป็นสิ่งที่เคยทำให้คุณรวยในอดีต นั่นคือ "ความเคยชิน" และ "วิธีคิดที่ติดกับดักความสำเร็จ" ของตัวคุณเอง

จาก Street Food ข้างทาง สู่แฟรนไชส์ที่มีมาตรฐาน “ต้มเส้นตีนไก่” เริ่มง่าย คืนทุนไว

จากร้านอาหารเวียดนาม สู่การต่อยอดเมนูสตรีทฟู้ดอย่าง “ต้มเส้นตีนไก่” ให้กลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่กำลังเติบโต ด้วยการวางเป็นระบบ มาตรฐานครัวกลาง การควบคุมคุณภาพ และโมเดลแฟรนไชส์ที่ลงทุนไม่สูง แต่กลับสร้างผลตอบแทนเร็วเกินคาด

คุยกับ อรกานต์ - โทมาช โพรคาสคา สองผู้ร่วมก่อตั้งที่พา Pynpy’ กางเกงในอนามัย บุกเบิกและครองตลาดไทยเป็นเจ้าแรก    

มาฟัง อรกานต์ และ โทมาช โพรคาสคา สองผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Pynpy’ เจ้าของนวัตกรรมกางเกงในอนามัยและกางเกงซึมซับปัสสาวะเล็ด ทำยังไงถึงยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดในปัจจุบัน พร้อมทัศนะในเรื่องของการแจกผ้าอนามัยฟรีแ