เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

เรียบเรียง : Phan P.


     หากเคยเห็นเค้กที่หน้าตาไม่ธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ อย่างเค้กบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบ 3 มิติ หรือเค้กหัวปลาขาด มีโอกาสสูงว่าเค้กเหล่านั้นจะมาจากร้าน “Bob The Baker Boy”

     แม้จะมีเค้กหน้าตาปกติให้เลือกสั่งเช่นกัน แต่เค้กที่ทำให้ร้านนี้เป็นที่รู้จักกลับเป็นเค้กแบบสั่งทำพิเศษสุดแปลกแหวกแนว ที่บางแบบราคาทะลุไปถึงกว่า 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 27,000 บาท) แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงประมาณ 150-300 ดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งหลายคนก็มองว่าคุ้มค่ากับงานฝีมือและรายละเอียดที่ใส่เข้าไป

     ผู้อยู่เบื้องหลังความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้คือ “เมย์ ฟง” (Mayee Fong) สาววัย 31 ปี ผู้เริ่มต้นจากความรักในการอบขนมจนกลายมาเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว

เส้นทางที่ไม่ได้เริ่มต้นจากความฝัน

     เมย์เริ่มหลงใหลในการอบขนมตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี โดยมักจะช่วยแม่ทำอาหารและขนมอยู่เสมอ แต่แม้จะชื่นชอบการทำขนม เธอกลับไม่เคยคิดจะยึดเป็นอาชีพจริงจัง จนกระทั่งรู้สึกว่าการเรียนบัญชีที่มหาวิทยาลัย Nanyang Technological University (NTU) ไม่ใช่เส้นทางที่ใช่สำหรับเธอ จึงตัดสินใจเป็นเด็กฝึกงานในร้านเบเกอรี่แถวบ้าน โดยได้เงินเดือนประมาณ 1,500 ดอลลาร์ฯ และใช้เวลาว่างถึง 3 ปี ในการทดลองสูตรของตัวเอง ทดลองสัดส่วนของเนย แป้ง ไข่ และน้ำตาล ที่พลาดบ้าง สำเร็จบ้าง จนได้สูตรที่ลงตัว

    สุดท้าย เธอก็คิดสูตรเค้กช็อกโกแลตที่ลงตัวและเริ่มขายให้เพื่อนๆ ผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม และเมื่อได้รับการตอบรับที่ดี ก็ตัดสินใจลาออกจากร้านเบเกอรี่เพื่อเปิดธุรกิจของตัวเองในปี 2016 ภายใต้ชื่อ “Bob The Baker Boy” ซึ่งตั้งตามชื่อของนักแสดงตลกที่เธอชื่นชอบ

จากครัวเล็กๆ สู่ธุรกิจเต็มรูปแบบ

     ช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจถือเป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดสำหรับเมย์ เธอต้องทำทุกอย่างคนเดียว ตั้งแต่รับออเดอร์ ออกแบบเค้ก ไปจนถึงตอบข้อความลูกค้า บางวันทำงานยาวถึง 16 ชั่วโมง

     ครั้งหนึ่งในช่วงคริสต์มาสปี 2018 เมย์ต้องเผชิญวิกฤตเมื่อเค้กที่เธอออกแบบไว้ไม่สามารถอยู่ทรงได้ และต้องทำใหม่ทั้งหมดในคืนวันคริสต์มาสอีฟ

     แม้จะเจออุปสรรคหนักหนา เมย์ไม่ยอมแพ้ เธอพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง และหันมาเน้นการทำเค้กแบบสั่งตัด เพราะพบว่าไม่มีใครอยากเดินทางไกลมาซื้อเค้กธรรมดาถึงย่าน Yishun ที่เธออาศัยอยู่

     จากลูกค้าเพียงไม่กี่ราย เธอค่อยๆ สร้างฐานลูกค้าประจำจนสามารถรับออเดอร์ได้ถึง 40 ชิ้นต่อสัปดาห์ และตัดสินใจเช่าพื้นที่ขนาด 600 ตารางฟุต พร้อมจ้างพนักงานประจำ 2 คนและเด็กฝึกงานอีก 2 คน

โตสวนกระแสในช่วงโควิด

     แม้โควิด-19 จะทำให้หลายธุรกิจต้องปิดตัว แต่เมย์กลับพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยสูตรคุกกี้ลาวาที่กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างไม่คาดคิด จนทีมต้องเริ่มงานตั้งแต่ตี 6 และทำงานกันจนถึงเที่ยงคืน

     เมื่อยอดขายพุ่ง เมย์ก็ขยับขยายอีกครั้ง ย้ายไปยังครัวขนาดใหญ่ขึ้นถึง 3 เท่า พร้อมทีมงานกว่า 30 คน และในเวลาต่อมาก็ย้ายอีกครั้งมายังครัวกลางที่ Pandan Loop

     ปัจจุบัน ธุรกิจของเมย์มียอดขายแตะระดับ 7 หลัก และมีทีมงานกว่า 45 คน พร้อมรับออเดอร์จากลูกค้ารายใหญ่อย่าง Disney, Nestle และ Coach

     แม้ประสบความสำเร็จอย่างมาก เมย์ยังไม่หยุดแสวงหาโอกาสใหม่ๆ โดยในปี 2024 เธอเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “Pinch Bakehouse” ที่เป็นร้านขนมฮาลาล ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีข้อจำกัดด้านอาหาร

     ด้วยแบรนด์ใหม่นี้ เธอสามารถรองรับคำสั่งซื้อจากโรงพยาบาล โรงเรียน และบริษัทต่างๆ ได้มากขึ้น และยังวางแผนขยายสินค้าของ Bob The Baker Boy ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วย

     ที่มา : https://vulcanpost.com/879074/bob-the-baker-boy-singapore/

     Photo Credit : www.facebook.com/bobthebakerboy

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ตั๊กบ้านโตน ร้านหมูกระทะต่างจังหวัด ที่คนแย่งกันจองคิวนานนับเดือน  ยอมขับรถไกลหลายชม. เพื่อไปกิน

“ตั๊กบ้านโตน” (Tak Baan Tone) ร้านหมูกระทะเมืองอุทัยธานี ที่ปิดรับจองคิวล่วงหน้า เพราะเต็มยาวไปถึงวันสิ้นปีแล้ว ถ้าอยากกินต้องวอคอินไปเท่านั้น อะไรทำให้ “ร้านหมูกระทะ” กลายเป็นร้านพิเศษขึ้นมาได้ ถึงขั้นมารอต่อคิวเพื่อจะได้กินสักครั้ง

Taitier สบู่สาย Realistic ฝีมือคนไทย เหมือนจนตั้งราคาได้กว่า 5,000 บาทต่อก้อน!!   

ถ้าจะบอกว่า ผลไม้ที่เห็นตรงหน้านี้คือสบู่ คุณจะเชื่อมั้ย? นี่คือฝีมือของแบรนด์ไทยนามว่า Taitier ที่ผสานศิลปะและของใกล้ตัวออกมาได้อย่างเหมือนจริงสุดๆ ที่ต้องบอกเลยว่า Wow! คนไทยไม่พอ ยังโตต่อในต่างประเทศอีกด้วย

สายมูต้องมุง! กระเป๋าสานจากหางประทัดแก้บน ลดขยะล้นวัด ได้งานคราฟต์สุด Cool  

มูยังไงให้สิ่งศักด์สิทธิ์รักและรักษ์โลกด้วย? พาไปรู้จักหางประทัดแก้บนที่นำมาสานเป็นกระเป๋าสุดคูล จากวัดเจดีย์ หรือ วัดไอ้ไข่ โดยกระเป๋า 1 ใบ จะใช้หางประทัดมากถึง 999 ชิ้น ซึ่งช่วยอัพราคากระเป๋าให้แตะได้ถึงหลักพันทีเดียว