อวสานการทำงาน 5 วันเต็มในออฟฟิศ ระบบที่นายจ้างต้องคิดใหม่! ยุคมนุษย์สวมหน้ากาก

TEXT : กองบรรณาธิการ



         ผู้ประกอบการเตรียมรับมือกันหรือยังว่า หลังโควิดซาลงจะวางแนวทางรูปแบบการทำงานของธุรกิจไปในทิศทางไหนซึ่งที่ผ่านมาทุกคนไม่ว่าจะบริษัทหรือตัวพนักงานเองต่างก็ต้องเรียนรู้ ปรับตัวให้เข้ากับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ ทำให้เกิดสกิลใหม่ๆ ขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการทำงานที่ไม่ต้องยึดติดกับการเข้าออฟฟิศ อยู่บ้าน หรือที่ไหนก็สามารถทำงานได้ จนทำให้พนักงานหลายคนเกิดความรู้สึกไม่อยากกลับไปทำงานเข้าออฟฟิศทุกวันเหมือนเดิมอีกต่อไป


          แม้สถานการณ์จะกลับมาปกติดีแล้วก็ตาม จนบางคนถึงขั้นยอมลาออกหากต้องกลับไปทำงานเต็มเวลาในรูปแบบเดิม ซึ่งเหตุผลมาจากหลายข้อด้วยกัน ผู้ประกอบการควรศึกษาไว้ ดังนี้



 

เพราะสามารถจัดสรรเวลาได้เองในแต่ละวัน

               
            ข้อแรก เพราะพวกเขาคิดว่าที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลาเกือบสองปีที่ต้อง Work From Home อยู่กับบ้าน ทำให้พวกเขาต้องจัดสรรเวลาในการทำงานด้วยตนเองให้ดำเนินควบคู่กันไประหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน หลายคนต้องพยายามฝึกฝนการใช้เครื่องมือใหม่ๆ หาวิธีให้สามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างราบรื่น ดังนั้นพวกเขาจึงอาจเกิดความไม่เข้าใจขึ้นได้ว่า เหตุใดเมื่อสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ และรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ทำไมต้องกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศแบบเต็มเวลาเหมือนเดิมอีก



ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทาง
               

         นับเป็นอีกข้อที่เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการจลาจลติดขัดอยู่บ่อยๆ ซึ่งในข้อนี้จากผลการสำรวจของ Flex Jobs ที่ได้ทำแบบสอบถามความคิดเห็นของแรงงานในสหรัฐอเมริการาว 2,181 คนในช่วงเดือนมีนาคมพบว่ามีแรงงานกว่า 84 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวที่อยากทำงานอยู่ที่บ้านมากกว่าไปออฟฟิศ เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง ลดความเครียดจากรถติด ซึ่งถือเป็นเหตุผลข้อแรกที่ได้คะแนนสูงสุด




 
ประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน
               

         เหตุผลรองลงมาอีกข้อที่มีคะแนนสูงเป็นอันดับต้นๆ เหมือนกัน ก็คือ การประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ได้แก่ ค่าเดินทาง ค่าอาหารเครื่องดื่ม ซึ่งจากผลสำรวจของ Flex Jobs เช่นกัน ระบุว่ามีแรงงานกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ทีเดียวที่อยากทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ เพราะคิดว่าสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้เยอะทีเดียว
 

ประหยัดค่าเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
               

         ยอมรับว่าเมื่อต้องมาพบปะผู้คนข้างนอก หรือแม้แต่สังคมเพื่อนร่วมงานที่ต้องเจอกันบ่อยๆ ก็ตาม ใครๆ ก็อยากแต่งตัวให้ดูดี จะใส่แต่เสื้อผ้าชุดเดิมๆ อย่างเดียวบ่อยๆ ก็คงไม่ได้ ดังนั้นหากเทียบกับการทำงานอยู่บ้านที่คุณแค่ตื่นนอนมา อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าว คุณก็สามารถเริ่มงานได้ทันที โดยไม่ต้องคำนึงว่าวันนี้จะแต่งตัวอะไรออกไปทำงาน



 

ไม่ต้องเจอกับการเมืองในที่ทำงาน
               

         เป็นอีกข้อที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยว แต่ก็ทำให้หลายคนรู้สึกสบายใจที่ได้ทำงานอยู่กับตัวเอง โดยยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นให้น้อยที่สุด ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน หรือมีใครที่ไม่ชอบหน้าเราบ้าง
 

อยากทำสิ่งอื่นควบคู่ไปด้วย
               

          ต้องยอมรับเลยว่าในช่วงที่หลายคนได้ทดลองใช้ชีวิตทำงานอยู่กับบ้าน ทำให้มีเวลามากขึ้น จึงได้ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ หลายอย่างควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่างานอดิเรก อาชีพเสริม ไปจนถึงการได้อยู่กับครอบครัว ได้เล่นกับสัตว์เลี้ยง ได้มีเวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น ดังนั้นแล้วหากต้องกลับไปทำงานแบบเต็มเวลาเหมือนเดิม หลายคนจึงกลัวที่จะเสียโอกาสตรงนี้ไป จนถึงขั้นยอมลาออกเลยก็มีหากบริษัทให้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศ



 
               
         และทั้งหมดที่กล่าวมา จึงอาจเป็นเหตุผลได้ว่าเพราะเหตุใดหลังยุคโควิดซา พนักงานหลายคนยังคงชอบและอยากทำงานอยู่ที่บ้าน หรือสถานที่อิสระข้างนอกมากกว่าเข้าไปนั่งรวมกันในออฟฟิศทุกวัน เช่นเดียวกับที่มีการคาดการณ์ว่าหลังสถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติจะมีแรงงานจำนวนมากทั่วโลกคิดอยากลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ เพียงเพราะไม่อยากกลับเข้าไปทำงานเต็มเวลาเหมือนเดิมอีกต่อไป ถึงแม้การทำงานประจำจะมีความมั่นคงมากกว่าในช่วงเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวก็ตาม


         อีกส่วนหนึ่งอาจเพราะด้วยเทคโนโลยีการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ทำให้การเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างในวันนี้ง่ายและสะดวกมากขึ้นกว่าเก่า แรงงานต่างๆ จึงมีทางเลือกมากขึ้น ฉะนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของกิจการแต่ละแห่งแล้วว่าจะตัดสินใจยังไงกับรูปแบบการทำงานหลังยุคโควิดซา ลองดูถึงความจำเป็น ดูประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ได้ว่าอะไร คือ ข้อดี ข้อเสีย และองค์กรของคุณเหมาะที่จะทำรูปแบบใดมากกว่า แต่ถ้าอยากลองปรับเปลี่ยนสิ่งใหม่ๆ ให้กับธุรกิจดูบ้าง ก็ไม่ต้องกลัว เพราะจงรู้ว่าก่อนหน้านี้คุณได้ทดลองผ่านมันมาแล้วครั้งหนึ่ง




 
www.smethailanclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน