The Bus Collective เปลี่ยนรถบัสเก่าเป็นโรงแรมสุดชิค ผสานดีไซน์ล้ำกับการท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างลงตัว

     การไปพักผ่อนช่วงวันหยุดกลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสพิเศษอย่างวันเกิด ทริปสั้นๆ ช่วงสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดยาวของเด็ก ๆ

     แต่ก็ต้องยอมรับว่า โรงแรมหรือรีสอร์ทแบบเดิมๆ อาจทำให้รู้สึกน่าเบื่อซ้ำซากไปบ้างแล้ว

     นั่นทำให้รีสอร์ทแห่งใหม่อย่าง The Bus Collective ซึ่งเปิดตัวในย่านชางงี สิงคโปร์ กลายเป็นที่จับตาทันที เพราะไม่ใช่ทุกวันที่จะเห็นโรงแรมที่สร้างจากรถโดยสารประจำทางมาจอดกลางเมือง

     รีสอร์ทแห่งนี้ไม่เพียงแค่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แต่ยังเป็นแห่งแรกของสิงคโปร์ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นำรถบัสเลิกใช้งานมาดัดแปลงเป็นที่พัก  

ให้ชีวิตใหม่แก่รถบัสเก่า

     The Bus Collective เปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทท่องเที่ยว WTS Travel ของสิงคโปร์ กับกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (MTI) และสำนักงานที่ดินสิงคโปร์ (SLA)

     แนวคิดนี้เกิดจาก มิคเกอร์ เซีย ผู้อำนวยการของ WTS Travel ผู้คร่ำหวอดในวงการท่องเที่ยวมากว่า 35 ปีเมื่อเห็นว่ามีรถบัสที่ยังใช้งานได้ถูกปลดระวางอย่างน่าเสียดาย เขาจึงเริ่มคิดถึงวิธีที่จะมอบชีวิตใหม่ให้กับรถเหล่านั้น

     นอกจากนี้ เขายังเล็งเห็นว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืนกำลังได้รับความสนใจทั่วโลก จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่ทั้งน่าจดจำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เส้นทางที่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

     การจะเปลี่ยนรถบัสให้กลายเป็นห้องพักไม่ใช่แค่ตกแต่งภายในใหม่เท่านั้น

     ด้วยความร่วมมือของ MTI คณะกรรมการส่งเสริมธุรกิจ และการสนับสนุนจาก SLA และบริษัทท่องเที่ยวสิงคโปร์ WTS Travel จึงสามารถหาทำเลที่เหมาะสม พร้อมคัดเลือกและตรวจสอบรถบัสให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านโครงสร้างและความปลอดภัย

     สุดท้าย พวกเขาเลือกใช้รถบัสโดยสารสาธารณะรุ่น Scania จำนวน 20 คัน ที่เคยวิ่งให้บริการโดย SBS Transit

     รถแต่ละคันต้องผ่านการดัดแปลงครั้งใหญ่ เริ่มจากรื้อเบาะเดิมทั้งหมด เสริมโครงสร้างใหม่ให้รองรับการใช้งานเป็นที่พัก พร้อมตกแต่งให้คงกลิ่นอายเดิมบางส่วน เช่น หน้าต่าง เบาะคนขับ และพวงมาลัย เพื่อให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสบรรยากาศเสมือนอยู่ในรถบัสจริง ขณะที่โครงสร้างของรถบัสที่ปลดประจำการยังต้องได้รับการเสริมความแข็งแรงเพื่อรองรับการใช้งานใหม่ในการรองรับแขก

     จากไอเดียสู่ความจริงนี้ The Bus Collective ใช้เวลาดำเนินโครงการรวมราว 2 ปีเต็มจึงแล้วเสร็จ พร้อมเปิดบริการให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าพักที่แปลกใหม่

เริ่มต้นเพียงคืนละ 200 ดอลลาร์

     ห้องพักแต่ละยูนิตของ The Bus Collective มีขนาด 45 ตารางเมตร มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งเตียงคิงไซส์ เตียงสองชั้น หรือห้องสำหรับผู้ใช้รถเข็นซึ่งมีห้องน้ำที่ออกแบบพิเศษ

     ในช่วงเปิดตัว อัตราค่าห้องพักเริ่มต้นค่อนข้างสูงถึง 398 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อคืน แต่ในปัจจุบัน ราคาถูกปรับลงมาเหลือเพียง 200 ดอลลาร์ ซึ่งเหมาะกับตลาดมากขึ้น ทำให้โรงแรมมีอัตราการจองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกเดือนตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา

     โรงแรมแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในหมู่ครอบครัวที่มีลูกเล็ก แต่ช่วงหลังก็เริ่มเป็นที่สนใจของบริษัทต่างๆ รวมถึงคู่รักเช่นกัน

     อย่างไรก็ตาม การเติบโตของธุรกิจไม่ได้เกิดจากการปรับราคาลดลงเพียงอย่างเดียว เพราะ The Bus Collective ใช้กลยุทธ์ “ราคาปรับตามฤดูกาล” โดยตั้งราคาสูงขึ้นในช่วงพีค เช่น วันหยุดยาวหรือช่วงปิดเทอม และปรับราคาต่ำลงในช่วงโลว์ซีซั่น เพื่อดึงดูดลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

     ทั้งนี้ The Bus Collective ยังมีแผนพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าและขยายพื้นที่ให้บริการต่อไป
 

ที่มา : https://vulcanpost.com/884149/the-bus-collective-singapore/

 Photo Credit : Instragram@thebuscollectivesg

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน

SME ไทยจะอยู่รอดได้อย่างไรท่ามกลางสงครามการค้า

การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ดังนั้น SME ไทยจึงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง ...แล้วเราจะอยู่รอดได้อย่างไร