กรณีศึกษาร้านซูชิสายพานแก้ปัญหายังไง เมื่อเจอลูกค้าพิเรนทร์ จนมูลค่าบริษัทตก 4.3 พันล้านบาท

TEXT: Momiin

Main Idea

  • การทำธุรกิจมักต้องเจอกับอุปสรรคเสมอ ซึ่งเหมือนกับร้านซูชิสายพานที่ประเทศญี่ปุ่น ที่โด่งดังเรื่องนี้

 

  • แต่วันนี้กับเจอปัญหาที่คาดไม่ถึง เมื่อมีเด็กชายเล่นพิเรนทร์ เลียขวดซอสและจานชามของผู้อื่น จนทำเอาราคาหุ้นถึงกับตกลง 4.18% และมูลค่าบริษัทตก 4.3 พันล้านบาท

 

  • และเมื่อเกิดปัญหาก็ต้องมีการแก้ไข ซึ่งมีร้านซูชิสายพานร้านหนึ่งเมื่อเจอกับผลกระทบของเรื่องนี้ ก็ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ เพื่อแก้ไขกับปัญหาที่เกิดขึ้น

 

     อย่างที่เพื่อนๆ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรู้ดีว่า ร้านอาหารสายพานกำลังเป็นที่นิยมในช่วงที่ผ่านมา และตอนนี้ผู้บริโภคก็ยังให้ความสนใจอยู่ อย่างร้านสุกี้จินดาที่ ใช้สายพานในการเสิร์ฟวัตถุดิบให้กับลูกค้า และยังมีอีกหลายๆ ร้านที่ทำแบบนี้ เนื่องจากเป็นเพราะว่าการใช้สายพานในการเสิร์ฟอาหารเป็นการช่วยลดต้นทุนด้านการจ้างพนักงานให้กับธุรกิจร้านอาหารได้

ต้นกำเนิดของการใช้สายพานเสิร์ฟอาหาร

      ต้องบอกก่อนว่าการใช้สายพานเกิดขึ้นเมื่อปี 1950 ซึ่งร้านแรกที่ใช้ ก็คือ Mawaru Genroku Sush เป็นร้านซูชิสายพาน ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกคิดค้นโดย โยชิอากิ ชิราอิชิ ที่ปัจจุบันได้ขึ้นชื่อว่าเป็น บิดาแห่งซูชิสายพาน ซึ่งไอเดียเกิดหลังจากที่เขาได้ไปดูงานที่โรงเบียร์ Asahi และได้เห็นขวดเบียร์เรียงบนสายพานตามขั้นตอนการบรรจุ ก็ทำให้ชิราอิชิเกิดความคิดขึ้นมาว่า เขาน่าจะลองเอาระบบสายพานอุตสาหกรรมไปลองใช้กับร้านซูชิของเขาดูบ้าง

     และสืบเนื่องจากในตอนนั้นเกิดการขาดแคลนแรงงานทำให้การจ้างเชฟซูชิทำได้ยาก และเมื่อไม่มีคนงานก็เกิดปัญหาการเสิร์ฟซูชิให้ลูกค้า ซึ่งชิราอิชิมองว่าการใช้คนเสิร์ฟเสียทั้งเวลาและเงินโดยเปล่าประโยชน์ และด้วยความที่ร้านอาหารของเขากำลังไปได้สวย เขาจึงมีความคิดที่จะติดสายพานในการลำเลียงซูชิเพื่อตัดปัญหาในการส่งซูชิ และซูชิสายพานก็ถือกำเนิดขึ้นแต่ตั้งวันนั้นมาจนถึงวันนี้ และแนวคิดนี้ก็ประสบความสำเร็จมาก

     แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เกิดเรื่องขึ้นที่ร้านซูชิสายพาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ณ ร้านซูชิเจ้าดังอย่าง Sushiro หลังจากที่มีเด็กชายถ่ายวิดีโอลงโซเชียลมีเดีย ทำพฤติกรรมอันไม่สมควร โดยการเลียถ้วยและขวดซอสที่ยังไม่ได้ถูกใช้ของลูกค้าท่านอื่นๆ และยังมีการเลียนิ้วมือและนำไปแตะซูชิที่อยู่บนสายพานอีกด้วย

