ระเบิดกลยุทธ์! สไตล์ ‘วุ้นระเบิด’ เพิ่มโอกาสอย่างไรในยามวิกฤต

TEXT : พิมพ์ใจ พิมพิลา

PHOTO : ฝ่ายภาพ SME Thailand




Main Idea
 
  • ในสถานการณ์วิกฤตที่ผู้ประกอบการไม่สามารถออกมาโปรโมตหรือนำเสนอสินค้าให้กับผู้บริโภคได้ แน่นอนว่าหลายอย่างถูกหยุดไว้ชั่วคราว แต่ในเวลาที่ต้องหยุดทุกอย่างไว้นั้น กลับมอบโอกาสในการกลับมามองจุดด้อยธุรกิจ แล้วทำการแก้ไข เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นหลังวิกฤตผ่านพ้น
 
  • ผลิตภัณฑ์วุ้นระเบิดจาก “บริษัท วีที สวีท แอนด์ ฟู้ด อินโนเทค จำกัด” ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เห็นโอกาสในช่วงวิกฤตว่าตนเองควรทำอะไรในช่วงเวลาที่มีอยู่ เพื่อที่จะสามารถรับมือกับอนาคตเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
 
  • ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์ การจดลิขสิทธิ์ การขอมาตรฐานความปลอดภัยสากลให้กับตัวสินค้าได้อย่างเฉียบคมและรวดเร็วนั่นเอง


     วุ้นระเบิด เป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัท วีที สวีท แอนด์ ฟู้ด อินโนเทค จำกัด เกิดจากการร่วมสร้างของเพื่อนสนิท “รสรินทร์ รุจนานนท์” และ “สันต์อาวี กรรณล้วน” โดยใช้ความรู้และนวัตกรรมมาแปลงโฉมวุ้นธรรมดาๆ ให้เป็น “วุ้นระเบิด” ที่มีความแตกต่าง อร่อย และแฝงความสนุกตอนกิน หลังการเคี้ยววุ้น เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับตัวผลิตภัณฑ์ตั้งแต่วันแจ้งเกิดธุรกิจ
 




     จุดเริ่มต้นของวุ้นระเบิดหนึ่งเดียวในโลก
 
 
      รสรินทร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า ทั้งสองคนพยายามสืบหาข้อมูลจากงานวิจัยต่างๆ โดยมีการศึกษาตั้งแต่ข้อมูลทั้งในเชิงทฤษฎีและการลงพื้นที่จริง ซึ่งพบว่าที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครทำวุ้นในรูปแบบที่พวกเธอคิดจะทำ
หลังจากนั้นพวกเธอก็ได้ทำการวิจัยและทดลองโดยใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ก็ได้ตัววุ้นระเบิดออกมา จากนั้นก็ทำการทดสอบตลาด เพื่อดูผลตอบรับว่ารู้สึกอย่างไรกับการปรับเปลี่ยนวุ้นไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนที่ชิมก็บอกว่าไม่เคยกินจากที่ไหนมาก่อน ซึ่งเธอเล่าว่าใช้เวลาเกือบครึ่งปีในการทำให้วุ้นระเบิดมีการคงสภาพอยู่ตัว โดยมีการเพิ่มรสชาติใหม่ๆ เข้าไป เพื่อให้ตอบโจทย์ตลาดมากยิ่งขึ้น
 

     “สำหรับวุ้นระเบิด เราจะใช้หลักวิทยาศาสตร์ทางอาหารในการกักเก็บซ่อนตัวน้ำผลไม้ปั่นไว้ข้างในตัววุ้น พอเรากัดตัวชิ้นวุ้นก็จะมีน้ำผลไม้ปั่นที่สอดไส้อยู่ข้างในระเบิดแตกออกมา นี่จึงเป็นที่มาของชื่อวุ้นระเบิด และด้วยความที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน เราจึงได้มีการยื่นขออนุสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการการันตีในทางหนึ่งว่า เราเป็นผู้ผลิตคิดค้นเป็นคนแรก อีกทางหนึ่งก็เป็นเหมือนการปกป้องตัวเองในการทำธุรกิจของเราด้วย” รสรินทร์ เล่าความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ใหม่
 




     ปรับตัวรับเศรษฐกิจขาลงที่มาพร้อมโรคระบาด
 

     รสรินทร์เล่าว่า สำหรับตัววุ้นระเบิดนั้นเมื่อย้อนไปประมาณเดือนกุมภาพันธ์ เศรษฐกิจก็ค่อนข้างอยู่ในช่วงขาลงและเริ่มมีปัญหาขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้วุ้นระเบิดเจอปัญหาตั้งแต่ช่วงนั้นมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ก็อยู่ในเกณฑ์วิกฤตหนัก เพราะเจอกับการระบาดของโควิด-19 ซึ่งพวกเธอก็ได้มีการปรับแผนกันอยู่ตลอดเวลา


     จากแต่เดิมวุ้นระเบิดจะมีการวางจำหน่ายอยู่ตามร้านของฝากในตัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และส่งจำหน่ายตามจังหวัดต่างๆ และอีกทางหนึ่งที่สำคัญของวุ้นระเบิด คือ การไปออกบูธในโอกาสต่างๆ เนื่องจากว่าผลิตภัณฑ์ยังเป็นของใหม่ ทำให้พวกเธอต้องนำพาตัวเองออกไปพบกับลูกค้า อธิบาย โปรโมตหรือออกไปให้ลูกค้าได้ทดลองชิม ดังนั้นเมื่อช่องทางตรงนี้หายไปเนื่องจากโรคระบาด ก็ย่อมส่งผลให้รายได้ในส่วนนี้หายไปด้วยเช่นกัน ลูกค้าปัจจุบันที่มีอยู่ในตอนนี้ จึงเป็นลูกค้าฐานเก่าที่เคยได้อุดหนุนกันมาแล้ว


     “เราสองคนเลยมานั่งย้อนคิดว่า ในเมื่อเราไม่ได้ผลิตเหมือนเดิม เราจะทำอะไรได้บ้างในช่วงวิกฤตนี้ แล้วเราก็พบว่าอย่างแรกที่ควรทำ คือ การแก้ไขข้อบกพร่องให้ตรงจุดเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ข้อที่สอง คือการเติมเต็มให้กับตัวเองเพราะเหมือนก่อนหน้านี้ เรารู้ว่าเรายังขาดอะไรอยู่ แต่มัวแต่ไปโฟกัสอย่างอื่นมากว่า บวกกับเราไม่สามารถทำอะไรหลายๆ เรื่องพร้อมกันได้ ในช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่ทำให้เราโฟกัสได้อย่างเต็มที่


     เช่นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจของเรา คือการขอมาตรฐานสากล ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ดำเนินการมา แต่เราเหมือนหลุดโฟกัสไป จึงทำให้ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์สักที ในช่วงเวลานี้ก็เลยเหมือนทำให้เรามีสมาธิ มีสติในการเตรียมระบบปฏิบัติการต่างๆ ให้พร้อมสำหรับการตรวจสอบ และก็เป็นข่าวดีเพราะเราเพิ่งได้รับรองมาตรฐานไปเมื่อต้นเดือน ทั้งมาตรฐาน CODEX GMP/HACCP มาตรฐานสากลที่เป็นเหมือนตัวนำพาเราไปพบโอกาสต่างๆ ในอนาคตได้อย่างมั่นคง”
 




     ระเบิดกลยุทธ์ให้อยู่รอดในยามวิกฤต
 

     ปัญหาหลักๆ ที่วุ้นระเบิดจำเป็นต้องแก้ไขให้ได้ นั่นคือเรื่องของอายุการบริโภค เพราะวุ้นเยลลี่สดสามารถจัดเก็บในตู้เย็นได้เพียง 14 วัน ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา จึงได้มีการปรับแก้ให้สามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้มากกว่าเดิม โดยเธอเกริ่นว่าจะออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เร็วๆ นี้ ที่มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ คือการเก็บรักษาในอุณหภูมิปกติได้ในเวลาถึง 1 ปี โดยไม่มีการใส่วัตถุกันเสีย ซึ่งตอบโจทย์ในแง่ความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก


     “เราได้แก้ข้อบกพร่องหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตและวิธีการบรรจุผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงสูตร เพื่อให้วุ้นสามารถคงอยู่ได้ในระยะเวลา 1 ปี และตัวบรรจุภัณฑ์เอง โดยก่อนหน้านี้เราจะใช้บรรจุภัณฑ์แบบเปิด คือ ยังไม่ได้ปิดสนิท แต่บรรจุภัณฑ์ตัวใหม่นี้เราจะปิดสนิททั้งหมด แน่นอนว่าในทุกการปรับเปลี่ยนล้วนเป็นตัวช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราเปลี่ยนรูปโฉมและดีขึ้นกว่าเดิม จากวุ้นระเบิดที่อยู่ได้ 14 วัน ก็จะอยู่ได้นานถึง 1 ปี แม้ว่าจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ถ้านำมาซึ่งโอกาสที่เราจะได้รับกลับมาเป็นทวีคูณ ก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าในการปรับเปลี่ยน”
               

     นอกจากนั้นเธอยังเล่าถึงวัตถุดิบอีกด้วยว่า ในตอนนี้เธอได้ใช้วัตถุดิบทั้งจากชุมชนเองและจากวัตถุดิบนำเข้าที่มาในรูปแบบแช่แข็ง โดยในตอนนี้ได้มีการออกรสชาติใหม่ คือมะม่วงของดีประจำอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเกิดจากความต้องการที่อยากจะนำเอาผลิตภัณฑ์ชุมชนมาชูให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง





     “ในอนาคตบริษัทของเราจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมานำเสนอให้ทุกคนได้เห็นมากยิ่งขึ้น เพราะยิ่งเรามีเวลาเยอะเราก็จะทดสอบทดลองอยู่บ่อยๆ เพื่อหาสูตรให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ โดยเราพยายามเน้นย้ำความเป็นนวัตกรรมให้มากที่สุด เพราะรู้สึกว่าบริษัทของเราเล็ก ยิ่งถ้าทำอะไรเหมือนที่ทุกคนทำได้ การจะเติบโตก็ค่อนข้างยาก ดังนั้นเราจึงพยายามคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ไม่เหมือนใคร และยังคงความเป็นนวัตกรรมอยู่ในตัว เพื่อให้เป็นจุดขายที่ไม่มีใครเลียนแบบได้”
 


               

     ถึงแม้วิกฤตครั้งนี้จะหนักหนาแค่ไหน แต่ถ้ามองเห็นโอกาส เราก็สามารถฝ่าฟันไปได้เสมอ ซึ่งโอกาสที่ว่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้วว่าจะพัฒนาหรือแก้ไขในส่วนไหน อย่างเช่น วุ้นระเบิด ที่ได้ใช้เวลาว่างที่มีอยู่ในการหาข้อบกพร่องของตัวเอง เพื่อแก้ไขให้ตรงจุดและตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด ถึงรายได้จะลดลง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลดลงตลอดไป ในอนาคตเราอาจจะเป็นคนที่พร้อมที่สุด แข็งแกร่งที่สุดในยามที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติก็เป็นได้ และการเติบโตของธุรกิจ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเราเตรียมความพร้อมไว้มากพอแล้ว
 
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน