TEXT : Jay.Wannakhun

PHOTO : NVK.farm, nimsri

Main Idea

• NVK.Farm ผู้พัฒนา โคดำลำตะคอง เนื้อโคพันธุ์ไทย และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในพื้นที่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

• กับเทคนิคเลี้ยงโคยังไงให้มีความพิเศษและคุณภาพสูงจนต่างชาติขอซื้อ

     “วันหนึ่งมีผู้บริหารชื่อดังของญี่ปุ่นที่ขายเนื้อวากิว มีสาขาทั่วโลก ตระเวนชิมเนื้อมาทั่วโลก จนกระทั่งได้มาชิมเนื้อโคดำลำตะคอง บอกว่าเนื้อที่ดีที่สุดอยู่ในประเทศไทย”

     นี่คือ เหตุการณ์ที่ตอกย้ำความมั่นใจของ อรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ เจ้าของ NVK.Farm ผู้เลี้ยง “โคดำลำตะคอง” โคเนื้อสายพันธุ์ไทย ว่าคุณภาพเนื้อไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ถึงขนาดมีชาวต่างชาติมาขอซื้อพันธุ์วัว ล่าสุดสิ้นปีที่ผ่านมามีคนมาเลเซียมาขอซื้อวัว 20 ตัวแต่ก็ต้องปฏิเสธไป เพราะมีลูกค้าขาประจำรอคิวอยู่

     โคดำลำตะคอง โคเนื้อสายพันธุ์ไทย จาก NVK.Farm ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเนื้อในประเทศไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในพื้นที่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทั้งแนวคิดในการเลี้ยงโคและมาตรฐานของเนื้อไทยให้ก้าวไปอีกขั้น

แรกเริ่มก่อนเป็น โคดำลำตะคอง

     อรรควัฒน์ เล่าว่า NVK.Farm เริ่มธุรกิจในปี 2540 เกิดจากแนวคิดที่ตั้งใจที่จะให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์การบริโภคเนื้อที่มีคุณภาพดี ช่วงแรกเริ่มเลี้ยงโคขุนสายพันธ์กำแพงแสน เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เลี้ยงอยู่นานถึง 10 ปี พร้อมกับปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์อื่นๆ คือ แองกัส และวากิว โดยได้รับการสนับสนุนพ่อพันธุ์จากปศุสัตว์ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา

     “เราได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากมหาวิทยาลัยสุรนารี พัฒนามาเป็นลูกผสม 3 สายพันธุ์ที่ดึงเอาความโดดเด่นของแต่ละสายพันธุ์ออกมาคือ สายพันธุ์แรก สายพันธุ์ผสมพื้นเมือง มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม มีความถึกทน สายพันธุ์สอง วากิวที่มีเอกลักษณ์คือ ปริมาณไขมันแทรกในเนื้อคล้ายลายหินอ่อน และสายพันธุ์สาม แองกัสที่มีการเจริญเติบโตไว ทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้ดี จนเกิดมาเป็น “โคดำลำตะคอง”

เลี้ยงโคเนื้อยังไงให้สเปเซียล

      นอกจากจะเป็นสายพันธุ์พิเศษแล้ว การเลี้ยงโคเนื้อที่ฟาร์มแห่งนี้ไม่เหมือนใคร โดยในการเลี้ยงโคนั้นทาง NVK.Farm ไม่เพียงเน้นอาหารที่เป็นธัญพืชคัดสรรอย่างดี ให้กากอาหารที่ได้จากโรงงานแปรรูปผัก ผลไม้ต่างๆ ที่ให้คุณค่าสูงเท่านั้น ยังให้ความสำคัญเรื่องอารมณ์ของโคที่ต้องไม่มีความเครียด หมั่นดูแลอาบน้ำแปรงขนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้โคมีสุขภาพจิตที่ดี

     โดยเฉพาะที่เป็นจุดเด่นอีกหนึ่งอย่างคือ การให้สาโทกับโคขุน ที่มีการคำนวณสาโทในปริมาณพอดี ช่วยให้เกิดสารสำคัญอย่างโบรไบโอติก ทำให้เนื้อวัวเกิดเป็นรสชาติแปลกใหม่ มีรสหวานติดปลายลิ้นนิดๆ

     “ลองดูงานวิจัยหลายๆ ตัวพบว่าโปรไบโอติกนั้นคือ จุลินทรีย์ที่ดีหรือมีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งในบ้านเรามีวัตถุดิบที่ทำให้เกิดโปรไบโอติกเยอะมาก ทั้งกะปิ น้ำปลา สาโท ข้าวหมาก ผักดอง ฯลฯ ตรงจุดนี้น่าจะนำมาทำสตอรี่ช่วยในการขายของได้จริงๆ ขนาดญี่ปุ่นให้โคกินเบียร์เขายังมาสร้างเป็นสตอรี่ขายของได้เลย”

     อย่างไรก็ดีอรรควัฒน์เปรียบเทียบการเลี้ยงโคของไทยกับต่างชาติว่า ถ้าในเชิงปริมาณอาจจะสู้ต่างชาติไม่ได้ แต่ถ้าในเชิงคุณภาพ เขาเชื่อว่าเนื้อไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอน

     ด้วยจุดเด่นและเอกลักษณ์ของโคดำลำตะคองดั่งสโลแกน “โคหนุ่ม เนื้อนุ่ม ชุ่มมัน” ที่มีรสชาติ กลิ่นโดดเด่น มีลักษณะของชั้นไขมันแทรกระหว่างเนื้อ และมีโอเมก้า 9 ที่เป็นสารอาหารสำคัญ แต่ทั้งนี้รสชาติของเนื้อก็ขึ้นอยู่กับแต่ละฟาร์ม หนึ่งฟาร์มหนึ่งรสชาติ เหมือนรสชาติของกาแฟที่ปลูกในแต่ละพื้นที่รสชาติก็แตกต่างกัน อยู่ที่แต่ละพื้นที่จะสร้างความพิเศษยังไงมาดึงดูดผู้บริโภค

นวัตกรรมเลี้ยงโคแบบรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

     มีหลายวิจัยที่บอกว่าโคเป็นสัตว์ที่มีการปล่อยก๊าซมีเทนออกสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ซึ่งในอนาคตการเลี้ยงวัวอาจกระทบ ในเรื่องของ bio circular green หรือ BCG ที่จะเป็นกฎหมายสิ่งแวดล้อมเป็นเหตุให้ NVK.Farm มีการปรับตัวไว้ให้พร้อม

     สิ่งที่ NVK.Farm ปรับตัวคือ มีการใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์โค เช่น การผสมเทียม การทำ Smart Farm ซึ่งเป็นการเลี้ยงโคแนวใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้เป็นที่ต้องการของตลาด ควบคุมเนื้อให้มีคุณภาพเสมอ แต่การเลี้ยงโคเนื้อก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย

     “bio circular green เป็นกฎหมายสิ่งแวดล้อมในอนาคตที่จะเข้ามาโยงเกี่ยวกับคนเลี้ยงวัวโดยเฉพาะ เพราะว่าวัวเป็นสัตว์ที่ปล่อยก๊าซมีเทนออกสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ เพราะฉะนั้นจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเราโดยตรง เราต้องเตรียมตัว จำว่าต้องดูแลโลก ไม่ใช่แค่ทำอาชีพอย่างเดียว ต้องดูแลเพื่อน ดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย”

เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร

     อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของ NVK.Farm คือด้วยทำเลที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ถูกจัดอยู่ในกลุ่มจังหวัด "นครชัยบุรินทร์" ที่ประกอบไปด้วย ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และนครราชสีมา มีการคมนาคมขนส่งที่สะดวก ทำให้เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

     นอกจากนี้ NVK.Farm ยังได้สร้างเครือข่ายโคเนื้อตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เชื่อมโยงกับเกษตรกรทั่วประเทศ

     เมื่อเทียบกับการขายโคเนื้อปกติที่เลี้ยงแบบเดิม ขายได้ในราคา 82 บาทต่อกิโลกรัม แต่โคเนื้อคุณภาพสูงของโคดำลำตะคองขายได้ 105-145 บาทต่อกิโลกรัม เป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นขั้นต่ำต่อปี 28% และถ้าเกษตรกรสามารถพัฒนาคุณภาพของเนื้อให้สูงขึ้นอีก เพิ่มรายได้สูงสุดที่ 65% ต่อปี

     ปัจจุบันเนื้อโคของ NVK.Farm มีจำหน่ายทั้งร้านขายปลีกทั้งในพื้นที่ในจังหวัด ในพื้นที่ต่างจังหวัด อาทิ ร้านบุชเชอร์ที่ภูเก็ต และร้านอาหารต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ นครปฐม เพชรบุรี เป็นต้น

     และนี่คือโคดำลำตะคองจาก NVK.Farm ที่มีจุดเด่นในเรื่องของสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาจนเป็นเอกลักษณ์ เนื้อคุณภาพสูงที่ไม่แพ้ต่างชาติ รสชาติแปลกใหม่จากการเลี้ยงดูแบบพิเศษ จนสามารถยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ทำให้เนื้อไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี