ต้องรอด! เปิดแผน 'ริเวอร์แคว วิลเลจ’ โรงแรม 4 ทศวรรษ สู้ไวรัส COVID-19

TEXT : กองบรรณาธิการ
PHOTO : River Kwai Village Hotel  





Main Idea
 
 
  • “ริเวอร์แคว วิลเลจ” คือโรงแรมแห่งแรกใน จ.กาญจนบุรี ที่เปิดให้บริการมานานถึง 45 ปี มีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผู้ชื่นชอบในธรรมชาติและกิจกรรมที่หลากหลาย แวะเวียนมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
 
  • วันนี้พวกเขากำลังเจอกับวิกฤตครั้งใหญ่ เมื่อ COVID-19  พ่นพิษใส่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้ลูกค้าทรุดฮวบลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าพิษจากบาดแผลนี้จะยาวนานถึงสิ้นปีนี้
 
  • ติดตามแผนรับมือไวรัส COVID-19 ของโรงแรมรุ่นเก๋า ที่บริหารโดยทายาทรุ่นใหม่ กับเกมที่ทั้งยากและท้าทาย กับเป้าหมายที่มีแค่คำว่า “ต้องรอด” เท่านั้น     



     โรงแรมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ บนพื้นที่นับ 500ไร่ ติดกับแม่น้ำแคว แม่น้ำสายประวัติศาสตร์สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี มีชื่อที่ผู้คนคุ้นกันดีว่า “ริเวอร์แคว วิลเลจ” (River Kwai Village Hotel ) นี่คือโรงแรมแห่งแรกของเมืองกาญจน์ที่เปิดให้บริการนานถึง 45 ปี มีห้องพักประมาณ 270 ห้อง ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่น 2 และ 3
               

      ในยุคที่รุ่งเรือง ริเวอร์แคว วินเลจ เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย โดยเป็นต่างชาติประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ครอบคลุมแทบทุกกลุ่มทั้งยุโรป และเอเชีย สายสงบ สายปาร์ตี้ และกลุ่มที่ชื่นชอบกิจกรรมแอดเวนเจอร์ สำหรับลูกค้าคนไทยที่มีอยู่ 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นทั้งกลุ่มครอบครัว ลูกค้าองค์กรที่มาจัดกิจกรรมเอาท์ติ้ง ตลอดจนการประชุมสัมมนาของหน่วยงานภาครัฐพวกเขาก็รองรับได้ เคยรับนักท่องเที่ยวชนิดที่ไม่หวาดไม่ไหว ถึงขนาดต้องทุ่มเงินสร้างตึกใหม่เพื่อขยายบริการมาแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน และยังมีการปรับเปลี่ยนให้ดูทันสมัยขึ้นทุกๆ 5 ปี
               




      แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยน จากโรงแรมที่เคยมีรถบัสนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 5-10 คัน  พนักงานรับมือได้สบาย มาวันนี้บางวันมีลูกค้าต่างชาติเท่ากับ “ศูนย์” พนักงานที่มีอยู่ได้แต่นั่งเหงา ลูกค้าต่างชาติหายไปแล้วกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่เป็นการจองล่วงหน้า และคาดว่าเดือนมีนาคม-พฤษภาคม นักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไปถึง 80 เปอร์เซ็นต์
               

      “จริงๆ เรามีปัญหามาเรื่อยๆ โดย 2-3 ปีมานี้ เรามีปัญหา PM2.5 เพราะเมืองกาญจน์มีการเผาอ้อยกันเยอะมาก ก็ค่อนข้างกระทบกับการท่องเที่ยว  แต่ PM2.5  ก็ยังไม่หนักเท่า COVID-19 เพราะตอนนั้นลูกค้าต่างชาติเราไมได้ลด มีแต่คนไทยที่หายไป อย่างกลุ่มประชุมสัมมนาพอเห็นว่าอากาศไม่เฟรชก็เปลี่ยนไปจัดที่อื่น  แต่ COVID-19 เรารับต่างชาติทุกชาติ อย่างลูกค้าจีน เกาหลีนี่ตัดไปได้เลย ไม่มีแน่นอน ส่วนยุโรป เขาก็กลัวที่จะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้เหมือนกัน รัสเซียที่เคยมาเมืองไทยเยอะๆ ก็ตกลงไป ปัจจุบันลูกค้าต่างชาติเราหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง และเชื่อว่าเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะหายไป 80 เปอร์เซ็นต์แน่นอน สำหรับยอดจองใหม่ ส่วนคนไทยก็หายไปเพราะต้องรอดูสถานการณ์ คาดว่าใน 100 เปอร์เซ็นต์ ลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเราจะหายไปถึง 60-70 เปอร์เซ็นต์ และเชื่อว่าสถานการณ์นี้จะกินเวลายาวทั้งปีนี้แน่นอน กว่าจะกอบกู้อะไรกลับมาได้ ก็ต้องปลายปี”
               




      “วีรวัฒน์ เจียรจิตเลิศ” ทายาทรุ่น 3   โรงแรม ริเวอร์แคว วิลเลจ กาญจนบุรี บอกโจทย์โหดหินที่พวกเขากำลังเผชิญ และยอมรับว่าหนักสุดตั้งแต่มาสานต่อธุรกิจครอบครัวเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน
               

      COVID-19 หนักกว่าการหายไปของลูกค้ารัสเซียจากปัญหาเศรษฐกิจและค่าเงิน สาหัสกว่าการหายไปของลูกค้าคนจีนหลังข่าวเรือนักท่องเที่ยวล่มเมื่อ 2 ปีก่อน และรุนแรงกว่าปัญหาฝุ่น PM2.5  หลายเท่า ซ้ำยังล้มแผนดึงนักท่องเที่ยวตลาดใหม่อย่างอินเดีย ที่กำลังหอมหวานเสียชะงัด และนั่นคือโจทย์ที่ผู้ประกอบการอย่างเขาต้องรีบแก้
               




       “ถามว่าลูกค้าหายไปเราเตรียมแผนรองรับอย่างไร ก่อนอื่นเลยก็ต้องประหยัด รัดเข็มขัด เท่าที่เราจะทำได้ก่อน จากนั้นก็ลดค่าใช้จ่ายของบริษัทลง วันนี้ลูกค้ากรุ๊ปทัวร์หายากขึ้น ก็ต้องมาหาลูกค้าที่เป็น FIT (Free Individual Travelers) และลูกค้าในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยการลดราคาลงมาแรงๆ เพื่อเอามาอุดรอยรั่วจากลูกค้าต่างชาติที่หายไป ตอนนี้เราต้องมาคิดว่าจะขายยังไงเพื่อให้คนไทย และองค์กรต่างๆ หันมาเที่ยวภายในประเทศ เพราะตอนนี้คนไทยออกนอกประเทศกันไม่ได้ ขณะที่สงกรานต์ก็จะหยุดยาวอีก คราวนี้แหล่ะเขาจะกลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น มันยังมีโอกาสในวิกฤตอยู่”

               



       ในส่วนของพนักงานเขาบอกว่าก็ต้องมีการสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ ให้พนักงานรู้ว่าปีนี้สถานการณ์ของโรงแรมจะเป็นอย่างไร จากแผนเดิมที่เคยตั้งใจว่าจะขยายตลาดโดยดึงชาติใหม่ๆ เข้ามา  เมื่อเจอกับ COVID-19 ก็คงต้องพับแผนไว้ก่อน และไม่ว่าลูกค้าจะมามากหรือน้อย สิ่งที่โรงแรมต้องรักษาไว้ก็คือมาตรฐานที่ต้องไม่ต่างจากวันที่ลูกค้ายังคงคึกคัก
               




      “เราต้องคุยกับพนักงานว่าจะรักษามาตรฐานของเราไว้ได้อย่างไร สมมติถ้าแขกเข้ามา เราจะเพิ่มบริการของเราอย่างไรเพื่อดึงความสนใจเขา และดึงยอดขายจากคนที่มาแล้วยังไงได้บ้าง รวมถึงการดันราคาให้ต่ำลง  เพื่อให้มีกรุ๊ปเข้ามาพอให้มีรายรับเข้ามาบ้าง แม้ว่าจะน้อยและเป็นทางอ้อมก็ตาม ผมมองว่าธุรกิจโรงแรมวันนี้ถ้าไม่มีแขก เราก็ต้องประหยัด แต่เมื่อเปิดออกมาแล้ว เราก็ต้องมาคิดต่อว่าจะทำยังไงให้ดึงลูกค้ากลับมาให้ได้มากที่สุด เพื่อชดเชยจากส่วนที่เราสูญเสียไปใน 7-8 เดือนนี้ เราจะต้องรักษามาตรฐานของโรงแรมไว้ และการที่พนักงานช่วงนี้ไม่มีงานทำ ก็ต้องให้เขาไม่สูญเสียเวลาไปเปล่าๆ เราทำได้แค่นี้ รักษาและหาช่องทางที่จะดึงนักท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมา อย่างที่บอกว่าเศรษฐกิจอย่างนี้คนอาจจะมาเที่ยวน้อยลง และหลายโรงแรมพอเขาไม่ได้ลูกค้าต่างชาติก็ต้องมาหาลูกค้าคนไทยด้วยกันเอง เป็นปลาบ่อเดียวกัน แม้แต่ละที่จะมีจุดเด่นไม่เหมือนกันก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องมาแย่งกันมากขึ้นอยู่ดี ฉะนั้นเราต้องเตรียมโรงแรมของเราให้พร้อมที่สุด”
               

