“CoCoono” พลิกวิกฤตโรงงานทำที่นอน สู่เบาะป้องกันกรดไหลย้อนเด็ก รายแรกของไทย ที่คนดังแห่ใช้กันตรึม!

TEXT : Nitta Su.

PHOTO : CoCoono

Main Idea

  • “CoCoono ” เบาะกันกรดไหลย้อนในเด็กรายแรกของไทย ที่ถูกผลิตขึ้นมาจากคุณแม่ ซึ่งประสบปัญหาโดยตรงจากลูกน้อยของตัวเองที่เป็นกรดไหลย้อนในเด็ก

 

  • จากสินค้าใหม่ที่แทบไม่มีใครทำมาก่อนในไทย เริ่มต้นขึ้นจาก 2 SKU จนปัจจุบันเติบโตกว่า 500 SKU ไปได้

 

     จากประสบการณ์ตรงที่เจอมากับตัวเอง ทำให้ ภัทราภรณ์ ภัทรนิตย์ คุณแม่ลูกสองที่เลี้ยงดูลูกด้วยตนเอง พยายามคิดหาวิธีประดิษฐ์ที่นอนป้องกันกรดไหลย้อนสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุทำให้ลูกน้อยของเธองอแงมากกว่าปกติ ใครจะคิดว่าวันหนึ่งจากนวัตกรรมที่ทำใช้กันในบ้าน จะกลายมาเป็นตัวช่วยพยุงให้ธุรกิจหลักได้ไปต่อในช่วงวิกฤตโควิด 19 จนสามารถต่อยอดแตกไลน์ธุรกิจใหม่ขึ้นมา สู่เบาะป้องกันกรดไหลย้อนเด็กรายแรกๆ ของไทย ที่คนดังมีชื่อเสียงแห่ใช้กันตรึม!

มองปัญหา ให้เห็นไกลไปถึงโอกาส

     “เริ่มมาจากตอนนั้นคลอดลูกคนที่สอง น้องมีอาการ Overfeeding บ่อย คือ ไม่สบายตัว แหวะนมบ่อย ร้องไห้ไม่หยุด เกิดจากสาเหตุรับประทานนมมากเกินไป ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร เลยทำให้เขามีอาการโหยนมแม่อยู่ตลอดเวลา พาไปปรึกษาคุณหมอหลายที่ ก็คิดว่าน่าจะเป็นอาการกรดไหลย้อนในเด็ก ต้องอุ้มไว้ตลอดเวลา วางนอนได้ไม่นานก็ร้อง ด้วยความโชคดี คือ มีพี่สาวเรียบจบมาทางด้านกายภาพบำบัดดูแลแม่ที่ให้นมบุตร และการให้เด็กกินนมให้ถูกวิธี พี่สาวเลยแนะนำว่าให้ลองทำเป็นเบาะนอนกันกรดไหลย้อน โดยออกแบบให้ทางหัวอยู่สูงกว่าทางขา พอดีสามีทำธุรกิจโรงงานผลิตที่นอนอยู่แล้ว เราก็เลยทดลองทำขึ้นมา ซึ่งพอน้องได้ทดลองนอน อาการก็ดีขึ้น จากปกติถ้านอนราบ เขาจะนอนได้ครึ่งชม. ก็ตื่นแล้ว แต่พอเราให้ลองนอนเบาะใหม่ ทำให้นอนได้นานขึ้นเป็นชั่วโมงๆ เลย”

     ภัทราภรณ์เล่าว่าตอนแรกยังไม่คิดที่จะทำขายเลย แต่ผ่านไปหลังจากนั้นหนึ่งปี โควิดก็เข้ามาพอดี ธุรกิจโรงงานที่นอนของสามีก็ได้รับผลกระทบ ออร์เดอร์ลดลง การขนส่งสินค้าก็ลำบากขึ้น ต้องมีการทำเรื่องขออนุญาตผ่านหลายด่าน จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดไอเดียคิดที่อยากผลิตสินค้าชิ้นเล็กลง โดยไม่ต้องขนส่งเองให้ยุ่งยาก จนในที่สุดก็นึกไปถึงเบาะกันกรดเด็ดไหลย้อนที่เคยผลิตให้ลูกชายได้ใช้มาเป็นไอเดียสินค้าใหม่ โดยเริ่มต้นทดลองจากการใช้ฐานการผลิตจากโรงงานเดิมที่มีอยู่ ภายใต้ชื่อแบรนด์ “CoCoono” ขายผ่านออนไลน์ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ไม่ต้องขนส่งเอง

     “จริงๆ รายได้ไม่ได้มีเพิ่มเข้ามาเยอะมาก แต่สิ่งที่ได้ คือ การสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน ทำให้เขารู้ว่าถึงเราจะหยุดทำที่นอน แต่เราก็ยังมีอะไรให้เขาทำต่อนะ จนในที่สุดทำมาได้ 7-8 เดือน แบรนด์ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เริ่มมีรีวิวจากลูกค้า เราก็แยกออกจากธุรกิจหลักเลย เซ็ตระบบ เซ็ตกระบวนการผลิตขึ้นมาใหม่เลย เพราะจริงๆ การทำที่นอนกับสินค้าสำหรับแม่และเด็ก งานก็คนละอย่างไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ตั้งแต่ความละเอียดในการเย็บ การเลือกใช้เนื้อผ้า ของเด็กต้องค่อนข้างรัดกุม และปลอดภัยกว่า”

ขายด้วยประสบการณ์ตรง สื่อสารอย่างเข้าใจ

     ภัทราภรณ์เล่าย้อนว่าในช่วงแรกที่เริ่มทำตลาด คนไทยเองยังไม่ค่อยรู้จักกับเบาะป้องกันกรดไหลย้อนในเด็กสักเท่าไหร่ มีเพียงแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศไม่กี่แบรนด์ ส่วนผู้ผลิตในประเทศยิ่งไม่ต้องพูดถึง เธอน่าจะเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ทำขึ้นมา ฟังดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่ดี แต่เอาเข้าจริงก็กลับไม่ง่ายเลย เพราะต้องพยายามทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจ ขณะเดียวกันก็ต้องน่าเชื่อถือด้วย ซึ่งสิ่งที่ช่วยเธอได้ดี ก็คือ ประสบการณ์ที่ได้เจอมากับตัวเองโดยตรง จนสามารถแจ้งเกิดในตลาดได้ในที่สุด

     “จริงๆ ตอนนั้นที่เราเริ่มทำขึ้นมา ถือว่าเป็นโอกาสเลย เพราะในไทยยังไม่มีใครทำ มีแต่แบรนด์เกาหลีที่นำเข้ามาแค่แบรนด์เดียว แต่เพราะเป็นสินค้าใหม่ คนยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ต้องอาศัยทำการตลาดกันอย่างหนักหน่วง เช่น เปิดเพจให้ความรู้ขึ้นมา เพื่อสื่อสารกับลูกค้า ทำให้เขารู้ว่าโรคกรดไหลย้อนในเด็กก็มีด้วย แต่จากประสบการณ์ตรงที่เราเจอปัญหามากับตัวเอง ทำให้เราเข้าใจลูกค้า รู้ว่าเขาต้องการอะไร ต้องออกแบบๆ ไหนถึงจะช่วยแก้ปัญหาได้ อย่างตัวเบาะที่เราทำขึ้นมา เราไม่ได้คิดแค่เรื่องรูปทรงอย่างเดียวเท่านั้น ช่วงนั้นโควิด 19 ระบาดหนัก แทนที่จะใช้ผ้าคอตตอนเฉยๆ เรามีการเคลือบสาร Sanitized​ ป้องกันเชื้อไวรัส เชื้อรา เเบคทีเรีย เป็นมาตรฐานจากสวิตเซอร์แลนด์ด้วย บวกกับเราเป็นโรงงานผลิตเองที่มีครบวงจร เลยทำให้ไม่ยากที่จะผลิตขึ้นมาได้รวดเร็ว”

คนดังลูกอ่อน แห่ใช้

     นอกจากธุรกิจจะเริ่มได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า จนเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ภัทราภรณ์เล่าว่าบุคคลมีชื่อเสียง คนดังหลายคนก็เริ่มให้การไว้วางใจใช้สินค้าของเธอด้วย โดยราคาเบาะกันกรดไหลย้อนของแบรนด์ CoCoono อยู่ที่ 2,200 บาท ขณะที่หากเป็นแบรนด์นำเข้าจะอยู่ที่ 2,500  - 3,000 บาท

     “พอเริ่มขายได้ 7-8 เดือนผ่านไป เราเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดแม่และเด็ก เริ่มมีรีวิวจากลูกค้าเข้ามาในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ให้ชื่นใจ ซึ่งเป็นธรรมชาติของตลาดแม่และเด็กที่มีอะไรดีๆ ก็มักจะบอกต่อกัน โดยราคาเบาะเด็กของเราจะถูกกว่าแบรนด์นำเข้านิดหน่อย แต่เราได้เบาะที่มีขนาดใหญ่กว่า มีการเลือกใช้เนื้อผ้าพิเศษที่อ่อนโยนและป้องกันเชื้อโรคอย่างที่เล่าไปข้างต้น จนทำให้คนมีชื่อเสียงหลายคนที่มีลูกอ่อนก็หันมาใช้ของเราก็มี บางคนเราก็ส่งไปให้เขาทดลองใช้ โดยเราไม่เคยเสียจ้างให้เขามาโปรโมให้เลย แต่บางทีก็แอบเห็นเขาถ่ายลง IG กับรูปลูก ก็แอบดีใจ ที่เห็นมีก็เช่น คุณเวียร์ ศุกลวัฒน์ กับคุณวิกกี้ พีมนต์ญา, คุณชมพู่ อารยา ทำให้ลูกค้าเองก็เชื่อมั่นในแบรนด์เรามาก”

ต่อยอดจาก 2 SKU สู่ 500 SKU

     ภัทราภรณ์เล่าว่า จากในวันแรกที่เริ่มต้นแบรนด์ CoCoono  มีสินค้าอยู่เพียงแค่ 2 SKU แต่มาในปัจจุบันกลับขยายออกไปได้มากกว่า 500 SKU ซึ่งสิ่งที่ทำให้เติบโตขึ้นมาได้ ก็คือ คำแนะนำ ติชม จากลูกค้า

     “ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจมา จนวันนี้กราฟของเรายังขึ้นต่อเนื่องเรื่อยๆ ยังไม่เคยตกลงมาเลย ในวันเริ่มต้น เรามีสินค้าขายอยู่แค่ 2 SKU แต่ปัจจุบันมีมากกว่า 500 SKU แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของลูกค้าเลย ลูกค้าต้องการอะไร เราจะพยายามตอบโจทย์ให้ได้ ซึ่งตอนนี้สินค้าเราไม่ได้มีแค่เบาะป้องกันกรดไหลย้อนในเด็ก แต่เรามีครบวงจรเลย หมอน ผ้าห่ม ทั้งสำหรับคุณแม่และลูกน้อย ถ้านับเฉพาะเบาะเด็กฯ ในช่วง 3 เดือนแรก เราขายได้เดือนละ 60 ออร์เดอร์ แต่ทุกวันนี้ คือ 700 ออร์เดอร์ต่อเดือนเลย นอกจากขายในไทยเราก็มีเริ่มขายไปกัมพูชา และประเทศเพื่อนบ้าน”

เอาชนะแบรนด์เนม ด้วยแบรนด์ใจ

     จากวันแรกที่ CoCoono  เริ่มต้นธุรกิจ เมืองไทยแทบจะมีแบรนด์เบาะป้องกันกรดไหลย้อนอยู่ในท้องตลาดเลย แต่ ณ ปัจจุบันมีมากถึง 20-30 แบรนด์ด้วยกัน แต่ภัทราภรณ์เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำให้ที่นอนเด็กฯ CoCoono  สามารถครองใจลูกค้าได้ ทั้งที่มีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ก็คือ ความจริงใจ และใส่ใจที่มีมอบให้ลูกค้ามาตลอด

     “ตั้งแต่วันแรกที่ทำ จนวันนี้ เรายังไม่หยุดที่จะปรับปรุงสินค้าเลย สมมติสินค้าตัวเดียวกัน แต่แค่มีลูกค้าคอมเมนต์เข้ามาเพิ่มคอมเมนต์เดียวว่าใช้แล้วเป็นยังไง หรือต้องการอะไรเพิ่ม เราก็จะไปปรึกษาช่างเลยว่าทำได้หรือเปล่า จนทำให้วันนี้เรามีประเภทสินค้าผลิตออกมาจำนวนมาก เพราะเราพยายามคิดเผื่อในสิ่งที่ลูกค้าต้องการตลอดเวลา เช่น ซื้อสินค้าจากเรา เรามีบริการซ่อมให้ฟรีตลอดอายุการใช้งาน ลูกค้าสามารถส่งกลับมาได้ นอกจากนี้ในการออกแบบสินค้า เราจะพยายามคิดความคุ้มค่าไว้ให้กับลูกค้า เช่น หมอนให้แม่นอนกอดตอนท้อง เขาสามารถมาใสปลอกเป็นที่นอนป้องกันกรดไหลย้อนของเด็กได้ ส่วนที่นอนป้องกันการแหวะนม สินค้าทุกชิ้นสามารถเอามาดัดแปลงใช้ได้หมด โดยเราจะไม่หยุดพัฒนา ลูกค้าคอมเมนต์อะไรมา เรานำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขตลอด โดยไม่หยุด” เจ้าของแบรนด์ CoCoono กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้

CoCoono

https://www.facebook.com/CoCoono.baby/

โทร. 082 849 9597

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

จับตาผลกระทบการค้าชายแดนไทย เส้นทางธุรกิจแม่สอดเปลี่ยนเป็นสนามรบ

กับสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาใกล้ชายแดนไทยยังคงร้อนระอุนับตั้งแต่กองกำลังกะเหรี่ยง KNU และกองกำลังปกป้องประชาชน PDF “เข้ายึดฐานปฏิบัติการ 275 ในเมียวดี” ส่งผลต่อกระทบเส้นทาง “แนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor-EWEC)” ของไทย

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น