ทายาท จึงเตี่ยฮวด ร้านขายกระดาษไหว้เจ้า กับการพาธุรกิจไปต่อ ในวันที่ฝุ่น PM 2.5 เต็มเมือง

TEXT : นิตยา สุเรียมมา

PHOTO : สุนันท์ ล้อสมทรัพย์

Main Idea

  • “ตรุษจีน” เทศกาลใหญ่ประจำปีของคนจีนทั่วโลก หนึ่งในสิ่งที่นิยมทำกัน ก็คือ การเผากระดาษเงินกระดาษทอง กระดาษไหว้อุทิศให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว

 

  • แต่ในวันที่เทคโนโลยีเติบโตมากขึ้น คนรุ่นใหม่จะยังสนใจประเพณีดั้งเดิมหรือไม่ ไปจนถึงมีการรณรงค์แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ธุรกิจดังกล่าวจะได้รับผลกระทบอะไรหรือเปล่า

 

  • ชวนลงพื้นที่หาคำตอบกับทายาทรุ่นที่ 3 แห่งร้าน “จึงเตี่ยฮวด” ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าอายุ 60 ปี ที่มีการปรับตัวเข้ากับยุคสมัย เคยโด่งดังเป็นกระแสจากการทำชุดไหว้แปลกใหม่มาแล้ว อาทิ ชุดไหว้วัคซีนโควิด, ชุดไหว้หน้ากากอนามัย, หม้อชาบู กัน

 

     เทศกาลตรุษจีนกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน หลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องล้วนตระเตรียมสต็อกสินค้าไว้ขายลูกค้าในวันเทศกาล ‘จึงเตี่ยฮวด’ ร้านขายกระดาษเงินกระดาษทองไหว้เจ้า-ไหว้บรรพบุรุษอายุกว่า 60 ปี ย่านเยาวราชก็เช่นกัน แม้ในวันที่เทคโนโลยียุคใหม่จะเติบโตมากขึ้น แต่ธุรกิจข้าวของเครื่องใช้ในงานประเพณีจีนนี้ ก็ยังดูคึกคัก ลูกค้าเดินเข้าออกเลือกซื้อสินค้าไม่ขาดสาย อะไรทำให้ธุรกิจนี้ยังไปต่อได้ ความเชื่อกับมนุษย์จะเป็นสิ่งคู่กันไปตลอดไหม ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม PM 2.5 ส่งผลต่อธุรกิจกระดาษไหว้เจ้าหรือเปล่า ลองมาพิสูจน์หาคำตอบจาก พีรสรณ์ จิรพิชิตชัย ทายาทรุ่นที่ 3 แห่งร้านจึงเตี่ยฮวด กัน

Q : คุณเริ่มเข้ามาช่วยดูแลธุรกิจครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่

     จริงๆ เริ่มเข้ามาช่วยงานที่บ้านตั้งแต่เด็กๆ เลย ผมโตมากับบรรยากาศร้านขายกระดาษไหว้เจ้า-ไหว้บรรพบุรุษเลย ส่วนเข้ามาช่วยบริหารเต็มตัว คือ ประมาณ 8 ปีก่อน หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ด้านเศรษฐศาสตร์และการบริหารระหว่างประเทศ ที่เมืองจีน ถ้านับจากรุ่นอากงอาม่า ผมเป็นรุ่นที่ 3 เดิมเราเป็นธุรกิจกงสีมาก่อน ตอนแรกอยู่ในตลาดข้างๆ กับวัดเล่งเน่ยยี่ จนมารุ่นป๊าม้าก็เลยแยกออกมาเปิดร้านของตัวเอง อยู่ติดกับศาลเจ้าหลีตี๊เมี้ยว จนมาถึงผมเป็นรุ่นที่ 3 มีหลายคนถามว่าทำไมอยากกลับมาช่วยที่บ้านเลย ไม่อยากทำงานอย่างที่เรียนมาก่อน แต่ผมมองว่านี่คือ รากฐานของเรายังไงก็ต้องกลับมาพัฒนาให้เต็มที่ และยังไงการทำธุรกิจของตัวเอง ก็คุ้มค่ามากกว่า

Q : ภาพก่อนที่จะเข้ามาช่วยบริหาร มีจุดตรงไหนที่อยากปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นบ้าง

     มีหลายๆ จุดครับ เช่น แต่ก่อนหน้าตาของร้านเราก็จะเหมือนกับร้านค้ารุ่นเก่า พอได้เข้ามาช่วยก็จัดร้านให้ดูเป็นระเบียบ นำระบบเข้ามาใช้มากขึ้น สินค้าดูน่าซื้อหาง่ายมากขึ้น ขยายจาก 1 คูหาให้เป็น 2 คูหา พยายามทำทุกอย่างให้เป็นมาตรฐาน มีการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งเราเริ่มมาก่อนยุคที่ขายออนไลน์จะบูมเสียอีก รวมถึงการเทรนนิ่งพนักงานทุกคนให้มีความรู้ เพราะเราเป็นสินค้าเฉพาะต้องให้คำแนะนำปรึกษาแก่ลูกค้าได้ ว่าสิ่งนี้ คือ อะไร ถ้าอยากจะไหว้เทพเจ้า ไหว้บรรพบุรุษต้องใช้อะไรบ้าง ต่างจากสมัยก่อนเวลาลูกค้าถามอะไรมา ก็ต้องมาหาแต่เถ้าแก่ จนงานกลายเป็นคอขวด แต่ตอนนี้เราพยายามให้ทุกคนตอบเองได้หมด ซึ่งป๊าม้าก็ค่อนข้างเปิดให้อิสระในการบริหารจัดการเต็มที่ อะไรถ้าเห็นว่าดี ก็ให้ทำเลย จนตอนนี้นอกจากในไทยแล้ว เรายังมีลูกค้าประเทศเพื่อนบ้าน ส่งไปขายที่กัมพูชาและลาวด้วย

Q : สินค้าในร้านมีกี่ประเภท มาจากแหล่งผลิตที่ไหนบ้าง

     สินค้าในร้านเราจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ 1.ไหว้เจ้า 2.ไหว้บรรพบุรุษ และของมงคล เช่น ตอนนี้ก็เริ่มมีของไทยด้วย อาทิ ผ้าไตร บาตรพระ ฯลฯ เราตั้งใจอยากเป็นแหล่งรวมสินค้าไหว้ สินค้ามงคลจีน-ไทยครบวงจร แหล่งผลิตของเราจะมีจาก 3 ส่วน คือ 1.พวกงานฝีมือกระดาษเงินกระดาษทองเราจะพับเอง มีช่างฝีมือทำอยู่ 2.จากโรงงานผลิตในไทย และ 3.นำเข้าจากเมืองจีน นับรวมแล้วกว่าหลายร้อย SKU ได้ จุดเด่นของร้านเรานอกจากเน้นที่คุณภาพของสินค้าแล้ว เราอาจไม่ใช้เจ้าที่ถูกที่สุด แต่เรามั่นใจว่าของเราดี มีคุณภาพ เรายังโดดเด่นเรื่องการออกแบบสินค้าที่นำเทรนด์ แปลกไม่เหมือนใครด้วย จนเคยลงเป็นข่าว เช่น ชุดกระดาษไหว้วัคซีนโควิด, ชุด Mask หน้ากากอนามัย ล่าสุดในตรุษจีนปีนี้ เราทำเป็นชุดกระดาษไหว้ Digital Wallet 1 หมื่นบาทออกมาด้วย ก็เป็นสีสันได้ค่อนข้างมาก

Q : จริงๆ แล้วธุรกิจนี้ขายได้ตลอดทั้งปีไหม หรือเฉพาะช่วงเทศกาล

     ถ้าคนทั่วไปที่ไม่ใช่คนไทยเชื้อสายจีนมอง อาจมองว่าขายได้เฉพาะเทศกาลใหญ่ๆ เช่น ตรุษจีน, เช็งเม้ง, สารทจีน แต่จริงๆ แล้วจีนยังมีประเพณีและเทศกาลยิบย่อยอีกเยอะมากในชีวิตประจำวัน ก็เหมือนกับในวัฒนธรรมไทย เช่น กินเจ, ไหว้พระจันทร์, งานไหว้เสี่ยซิ้ง, งานกงเต็ก (งานศพ) ฯลฯ ก็เลยเรียกว่าขายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มลูกค้าเราก็มีทั้งลูกค้าปลีกและขายส่ง ช่วงเทศกาลลูกค้าปลีกอาจจะเยอะหน่อย ช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลก็จะเป็นลูกค้าขายส่ง ต้องทำออร์เดอร์ส่งล่วงหน้าเป็นสต็อกเก็บไว้

Q : มีลูกค้าคนรุ่นใหม่บ้างไหม เป็นอย่างไรบ้าง

     จริงๆ ก่อนที่จะเข้ามาช่วยดูกิจการที่บ้าน ผมก็คิดเหมือนกันว่าเทรนด์น่าจะตกลง คนรุ่นใหม่น่าจะสนใจประเพณีต่างๆ นี้น้อยลง ไม่เหมือนคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่พอได้ลองเข้ามาดูจริงๆ ไม่เป็นอย่างที่คิด คนไทยเชื้อสายจีนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่คนไทยแท้ๆ เองที่ไม่เคยไหว้มาก่อน ก็หันมาไหว้กันเยอะมากขึ้น เหมือนทุกวันนี้ที่ธุรกิจสายมูเยอะขึ้นมาก ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ แปลกๆ เช่น เครื่องประดับสายมู, การรับจ้างไหว้แทน รับจ้างไหว้แก้บน ฯลฯ จากกราฟที่น่าจะตกกลายเป็นค่อยๆ เพิ่มขึ้น ทำให้ทุกวันนี้เรามีกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น คือ 1.กลุ่มลูกค้าเดิมที่ไหว้เป็นปกติอยู่แล้ว และ 2.กลุ่มลูกค้าใหม่ คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยไหว้มาก่อน แต่หันมาสนใจมากขึ้น

Q : เริ่มเห็นเทรนด์พวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และคิดว่าเป็นเพราะอะไร

     ผมว่าตั้งแต่ช่วงโควิด-19 นะ โควิดเหมือนเข้ามาปรับเปลี่ยนชีวิตคนมากมาย ทำให้ทุกคนต้องการที่ยึดเหนี่ยวทางใจ  ต้องการหาที่พึ่ง เลยทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อและศาสตร์ต่างๆ เป็นที่นิยมมากขึ้น อย่างที่ร้านเองไม่ใช่แค่เฉพาะลูกค้าปลีกเท่านั้นที่โตขึ้น ลูกค้าส่งก็มีเยอะขึ้นด้วย คนรุ่นใหม่หลายคนหันมาเปิดร้านแบบเราเยอะขึ้น เคยถามเขาเหมือนกันว่าทำไมถึงสนใจมาเปิด ทุกคนบอกว่า “ธุรกิจแบบนี้ ไปอยู่ที่ไหนก็ค้าขายได้” เพราะเมืองไทยเราอยู่คู่กับความเชื่อ และเราไม่ได้ปิดกั้นและแบ่งแยกว่าศาสนาไหน แต่อะไรที่ดี ที่เป็นสิริมงคล ก็ทำหมดได้ ไม่ว่าพุธ อิสลาม คริสต์ ยิ่งความเชื่อไทยกับจีนผมว่าทุกวันนี้แทบจะกลืนกันจนเป็นหนึ่งเดียวแล้ว

Q : แสดงว่าคุณมองว่าธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อยังไงก็ไปต่อได้เรื่อยๆ ถึงโลกจะพัฒนาไปแค่ไหน

     ใช่ครับ ยังไงความเชื่อกับมนุษย์ก็ต้องอยู่คู่กัน เพราะทุกคนต้องการที่พึ่งทางใจ คุณมีความสุข ก็ไปไหว้ขอบคุณท่าน  ถ้ามีความทุกข์ก็ไปไหว้ขอให้ท่านช่วย เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เหมือนเรากินข้าว แต่อันนี้ คือ สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่สำคัญอีกอย่างของประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ ก็คือ ทำให้เรามีรากของตัวเอง มีแนวทางในการดำเนินชีวิต ไม่ใช้ชีวิตไปในทางที่ผิด

Q : ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องฝุ่น PM 2.5 คุณมีความคิดเห็นอย่างไร แล้วส่งผลกระทบอย่างไรต่อธุรกิจบ้างหรือเปล่า

     เรื่องฝุ่น PM 2.5 ผมเข้าใจนะ แต่ถ้าถามในความเห็นส่วนตัว ผมมองว่าการที่เราเผากระดาษเงินกระดาษทองเป็นส่วนน้อยมากถ้าเทียบกับการเผาป่า ควันพิษจากรถยนต์ หรือการทำอุตสาหกรรมต่างๆ ก็เหมือนการที่เราจุดธูปไหว้พระ และอีกอย่างเราไม่ได้ทำกันตลอด ปีหนึ่งมีแค่ไม่กี่ครั้ง เป็นประเพณีที่ทำสืบต่อมา หลายคนบอกว่าลองทำแบบลอยกระทงออนไลน์ได้ไหม ส่วนตัวผมมองว่าแทนกันไม่ได้ ถ้าตัดสินใจทำ ก็ทำเลยดีกว่า แต่ถ้าไม่ทำ ก็สู้ไม่ทำไปเลยดีกว่า แต่ถามว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไหม เราก็มีทำหลายส่วน เช่น กระดาษพยายามปรับให้เป็นกระดาษที่ให้ควันน้อย ของไหว้หลายๆ อย่าง เช่น บ้าน, รถ ก็มีการปรับขนาดให้เล็กลง ไม่ใช่แค่เพื่อลดควัน แต่ปรับให้เข้ากับการใช้ชีวิตของลูกค้ายุคนี้ด้วย อย่างบางคนอยู่บ้านจัดสรร ก็ไม่สะดวกที่จะเผาอะไรใหญ่ๆ เยอะๆ เราก็ต้องพยายามคิดในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ

Q : นอกจากการปรับไซส์สินค้า คุณมีอะไรอีกไหมที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้คนยุคนี้

     สินค้าของเราในปัจจุบันมีความแตกต่างจากยุคก่อนค่อนข้างมาก มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ก่อนจะมีแต่ชุดไหว้พื้นฐานแบบเดิมๆ แต่ยุคนี้เราเล่นกับกระแสมากขึ้น อย่างแต่ก่อนถ้าเป็นตัวรถยนต์กระดาษ ก็จะเป็นรถยนต์ปกติ แต่เดี๋ยวนี้เรามีไปถึงรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ก่อนหน้านี้ที่เป็นข่าวเป็นกระแส ก็มี ชุดไหว้วัคซีนโควิด, ชุดไหว้หน้ากากอนามัย ฯลฯ ซึ่งตรงนี้ถือจุดเด่นอย่างหนึ่งของร้านเราเลย เรื่องไอเดียดีไซน์แปลกใหม่ ลูกค้าจะชมบ่อยว่าสินค้าสวย ไม่เหมือนใคร พวกงานฝีมือ เช่น พับกระดาษ เราก็มีช่างฝีมืดดีๆ เก่งๆ

Q : จริงๆ แล้วของไหว้ฯ จำเป็นต้องมีเทรนด์เหมือนกับเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นอื่นๆ ด้วยเหรอ

     ผมมองว่าสิ่งหนึ่งที่แฝงอยู่ในการไหว้เจ้า ก็คือ ความกตัญญู คือ การที่เราระลึกถึงบรรพบุรุษ นี่คือ สิ่งที่คนจีนสอนกันมา เหมือนกับที่เวลาเราซื้อของให้กับพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือคนที่เรารัก เราก็ต้องอยากมอบของสิ่งดีๆ ให้ การไหว้เจ้าก็เหมือนกัน เราก็ต้องอยากส่งของดีๆ ไปให้กับอากงอาม่า ของเก่าแล้วแบบเดิมๆ บางทีเราก็ไม่อยากได้ ผมว่าเป็นเรื่องของความรู้สึกเป็นความสุขใจของคนซื้อที่อยากเลือกสิ่งดีๆ ให้กับคนที่ล่วงลับไปแล้ว เหมือนเวลาลูกค้ามาเลือกผมเห็นเขาพูดกัน เฮ้ย! อันนี้เอาไปฝากอากงหน่อย ชิ้นนี้เอาไปฝากอาม่าหน่อย แค่นึกถึงเขาก็มีความสุข ซึ่งถ้าคนเรารู้จักความกตัญญูแล้ว ก็จะส่งผลต่อไปยังครอบครัว ก็ดี ประเทศชาติ ก็ดี อาจเป็นจุดเล็กๆ แต่เป็นพื้นฐานสำคัญที่หล่อหลอมหรือสร้างคนขึ้นมาให้เป็นคนดี มีคุณภาพได้เลย

Q : มองภาพธุรกิจต่อไปยังไงในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

     ผมอยากทำ จึงเตี่ยฮวด ให้ใหญ่ขึ้น และครบวงจรมากขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ในตัวสินค้าเราก็ค่อนข้างมีครบอยู่แล้ว ทั้งไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และสินค้ามงคลต่างๆ มาที่เดียว แต่ลูกค้าได้กลับไปครบ แต่ที่อยากต่อยอดเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคต คือ พวกบริการต่างๆ หลายครั้งลูกค้าเวลาจะจัดงานก็ชอบมาถามว่า ต้องไปหาซินแซที่ไหน ต้องทำยังไงบ้าง เราก็เลยอยากหาพาร์ท มาทำงานด้วยกันให้ครบ จบ ในที่เดียวได้เลย เราทำให้ได้ทุกอย่าง

Q : จากการมาเป็นทายาทสานต่อธุรกิจครอบครัว มีสิ่งไหนที่คุณได้เรียนรู้จากคุณพ่อคุณแม่บ้าง

     มีหลายอย่างมากครับ ป๊าม้าจะสอนเสมอว่าให้จริงใจกับลูกค้า เพราะธุรกิจนี้ไม่เหมือนธุรกิจอื่นที่บางทีลูกค้าจะเข้าใจได้เอง หลายอย่างเขาต้องให้เราแนะนำ เราเป็นเหมือนองค์ความรู้ให้เขา คนที่มาหาเรามีทั้งสุขและทุกข์ บางคนสูญเสียคนที่รัก เขามาขอคำปรึกษาว่าต้องทำยังไง เราก็ต้องแนะนำดีๆ ไม่ใช่เชียร์แต่ให้ซื้อของ ป๊าม้าจะบอกลูกค้าเสมอว่าให้เอาแต่พอดี เอาที่ไหว บางคนมาเล่าระบายให้ฟัง เราก็รับฟังและให้กำลังใจ

     อีกข้อที่ป๊าม้าสอนเสมอ ก็คือ สินค้าต้องมีคุณภาพ เราอาจไม่ใช่ร้านที่ถูกที่สุด แต่เรามีสินค้าที่ดีมีคุณภาพ อย่างกระดาษที่มาทำกระดาษไหว้เจ้าจะมีทั้งกระดาษดำและขาว กระดาษดำ คือ กระดาษรีไซเคิล สีจะออกมาไม่ค่อยสวย เราก็ไม่ใช้ ใช้แต่กระดาษขาว เพราะเวลาไหว้ก็ควรต้องเอาแต่ของดีๆ มาไหว้ เพราะอย่างนี้เลยทำให้เรามีฐานลูกค้าเก่ามากกว่า 70% ส่วนอีก 30% คือ กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เริ่มหันมาสนใจประเพณีการไหว้มากขึ้น หลายคนเป็นลูกค้ากันมานานยอมขับรถมาจากต่างจังหวัดไกลๆ เพื่อมาซื้อ เพราะบอกว่ามาซื้อที่เราแล้วสบายใจ เชื่อว่าเราไม่หลอกเขาแน่นอน และเหมือนได้มาเจอเพื่อนด้วย

Q : มีคำแนะนำอะไรที่อยากบอกคนที่ต้องมาเป็นทายาทธุรกิจไหม

     ผมว่าอย่างแรกเราต้องทำความเข้าใจในธุรกิจนั้นให้ลึกซึ้งก่อน ต่อจากนั้นเป็นขั้นตอนการพัฒนา คุณต้องมองให้ไกลมากขึ้น เวลาเจอปัญหาอย่าถอย จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ปัญหา เป็นแค่บทเรียนหนึ่งที่วันหนึ่งเราก็จะสามารถผ่านมันไปได้ และอย่าลืมปรึกษาคนที่มีประสบการณ์มาก่อน เพราะเขาเคยทำมาก่อนย่อมรู้และแนะนำเราได้ การไม่ศึกษาจากคนที่เคยทำมา ยังไงก็ไปต่อได้ยากกว่า

ร้านจึ่งเตี่ยฮวด

https://www.facebook.com/jthchinesepaper

โทร.094 964 6422

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

จับตาผลกระทบการค้าชายแดนไทย เส้นทางธุรกิจแม่สอดเปลี่ยนเป็นสนามรบ

กับสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาใกล้ชายแดนไทยยังคงร้อนระอุนับตั้งแต่กองกำลังกะเหรี่ยง KNU และกองกำลังปกป้องประชาชน PDF “เข้ายึดฐานปฏิบัติการ 275 ในเมียวดี” ส่งผลต่อกระทบเส้นทาง “แนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor-EWEC)” ของไทย

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น