เปิดแผน Karmart ปั้นแบรนด์ผงาดอาเซียน

TEXT : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงจากวารสาร K SME Inspired


    Karmart ใช้เวลามา 6 ปีในการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางค์ให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้บริโภค การทำตลาดเชิงรุก รู้จังหวะ และจับจุดตรงกลุ่มเป้าหมายทำให้คาร์มาร์ทประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เป้าหมายลำดับต่อไปของ วงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารและพัฒนาธุรกิจ บริษัท คาร์มาร์ท จํากัด (มหาชน) คือการส่งแบรนด์ Karmart ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในตลาดเอเชียในปี 2020



    Kamart เริ่มเป็นที่รู้จักในต่างประเทศเมื่อมีกระแสความนิยม จนมีการหิ้วสินค้าเข้าไปขายตามแนวตะเข็บชายแดน กระทั่งบริษัทในประเทศกลุ่มอาเซียนเห็นศักยภาพสินค้าจึงติดต่อเข้ามาขอเป็นตัวแทนจำหน่าย แผนการส่งออกของคาร์มาร์ทจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ การร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น และการขยายผ่านแฟรนไชส์ ซึ่งได้เริ่มไปแล้วในหลายประเทศ เช่น เข้าไปตั้งสำนักงานสาขาในจีน เวียดนาม และมาเลเซีย และขยายสาขาผ่านแฟรนไชส์ในประเทศกลุ่ม CLMV โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำตลาดเอเชีย

    วงวิวัฒน์บอกว่านับจากนี้ไปจนถึงปี 2020  Kamart จะโฟกัสกับตลาดอาเซียนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศ และพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ส่งเข้าไปสามารถทำการตลาดและสร้างยอดขายได้ไม่ยาก และยังได้รับการสนับสนุนเรื่องการส่งออกนำเข้าระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกันเองอีกด้วยจึงเป็นตลาดที่ค่อนข้างง่ายต่อการบุกเบิกเรื่องการส่งออก โดยรูปแบบการเข้าไปทําตลาดในต่างประเทศนั้นจะหาพันธมิตรหรือตัวแทนจําหน่ายในแต่ละประเทศที่มีความชํานาญด้านตลาดผลิตภัณฑ์ความสวยและความงาม สามารถกระจายสินค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งถือเป็นช่องทางหลักเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างได้

    “ในช่วงแรก เราจะสนับสนุนเรื่องของตัวโปรดักส์ และเครื่องมือในการทำตลาดต่างๆ แต่เมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่งจนมองเห็นศักยภาพการลงทุนในประเทศนั้นๆ เราก็จะขยับไปสู่การร่วมค้า ตอนนี้มีดูๆ ไว้ที่เวียดนาม และมาเลเซีย อยู่ระหว่างการพิจารณาศักยภาพตัวแทนจำหน่ายของเราก่อนเพื่อให้โอกาสแก่คนเหล่านี้เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมลงทุน โดยจะดูขีดความสามารถในการกระจายสินค้าของตัวแทนเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละประเทศมียอดขายสูงต่ำหมุนเวียนกันไป อย่างปีนี้ฟิลิปปินส์มียอดขายเยอะที่สุด รองลงมาคืออินโดนีเซีย”

    เป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน เขาบอกว่าไม่เคยมองเครื่องสำอางแบรนด์อื่นเป็นคู่แข่งมากไปกว่าตัวเอง 6 ปี คาร์มาร์ทยึดตัวเองเป็นเป้าหมายในการพัฒนาและกำหนดว่าแต่ละปีจะต้องโตให้ได้ 30% ก็จะดูว่าควรทำอย่างไรให้เป็นไปตามเป้า 



    “จริงๆ ในตลาดอาเซียนมีบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ระดับโลกเข้าถึงหมดแล้ว แต่ยังพอมีช่องว่างที่เราสามารถเจาะเข้าไปได้โดยเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด” 

    วงศ์วิวัฒน์มองว่ากลุ่มลูกค้าของคาร์มาร์ทส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นจนถึงวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งฐานลูกค้ากลุ่มนี้จะโตไปพร้อมกับแบรนด์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนกลุ่มนี้ได้ในอีก10-20 ปีข้างหน้า เขาจะยังคงเป็นลูกค้าที่ภักดีกับสินค้าไปตลอด 
    “จากที่เราไปสำรวจตลาดมาหลายประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์มีช่องว่างให้เราเติมได้อีกเยอะมาก อย่างอินโดนีเซียแม้จะมีประชากรติดอันดับสี่ของโลกแต่ยอดขายยังต่ำกว่าไทยมาก ขณะที่สิงคโปร์ตลาดเล็กมากแต่ก็เป็นตลาดที่เราลืมไม่ได้ เพราะเป็นเหมือนศูนย์กลางในการกระจายออกไปยังประเทศอื่นๆ นอกอาเซียน จะเห็นว่าทุกประเทศในอาเซียนมีช่องว่างให้เราเล่นได้หมดเลย”
    
    วงศ์วิวัฒน์มองว่าการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศอาเซียน ไม่ใช่โอกาสเฉพาะของ Kamartเท่านั้น แต่เป็นโอกาสของตลาดเครื่องสำอางไทยทั้งหมด เป้าหมายของ kamart จึงไม่ใช่การแข่งขันกับใคร แต่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามของไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเอเชีย

    “ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องสําอางส่งออกติดอันดับ 1 ใน 5 ของเอเชีย ไม่รวมอินเดียและจีน ไทยมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางด้านความสวยความงามของภูมิภาคอาเซียน ยิ่งช่วงที่ผ่านมาตลาดเครื่องสำอางสหรัฐ และยุโรปประสบปัญหาสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การรวมตัวของกลุ่มประเทศอาเซียนจึงส่งผลให้ตลาดเครื่องสําอางของไทยมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียนโดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV มีความชื่นชอบสินค้าจากไทยเพราะมองว่ามีคุณภาพและมาตรฐานที่เชื่อถือได้”

    การขยายตลาดไปสู่อาเซียนส่งผลให้ยอดขายของ Kamart เพิ่มขึ้นมากกว่า 30%  โดยเขาคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้ารายได้ 5,000 ล้านบาทก็ไม่ไกลเกินเอื้อม ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่เขาจะไล่หาซื้อแบรนด์ที่ไม่ประสบความสำเร็จในอาเซียนมาทำใหม่ เพื่อขยายอาณาจักร Kamart ให้ผงาดอาเซียน 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ตั๊กบ้านโตน ร้านหมูกระทะต่างจังหวัด ที่คนแย่งกันจองคิวนานนับเดือน  ยอมขับรถไกลหลายชม. เพื่อไปกิน

“ตั๊กบ้านโตน” (Tak Baan Tone) ร้านหมูกระทะเมืองอุทัยธานี ที่ปิดรับจองคิวล่วงหน้า เพราะเต็มยาวไปถึงวันสิ้นปีแล้ว ถ้าอยากกินต้องวอคอินไปเท่านั้น อะไรทำให้ “ร้านหมูกระทะ” กลายเป็นร้านพิเศษขึ้นมาได้ ถึงขั้นมารอต่อคิวเพื่อจะได้กินสักครั้ง

Taitier สบู่สาย Realistic ฝีมือคนไทย เหมือนจนตั้งราคาได้กว่า 5,000 บาทต่อก้อน!!   

ถ้าจะบอกว่า ผลไม้ที่เห็นตรงหน้านี้คือสบู่ คุณจะเชื่อมั้ย? นี่คือฝีมือของแบรนด์ไทยนามว่า Taitier ที่ผสานศิลปะและของใกล้ตัวออกมาได้อย่างเหมือนจริงสุดๆ ที่ต้องบอกเลยว่า Wow! คนไทยไม่พอ ยังโตต่อในต่างประเทศอีกด้วย

สายมูต้องมุง! กระเป๋าสานจากหางประทัดแก้บน ลดขยะล้นวัด ได้งานคราฟต์สุด Cool  

มูยังไงให้สิ่งศักด์สิทธิ์รักและรักษ์โลกด้วย? พาไปรู้จักหางประทัดแก้บนที่นำมาสานเป็นกระเป๋าสุดคูล จากวัดเจดีย์ หรือ วัดไอ้ไข่ โดยกระเป๋า 1 ใบ จะใช้หางประทัดมากถึง 999 ชิ้น ซึ่งช่วยอัพราคากระเป๋าให้แตะได้ถึงหลักพันทีเดียว