     หนึ่งในกลยุทธ์หาตลาดในช่วงวิกฤต คือการออกบูธในงานต่างๆ เช่น งาน “SCB เที่ยวไทย ไปด้วยกัน” ที่จัดโดย SCB ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว และสมาคมโรงแรมไทย เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงงานไทยเที่ยวไทย โดยหวังดึงลูกค้าคนไทยให้กลับมาเที่ยวในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างพวกเขา เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้
               




      ในฐานะทายาทธุรกิจ เขาบอกว่าตั้งใจที่จะเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัวตั้งแต่แรก โดยเลือกเรียนมาทางด้านการโรงแรมมาโดยตรง ถามว่าตั้งใจให้ธุรกิจครอบครัวในยุคของเขาเติบโตไปได้ไกลขนาดไหน วีรวัฒน์ บอกเราว่า ขอแค่ยังรักษามาตรฐานของโรงแรมให้ดีต่อไปให้ได้ เพราะยอมรับว่าที่คนรุ่นก่อนทำไว้นั้นดีมากอยู่แล้ว หน้าที่ของเขาก็แค่รักษา และดูแลให้ดี รวมถึงต่อยอดไปสู่ตลาดใหม่ๆ แม้จะเจอวิกฤตหนักอีกกี่ครั้ง ก็ไม่คิดถอดใจหรือทดท้อ


     “ผมจะยังรักษามาตรฐานและต่อยอดลูกค้าไปยังชาติใหม่ๆ เพราะตลาดมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ จากเมื่อก่อนเป็นยุโรป มารัสเซีย จากนั้นก็มาจีน จากจีนเดี๋ยวก็หมด ก็ต้องไปชาติอื่น ซึ่งเราไม่ท้ออยู่แล้ว ยิ่งเจออะไรใหม่ๆ ยิ่งสนุก ความสนุกของวิกฤตครั้งนี้ก็คือ เราต้องเซอร์ไวฟ์ (Survive)  ต้องอยู่รอดให้ได้” เขาบอกในตอนท้าย
 

      วิกฤต COVID-19 อาจเล่นงานผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยให้เจ็บหนัก แต่สำหรับพวกเขา ยังพร้อมที่จะปรับตัวและต่อสู้ เพื่อให้ยังคงอยู่รอด เพื่อรอวันที่จะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง เมื่อสถานการณ์นิ่งสงบ และทุกอย่างกลับมางดงามเหมือนเดิมแล้ว
 



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

เพราะคิดถึงรสชาติความหนึบของขนม  หนุ่มไต้หวันสร้างแบรนด์แพนเค้กโมจิ KiuKiu ที่ทำเงิน 100,000 ดอลลาร์ในเดือนแรก

ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เริ่มจากไอเดียเล็กๆ แต่ลงมือทำอย่างจริงจัง ทดลองสูตรกว่า 80 ครั้ง จนทำให้ KiuKiu แบรนด์แพนเค้กและวาฟเฟิลสไตล์โมจิ เติบโตเร็วแบบชวนทึ่ง ทำรายได้แตะ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในเดือนแรกของการเปิดขาย

จาก Home School สู่ธุรกิจ Event เงินล้าน เจาะความคิด CEO วัย 19 ที่ทำให้ลูกค้ายอมไว้ใจ Gen Z

ทิ้งมหาลัย เพื่อออกมาเปิดบริษัท! นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ของ CEO วัย 19 ที่พิสูจน์แล้วว่า 'ประสบการณ์' สร้างรายได้ถึง 'เงินล้าน' ได้จริง

MATCHAZUKI จากความหลงใหลสู่แบรนด์มัทฉะไทยกว่า 11 ปี ที่ “ใส่ใจ” ลูกค้าในทุกย่างก้าวของการเติบโต

แม้วันนี้มัทฉะจะฟีเว่อร์ แต่ไม่ใช่ 11 ปีก่อน เมื่อการหามัทฉะคุณภาพดีในไทยไม่ใช่เรื่องง่าย จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ทีมเล็กๆ ก่อกำเนิด MATCHAZUKI แบรนด์ไทยที่หลงใหลในมัทฉะไม่แพ้ใคร พร้อมเปิดประตูชวนผู้คนให้ก้าวเข้าสู่โลกสีเขียวใบนี้ไปด้วยกัน