     ซึ่งหลังจากที่คลิปถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เป็นกระแสไวรัล และมีผู้เข้าชมมากกว่า 98 ล้านครั้งบน Twitter และจากเหตุการณ์นี้ทำให้ราคาหุ้นของ Food & Life Companies Ltd ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของ Sushiro ตกลงไป 4.18% และทำให้มูลค่าบริษัทตก 4.3 พันล้านบาท เพราะเด็กเล่นพิเรนทร์เพียงคนเดียว แต่สุดท้ายเด็กชายก็ออกมาขอโทษและมอบตัวกับทางตำรวจแล้ว จากเคสนี้สร้างความเสียหายไม่น้อยให้กับซูชิสายพาน และรวมถึงร้านอาหารที่ใช้สายพานในการลำเลียงอาหารด้วยไม่น้อยเลย

ปัญหาย่อมมีทางออก

      การแก้ไขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางร้านที่เกิดเหตุได้มีการเปลี่ยนขวดซอสถั่วเหลืองทั้งหมดและทำความสะอาดทุกถ้วยอย่างละเอียดเพื่อสร้างความสบายใจต่อลูกค้า

     แต่ร้านอาหารหลายแห่งไม่สามารถไล่ทำความสะอาดขวดซอสและถ้วยชามทั้งหมดระหว่างการรับประทานอาหารแต่ละครั้งได้ ทำให้ร้านซูชิหลายแห่งต้องคิดวิธีการเสิร์ฟซูชิใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหา ซึ่งใช้กล้อง AI ในการตรวจจับในการเปิดและปิดฝาของซูชิ เมื่อจานไหนดูน่าสงสัย ระบบจะแจ้งเตือนพนักงานทันที และร้านแรกที่ใช้คือร้าน Kura Sushi

     จากเคสนี้ทำให้เราเห็นว่าแม้ว่าธุรกิจจะเจอกับอุปสรรคอะไรก็ตาม วิธีแก้ ก็คือ การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ แม้ว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับธุรกิจของเพื่อนๆ ผู้ประกอบการ แต่ก็อาจจะได้รับผลกระทบเล็กๆ น้อยๆ สิ่งที่ธุรกิจต้องทำ คือ การปรับตัวให้รวดเร็วที่สุด อย่างเคสข้างต้นนั่นเอง

ที่มา :  https://designtaxi.com/news/422225/Japan-To-Combat-Sushi-Terrorism-At-Conveyor-Belt-Restaurants-With-AI-Cameras/

https://asia.nikkei.com/Spotlight/Comment/How-sushi-was-ruined-by-the-separation-of-supply-and-demand

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

กว่าจะเป็น สุขกับป๊อกกี้ ร้านลับ ชื่อเท่ เมืองสัตหีบ ที่ใครมาก็ต้องได้ความสุขกลับไป

“สุขกับป๊อกกี้” คาเฟ่ & ร้านอาหารชื่อแปลกหู อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่แค่ฟังก็รู้ว่าต้องเป็นพื้นที่แห่งความสุข

บ้านอยู่ดีมีความสุข เกาะสีชัง กับแนวคิดทำธุรกิจให้มีขยะน้อยที่สุด

เราไม่สามารถลดขยะให้เป็นศูนย์ได้ แต่สามารถลดให้น้อยลงได้ แค่ลองตั้ง Mindset ค่อยๆ ลงมือทำไปทีละนิด ไม่ว่าใครก็ทำได้ เหมือนกับ “บ้านอยู่ดีมีความสุข” ที่พักเล็กน่ารักบนเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ที่เริ่มต้นทำจากจุดเล็กๆ ไปทีละอย่าง

บ้านๆ น่านๆ ตำนานที่พัก+ห้องสมุด รายแรกของไทย ใช้สิ่งที่รักต่อยอดธุรกิจโตกว่าทศวรรษ

เพราะความรู้ ความบันเทิง ความรื่นรมย์ไม่ได้อยู่แค่ในหนังสือ แต่มันอยู่ในชีวิตเราทุกรูปแบบ นี่คือ เหตุผลที่ทำให้ "ชโลมใจ ชยพันธนาการ" (ครูต้อม) อดีตครูสอนวิชาภาษาไทยผันตัวมาเป็นเจ้าของที่พัก “บ้านๆ น่านๆ” ที่มีจุดขาย คือ มีห้องสมุดไว้สำหรับหนอนหนังสือเป็นรายแรกของไทย