จับเทรนด์ Aged Society สู่โอกาสธุรกิจ แฟรนไชส์ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร

TEXT : Nitta Su.

PHOTO : สุนันท์ ล้อสมทรัพย์ / บ้านธรรมชาติ

 

Main Idea

  • จากการเข้าสังคมผู้สูงอายุของไทย ทำให้เกิดเป็นโอกาสธุรกิจใหม่ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคสูงวัย หนึ่งในนั้น คือ ด้านการแพทย์ และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

 

  • ด้วยเหตุนี้ “Chersery Home” โรงพยาบาลผู้สูงอายุครบวงจรแห่งแรกๆ ของไทย จึงได้แตกไลน์ธุรกิจแฟรนไชส์ชื่อว่า “BAAN THAMACHART by Chersery home” ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูดูแลผู้สูงอายุขึ้นมา เพื่อเป็นโอกาสธุรกิจใหม่ให้นักลงทุนที่สนใจ และรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น

 

 

นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ CEO รพ.ผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home      

     จากจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นทุกปี สถิติล่าสุดของกรมกิจการผู้สูงอายุระบุว่าสิ้นปี 2565 ประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี มีจำนวนมากถึง 12,698,362 คน ทำให้มูลค่าตลาดผู้สูงอายุไทยเติบโตขึ้นกว่าปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยจากข้อมูลของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) รายงานว่าเฉพาะธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในปี 2566 มีมูลค่าอยู่ที่  2.57 พันล้านบาท และอาจแตะ 2 หมื่นล้านบาทในอีกสิบปีข้างหน้าจากประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้น

     เมื่อความต้องการเพิ่มมากขึ้น หลายธุรกิจจึงเริ่มขยับตัวหารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ มารองรับ ทั้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการทั้งของผู้สูงอายุเอง ไปจนถึงการสร้างโอกาสการลงทุนรูปแบบใหม่ เช่นเดียวกับ BAAN THAMACHART by Chersery homeแฟรนไชส์ศูนย์ดูแลผู้สูงวัยที่ต่อยอดธุรกิจมาจาก Chersery Home International โรงพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุรายแรกๆ ของไทยที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2558

จาก Pain Point รักษาดีแล้ว แต่ขาดการฟื้นฟูที่ดี

      นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home และเจ้าของแฟรนไชส์ “BAAN THAMACHART by Chersery home” เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นการจัดตั้งโรงพยาบาลผู้สูงอายุขึ้นมาว่า

     “เราพบว่าปัญหาหนึ่งของคนไข้ โดยเฉพาะผู้สูงวัยหลังจากเข้ารับการรักษาให้หายดีแล้ว ก็คือ การขาดสถานที่ หรือบุคลากรเพื่อให้บริการฟื้นฟูดูแลที่ดี ทำให้แม้จะรักษามาอย่างดีแล้ว แต่ฟื้นฟูไม่ถูกวิธี ก็อาจเกิดอาการเจ็บป่วย หรือผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจเกิดขึ้นมาได้ จากช่องว่างที่ยังขาดอยู่ จึงทำให้เกิดแนวคิดเปิดโรงพยาบาลฟื้นฟูผู้สูงอายุขึ้นมาในชื่อ Chersery Home International เมื่อประมาณ 8 ปีก่อน เป็นโรงพยาบาลประเภทใหม่ ที่เน้นการรักษาแบบฟื้นฟู ไม่มีการรักษาหนัก ไม่มีห้องไอซียู ห้องผ่าตัด แต่ก็มีแพทย์ พยาบาลคอยดูแลตามปกติ โมเดลหลายอย่างเราก็ต้องออกแบบและคิดขึ้นมาเอง โดยน่าจะเป็นโรงพยาบาลดูแลผู้สูงอายุแห่งแรกๆ ที่มีรูปแบบการให้บริการแบบครบวงจร ผู้ป่วยที่เราดูแลจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มหลังการผ่าตัด, กลุ่มพักฟื้นหลังรักษามะเร็ง หรือให้เคมีบำบัด, กลุ่มที่มีอาการด้านสมองเสื่อม หรือระบบประสาท และกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ที่มีอาการไม่ซับซ้อนมาก เป็นต้น

     “โดยจากนั้นอีก 2 ปีต่อมาเราก็ขยายธุรกิจเปิดเนิร์สซิ่งโฮม (Nursing Home ) ขึ้นมา เน้นดูแลผู้สูงวัยในระยะการพักฟื้นที่ยาวนานขึ้น เช่น 3-6 เดือนขึ้นในชื่อ The Senizens by Chersery Home จนมาในปีนี้เราได้เปิดตัว “บ้านธรรมชาติ บาย เฌ้อสเซอรี่ โฮม” แฟรนไชส์ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุขึ้นมา เพื่อรองรับความต้องการของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นโอกาสธุรกิจใหม่ให้แก่นักลงทุนด้วย โดยเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา” ผู้อำนวยการ Chersery Home เล่าที่มาให้ฟัง

ไม่ใช่แค่ฟื้นฟูดูแลกาย แต่ยังดีต่อใจด้วย

      นพ.เก่งพงศ์ ได้อธิบายความแตกต่างระหว่างรูปแบบธุรกิจเนิร์สซิ่งโฮม แฟรนไชส์บ้านธรรมชาติกับบ้านพักคนชราว่า

     “รูปแบบการให้บริการของเราไม่ได้เหมือนกับบ้านพักคนชรา เช่น บ้านบางแคที่ให้ผู้สูงอายุมาอยู่กันไปตลอดแบบยาวๆ แต่เราเป็นศูนย์เวชศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูผู้สูงวัย คือ หลังจากรักษาแล้ว ก็มาพักฟื้นที่เราอาจจะ 1 เดือน 2 เดือน 6 เดือนหรือนานกว่านั้น เมื่อแข็งแรงขึ้นแล้วก็สามารถกลับบ้านได้ โดยรับดูแลผู้ป่วย 4 กลุ่มตามที่บอกไปข้างต้น (กลุ่มหลังการผ่าตัด, กลุ่มพักฟื้นหลังรักษามะเร็ง, กลุ่มที่มีอาการด้านสมองเสื่อม, กลุ่มผู้ป่วยติดเตียง อาการไม่ซับซ้อน) ระบบการดูแลก็เหมือนกับโรงพยาบาลทั่วไปเลย มีการวางกฎระเบียบในการเยี่ยม ผู้ไม่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ มีพยาบาลดูแลตลอด 24 ชม. ในส่วนการให้บริการก็มีทั้ง 1.การพยาบาลทั่วไป เช่น ทำแผลเบาหวาน ตรวจวัดความดัน หรือโรคส่วนตัว 2.เวชศาสตร์ฟื้นฟู เช่น การฝึกทรงตัว, กายภาพบำบัดกล้ามเนื้ออ่อนแรง, การฝึกพูด ฝึกกลืน เป็นต้น

     “การที่เราวางโมเดลธุรกิจไว้แบบนี้ ทำให้ทั้งผู้สูงอายุเอง และลูกหลานรู้สึกดีว่าไม่ได้เป็นการทอดทิ้ง แต่คือ การมาพักฟื้นฟูรักษาตัวเองให้ดีขึ้น จนตกผลึกเป็นสโลแกนออกมาว่า “บอกรักผู้สูงวัย เชื่อใจให้เราดูแล” หมายความว่าการไว้ใจให้เราช่วยดูแล ก็เป็นบการบอกรักผู้สูงอายุวิธีหนึ่ง ด้วยประสบการณ์จากที่ทำธุรกิจโรงพยาบาลมาก่อน จึงทำให้เราค่อนข้างได้เปรียบและเป็นจุดเด่นที่ทำให้แตกต่างจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุอื่นๆ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งต่อผู้เข้ารับบริการ หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ”

     นพ.เก่งพงศ์ เล่าว่าปัจจุบันมีคนไข้เข้ามาใช้บริการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มระยะสั้น 50%  เช่น ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด ที่มีอาการเล็กน้อย ใช้เวลาพักฟื้นระยะสั้นประมาณ 1 เดือน 2.กลุ่มระยะกลาง 30% เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเตียง อาจมีแผลที่ต้องทำต่อเนื่อง 1-3 เดือน และ 3.กลุ่มระยะยาว 20% เช่น ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เวลาการพักฟื้น 6 เดือนขึ้นไป

     สำหรับค่าใช้จ่ายในการพักฟื้น ถ้าเป็นห้องรวม 1,200 บาท/คืน ห้องเดี่ยว 2,000 บาท/คืน และอาจมีบวกเพิ่มในค่าอุปกรณ์พิเศษอีกประมาณ 20-30% เช่น บางคนต้องมีออกซิเจน, บางคนต้องมีดูดเสมหะ, ทำแผล เฉลี่ยค่าใช้บริการต่อคนหากเป็นห้องรวมจะอยู่ที่เดือนละสามหมื่นกว่าบาททีเดียว

แฟรนไชส์ศูนย์ฟื้นฟูดูแลผู้สูงอายุ โอกาสธุรกิจใหม่รับสังคมสูงวัย

     สำหรับใครที่สนใจอยากลงทุนแฟรนไชส์บ้านธรรมชาติ นพ.เก่งพงศ์ได้ให้คำแนะนำและรายละเอียดไว้ดังนี้

     “หลังเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน ตอนนี้เริ่มมีติดต่อเข้ามาประมาณ 20 กว่ารายได้ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นแฟรนไชส์ซี เราอยากได้คนที่มีความตั้งใจจริง เข้าใจด้านงานฟื้นฟูพอสมควร คุณสมบัติข้อแรกที่อยากให้มี คือ ต้องเข้าใจการดูแลผู้สูงวัย เพราะเราไม่ใช่งานโรงแรม หรือสปาอย่างเดียว แต่ว่าเป็นงานกึ่งโรงพยาบาล โดย License เราไม่ใช่โรงพยาบาล แต่ก็ต้องการให้บริการเชิงสุขภาพพอสมควรในการดูแลผู้ป่วย, ความรู้เรื่องการใช้ยา, ความรู้ด้านโภชนการ, การออกกำลังกายและกายภาพบำบัด เป็นต้น

     “เริ่มต้นเพื่อความคุ้มค่าเราอยากให้เปิดที่ 30 เตียงก่อน อาจมีเป็นห้องรวม, ห้องเดี่ยว หรือห้องคู่ก็ได้ขึ้นอยู่กับไซส์ของพื้นที่ที่มีด้วย โดยสามารถสร้างได้ทั้งในแนวราบ และแนวดิ่ง 2-3 ชั้นก็ได้ ใช้งบประมาณการลงทุน 20-25 ล้านบาท โดย 70%  คือ ค่ารีโนเวท ส่วนที่เหลือ คือ เงินทุนที่กันไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเปิดช่วง 3 เดือนแรก ผู้ที่มีที่ดิน หรือตึกอาคาร สามารถลองติดต่อเข้ามาได้ ตอนนี้เรามีโมเดลตัวอย่าง 2 แห่ง คือ 1.บ้านธรรมชาติฯ สาขาแบร์ริ่ง เป็นลักษณะการลงทุนสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ และ 2. บ้านธรรมชาติฯ สาขาบางบอน พระราม 2 เป็นลักษณะการรีโนเวทอาคารเดิมที่มีอยู่ สนใจสามารถติดต่อเข้าชมตัวอย่างได้”

     นพ.เก่งพงศ์อธิบายว่า เบื้องต้นหลังจากตกลงที่จะทำสัญญากันแล้ว ทางบริษัทจะมีการลงสำรวจพื้นที่ เพื่อช่วยประเมินความเหมาะสมให้กับลูกค้าว่าทำเลที่ตั้งเหมาะสมหรือไม่ หากเปิดควรมีสักกี่เตียง ก่อสร้างแบบไหนแนวราบ หรือแนวดิ่ง โดยทำเลที่เหมาะสำหรับการจัดตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านธรรมชาติ คือ 1.เดินทางไปมาสะดวก 2.อยู่ใกล้โรงพยาบาลหลักที่มีจำนวนเตียง 100 เตียงขึ้นไป (ไม่เกิน 10 กม.) เพื่อความสะดวกในการส่งต่อคนไข้หากเกิดกรณีฉุกเฉิน ขณะเดียวกันก็สามารถรองรับฐานลูกค้าจากโรงพยาบาลใหญ่ได้ด้วย นอกจากด้านการก่อสร้างยังมีระบบออฟฟิศกลาง แคชเชียร์ ระบบบัญชี ไอที ระบบคุณภาพเชิงด้านการแพทย์และพยาบาล การทำตลาด จัดทำแคมเปญต่างๆ รวมถึงการเทรนนิ่งบุคลากรก่อนเปิดดำเนินการ และระบบคิวซีติดตามผลการดำเนินการของแต่ละศูนย์ให้ด้วย

     “ในปีหน้าเราตั้งเป้าอยากเปิดให้ได้ไตรมาสละ 1-2 ที่ก่อน ยังไม่อยากเปิดเยอะมาก ค่อนข้างเข้มงวดในการคัดเลือกพอสมควร การลงทุนสูงแม้ค่อนข้างสูง แต่ก็ได้คอนแทคระยะยาว โดยวางไว้ที่ประมาณ 10 ปี ฉะนั้นมั่นใจได้ในความคุ้มค่า อาจไม่ได้ผลตอบแทนเร็วเหมือนแฟรนไชส์ธุรกิจซื้อมาขายไป แต่เป็นธุรกิจในอนาคตที่มีการเติบโตสูงแน่นอน สำหรับโรงพยาบาลผู้สูงอายุ เราตั้งเป้าจะเปิดให้ได้ 10 แห่งเช่นกัน โดยเรามองว่า Chersery Home เราเป็นเหมือนผู้บริหารหลักเหมือนกับเชนโรงแรมต่างๆ ซึ่งอนาคตต่อไปเราอาจรับเป็นที่ปรึกษา รับจ้างบริหารโครงการต่างๆ ให้โรงแรม รีสอร์ตที่ต้องการเพิ่มเซกเมนต์ธุรกิจในการดูแลฟื้นฟูผู้สูงอายุเข้าไปในโครงการด้วยก็ได้ ” นพ.เก่งพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้

     นอกจากแฟรนไชส์บ้านธรรมชาติฯ แล้ว ในปีหน้า Chersery Home ยังได้เตรียมแตกไลน์ Daycare แฟรนไชส์ศูนย์ดูแลผู้สูงวัยขนาดย่อมแบบเช้าไป-เย็นกลับ ซึ่งอาจง่ายและสะดวกขึ้นทั้งต่อผู้ใช้บริการ รวมถึงการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่สนใจอยากลงทุน แต่กังวลในการดูแล 24 ชม. ด้วย  

 

แฟรนไชส์ : Baan Thamachart by Chersery Home

 

  • งบประมาณการลงทุน : 20-25 ล้านบาท

 

  • ค่า Franchisee) 8 ล้านบาท

 

  • ค่า Marketing Fee 3% (ปรับลดเพิ่มได้ตามพื้นที่)

 

  • ค่า Royalty Fee 4%,

 

  • ขนาดธุรกิจ : 20-30 เตียง

 

  • ระยะเวลาการคืนทุน 3-4ปี

 

  • ระยะสัญญา 10 ปี

 

 

บ้านธรรมชาติ

โทร. 099 627 2646

Facebook : Baan Thamachart By Chersery Home

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

Egg E Egg Egg ร้านอาหารจีน สูตรแต้จิ๋ว ขายวันละ 3 ชั่วโมง เตรียมส่งไม้ต่อรุ่นที่ 3

Egg E Egg Egg คือชื่อของร้านอาหารบรรยากาศที่บ้าน ตั้งชื่อตามเสียงไก่ขัน ขายเมนูง่ายๆ ผ่านกระบวนการปรุงแบบภัตตาคาร ขายแค่บรานซ์ (Branch) วันละ 3 ชั่วโมง

จับตาผลกระทบการค้าชายแดนไทย เส้นทางธุรกิจแม่สอดเปลี่ยนเป็นสนามรบ

กับสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาใกล้ชายแดนไทยยังคงร้อนระอุนับตั้งแต่กองกำลังกะเหรี่ยง KNU และกองกำลังปกป้องประชาชน PDF “เข้ายึดฐานปฏิบัติการ 275 ในเมียวดี” ส่งผลต่อกระทบเส้นทาง “แนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor-EWEC)” ของไทย

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