SME ไทยจะอยู่รอดได้อย่างไรท่ามกลางสงครามการค้า

Text : ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว


      การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของไทยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง เมื่อประเทศไทยอาจกลายเป็นทางผ่านให้ผู้ผลิตจากจีนและประเทศอื่นใช้เป็นช่องทางหลบเลี่ยงกำแพงภาษีผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและซัพพลายเชน

     SME ไทยจำนวนมากยังทำธุรกิจด้วยรูปแบบดั้งเดิม ขาดระบบบริหารจัดการที่ทันสมัย บุคลากรมีทักษะจำกัด ไม่มีทีมดิจิทัล ไม่มีเงินจ้างที่ปรึกษา ไม่มีงบโฆษณา และไม่สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้แนวทางเช่น "ยกระดับแบรนด์" หรือ "เข้าสู่ตลาดเฉพาะ" จะเป็นคำแนะนำที่ดีในเชิงทฤษฎี แต่สำหรับ SME ส่วนใหญ่แล้ว กลับยังไม่มีต้นทุน ทักษะ เครือข่าย และทรัพยากรที่จำเป็นเพียงพอที่จะเดินไปในเส้นทางนั้นได้ทันเวลา

     การจะช่วยให้ SME อยู่รอดและตั้งหลักได้ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ รัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนในรูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้จริง เห็นผลได้เร็ว และเกิดประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม เช่น การส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการรายเล็กเพื่อจัดซื้อวัตถุดิบร่วมกัน แบ่งปันเครื่องจักร หรือใช้ทีมการตลาดร่วมกัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสเข้าถึงช่องทางตลาด เป็นต้น

     การจัดตั้งแพลตฟอร์มดิจิทัลภายใต้การดูแลของรัฐหรือความร่วมมือกับภาคเอกชนในประเทศ ที่ให้ SME ไทยสามารถจำหน่ายสินค้าออนไลน์โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มสูงเกินควร พร้อมมีระบบช่วยเรื่องโลจิสติกส์และการชำระเงิน จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยสนับสนุน SME ในยุคดิจิทัล

     สนับสนุนงบประมาณสำหรับการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบ การตลาด หรือดิจิทัล โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ประกอบการต้องนำไปใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้เกิดผลลัพธ์ที่วัดได้ เป็นอีกมาตรการที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของ SME ให้แข่งขันได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

     การจัดตั้งกลไกให้ความช่วยเหลือรายพื้นที่ โดยมี "โค้ชธุรกิจ" หรือ "พี่เลี้ยง" จากมหาวิทยาลัย หน่วยงานพัฒนาธุรกิจ หรือภาคเอกชนจิตอาสา คอยให้คำปรึกษาแบบใกล้ชิดและต่อเนื่อง จะช่วยให้ SMEs มีที่ปรึกษาที่เข้าใจบริบทของธุรกิจและสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์

     นโยบายที่มุ่งเน้นให้ SME แข่งขันในตลาดโลกอาจไม่ตอบโจทย์หากปราศจากรากฐานที่แข็งแรง รัฐจึงควรหันมาให้ความสำคัญกับการสร้าง "ความสามารถพื้นฐาน" ของ SME อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการพัฒนาระบบบัญชีและการจัดการภายในที่โปร่งใส ส่งเสริมให้ SME มีระบบบัญชีมาตรฐาน พร้อมจัดทำต้นทุนและกำไรที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถวางแผนธุรกิจและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

     การสนับสนุนการจัดการสต๊อกและซัพพลายเชนเบื้องต้น ผ่านการใช้เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันจัดการสินค้า จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถบริหารสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการสูญเสีย ซึ่งเป็นต้นทุนที่หลาย SME มองข้าม

     การจัดอบรมทักษะดิจิทัลระดับพื้นฐานที่เข้าถึงได้ ทั้งแบบออนไลน์หรือการอบรมแบบพบตัวให้กับเจ้าของกิจการและลูกจ้างในระดับที่เหมาะสม โดยไม่ใช้ศัพท์เทคนิคมากเกินไป พร้อมแบบฝึกหัดที่นำไปใช้ได้จริง จะช่วยลดช่องว่างทางดิจิทัลที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการแข่งขันยุคปัจจุบัน

     การส่งเสริมให้ SME มี "ความรู้เรื่องสิทธิของตนเอง" เช่น การป้องกันตนเองจากคู่ค้าต่างชาติที่ไม่เป็นธรรม หรือการร้องเรียนสินค้าเลียนแบบในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็นอีกมิติสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปกป้องธุรกิจของตนจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในตลาดโลก

     ในบริบทของสงครามการค้า การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง SME กับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในประเทศจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ ช่วยลดการพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้า และสร้างความมั่นคงให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวม

      การทำข้อตกลงกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำในการให้พื้นที่พิเศษหรือเงื่อนไขพิเศษสำหรับผู้ประกอบการ SME ไทย อาจเป็นอีกแนวทางที่ช่วยให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง ภาครัฐอาจพิจารณาการสนับสนุนค่าธรรมเนียมหรือการลดหย่อนภาษีให้กับแพลตฟอร์มที่ให้ความร่วมมือในการสนับสนุน SMEs ไทย

     SME ที่มีอยู่กว่า 3 ล้านรายในประเทศไทย หรือคิดเป็นกว่า 99% ของจำนวนธุรกิจทั้งหมดในประเทศ คงไม่สามารถรอดพ้นจากคลื่นเศรษฐกิจโลกได้ด้วยตัวเอง หากปราศจากเครื่องมือสนับสนุนจากรัฐและสังคมโดยรวม หากประเทศไทยต้องการให้ SMEs เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว ก็จำเป็นต้องลงทุนในสิ่งที่มองไม่เห็นทันที เช่น ความรู้พื้นฐาน ความมั่นคงของระบบธุรกิจ และเครือข่ายความร่วมมือ

     ด้วยเหตุนี้ ในโลกที่สงครามการค้ากลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองและเศรษฐกิจ ความอยู่รอดของ SMEไทย จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ประเทศไทยสามารถ "ปกป้องเศรษฐกิจฐานราก" ได้จริงเพียงใด ท่ามกลางกระแสสินค้าราคาถูกที่ไหลทะลักจากประเทศต่าง ๆ ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซและการค้าข้ามพรมแดน

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน