KUSU เทียนหอมเสมือนจริง ที่มี “รูปทรงหิน” เป็นตัวตึง ฝีมือสุดทึ่งของสถาปนิกไทย

Text: VaViz

Photo: KUSU


     “อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง” นับเป็นความฝันของใครหลายคน ซึ่งไม่ต่างจาก กุสุมา พิสิฐบุตร สถาปนิกสาวที่โลดแล่นอยู่ในวงการออกแบบสถาปัตยกรรมมากว่า 20 ปี ที่เป็นหนึ่งในนี้เช่นกัน

     แม้ว่าการเริ่มต้นออกเดินทางบนถนนธุรกิจสำหรับเธอนั้น ดูจะขรุขระไปสักหน่อย เมื่อเลือกทำเบเกอรี่เป็นอย่างแรก แต่กลับต้องหยุดไปเสียดื้อๆ เพราะคิดไม่ตกว่าจะสร้างความแตกต่างให้กับขนมของตัวเองได้อย่างไร ท่ามกลางการร่ายล้อมไปด้วยคู่แข่งมากมาย

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ไฟของความต้องการเป็นผู้ประกอบการกลับไม่มอดลงไปด้วย เมื่อได้เจอกับเป้าหมายใหม่ผ่านการเข้าคอร์สเรียนทำเทียนหอมรูปทรงหินจากคุณครูชาวเกาหลี ซึ่งการตกหลุมรักกับเจ้าพวกก้อนครั้งนี้ก็ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจและจุดกำเนิดของ KUSU แบรนด์เทียนหอมสายอาร์ต ที่เน้นความเสมือนจริงนั่นเอง

เมื่อ Architecture + Art…แสงเทียนก็ส่องสว่าง  

“แค่ใช้ Wax ต่างยี่ห้อกัน วัตถุดิบก็มีปัญหาได้

เพราะเทียนมีการยืดหดตัว แม้จะวางอยู่เฉยๆ ก็เสียหายได้  

ดังนั้น แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กน้อยแค่ไหน อย่าปล่อยให้คาดสายตา”

     แม้ไอเดียจะมาเต็ม แต่กว่าแบรนด์จะเป็นรูปเป็นร่างได้นั้น กุสุมา ต้องใช้พลังเฟ้นหาวัตถุดิบและทดลองทำนานถึง 1 ปี เพื่อให้ได้เทียนรูปทรงหินดั่งที่ร่ำเรียนมา แต่ด้วยเลือดของสถาปนิกที่ไหลเวียนอยู่ในตัว การออกแบบให้งานออกมาสมจริงที่สุด จึงไม่ใช่สิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรง   

     “ผลงานทุกชิ้นนั้นคือแฮนด์เมด 100% ซึ่งเราเป็นคนทำแม่พิมพ์เอง เช่น เทียนรูปทรงหิน เราจะนำหินจริงๆ ที่ได้จากการไปซื้อตามร้านขายหินหรือทำสวนมาใช้เป็นแม่พิมพ์ที่ทำขึ้นด้วยซิลิโคน หรืออย่างเทียนกระถางแคคตัส เราก็ใช้แคคตัสจริงๆ มาทำเป็นแม่พิมพ์ แต่ถ้าเป็นเทียนที่รูปทรงแปลกๆ หน่อย เราจะใช้การพิมพ์ 3 มิติในการขึ้นแม่พิมพ์”

     แต่ใช่ว่าทุกรูปทรงที่อยากได้จะสำเร็จได้ง่ายๆ ดังใจ นั่นเพราะการขึ้นรูปทรงเองต้องคิดถึงทั้งเรื่องของการออกแบบและการแกะออกจากแบบให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

     “เราใช้ทักษะที่มีช่วยคำนวณและประเมินว่า รูปทรงแบบไหนที่จะสามารถแกะเทียนออกมาได้โดยไม่เสียหาย หรือถ้าเสียหายเราจะต้องทำการปรับรูปทรงอย่างไรให้แกะไม่ยาก แกะแล้วไม่แตก รวมถึงรูปทรงแบบไหนที่สามารถขายบนออนไลน์และทำการจัดส่งให้ถึงบ้านลูกค้าได้อย่างปลอดภัย และแบบไหนที่ขายได้เฉพาะการฝากขายหน้าร้านเท่านั้น”  

เพิ่มดีกรี...แปลกแต่(เหมือน)จริง

“สวยอย่างเดียวไม่ได้...(เทียน)หินจะต้องมีที่มา มีสตอรี่

ถึงจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นคอลเล็กชั่นต่างๆ ได้

หรือต่อยอดเป็นอย่างอื่นได้”

     นอกจากเรื่องของรูปทรงที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญแล้ว เรื่องของสี กลิ่น และฟังก์ชันยังส่งให้ KUSU เป็นเทียนหอมสุดคราฟต์ที่โดนใจลูกค้า โดยเฉพาะชาวต่างชาติไปเต็มๆ อีกด้วย

     “Signature ของแบรนด์คือเทียนรูปทรงหิน ที่วันนี้ดูแปลกและแตกต่างจากเทียนแท่งและเทียนในภาชนะในตลาดอย่างไร ยิ่งดูแตกต่างและแปลกเข้าไปใหญ่ตอนที่เราเริ่มต้นทำแบรนด์นี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยการเทสีลงไปในแม่พิมพ์จะทำให้เราได้ลวดลายของหินที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการเรียงตัวของชั้นสี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่กลายเป็นข้อดีที่ทำให้เทียนรูปทรงหินทุกก้อนนั้นไม่เหมือนกัน ซึ่งเหมือนกับหินธรรมชาติจริงๆ ที่ไม่มีก้อนไหนเหมือนกันแบบ 100% นั่นเอง”

     เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้น แบรนด์จึงเดินหน้าพัฒนาเทียนรูปทรงหินให้มีสีสันมากขึ้น และเชื่อมโยงเรื่องราวให้เข้ากับหินที่มีอยู่จริงผ่านการออกคอลเล็กชั่นต่างๆ

     “จากเทียนหินสีเทา-ดำ เราเริ่มคิดว่า เทียนหินที่ทำนั้นต้องมีชื่อ มีชนิด และต้องมีความหมายไม่ต่างกับหินจริง ดังนั้น เราเลยทำเป็นชุดของหินมงคลหรือหินนำโชค เช่น หินอเมทิสต์ ที่สื่อถึงความสงบและใส่กลิ่นลาเวนเดอร์เข้าไป หรือหินลาพิส ลาซูลี ที่ให้พลังงานเรื่องของสติปัญญา โดยใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นกำยาน เพื่อให้เกิดผลทางอารมณ์ได้จริงๆ ดังนั้น พอเขามีความหมาย เราก็สามารถที่จะ Link กับกลิ่นได้ และสามารถสร้างเรื่องราวขึ้นมาได้”

     นอกจากนี้ ยังมีชุดสวนหิน Zen ที่นอกจากจะให้ความสงบนิ่งแล้ว ทางแบรนด์ยังอยากให้ลูกค้ามีกิจกรรมได้ทำ โดยในชุดจะประกอบด้วยเทียนหิน ถาด ทราย และคราดไม้ เพื่อให้ลองจัดสวนได้ไม่ต่างจากสวนถาดต้นไม้ที่เคยเห็นกัน

     “นอกจากรูปทรงหินแล้ว เรายังมีเทียนหอมแบบอื่นๆ เช่น มาการอง ไอศกรีม แคคตัส และเจดีย์ทราย ซึ่งเราไม่ได้ใส่ใจแค่เพียงรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังคงทำให้ฟังก์ชันของการเป็นเทียนหอมยังอยู่ คือยังจุดใช้ได้และมีกลิ่นหอม ด้วยความที่เป็นสถาปนิกและชอบตกแต่ง การทำให้เทียนมีรูปทรงเสมือนจริงต่างๆ จะทำให้งานแต่ละชิ้นมีความหมาย มีเรื่องราว และสามารถนำไปช่วยตกแต่ง ช่วยเติมบรรยากาศ และสร้างความหมายให้กับพื้นที่นั้นๆ ได้”

คนซื้อเพราะ Emotional…เลยต้อง Real!  

“การได้พูดคุยกับลูกค้าโดยตรง ช่วยทำให้เราพัฒนาแบบมาได้ตลอด

เขาชอบงานลักษณะไหน หรือว่างานชิ้นนี้ควรจะเป็นอย่างไร

ไอเดียที่ได้ส่วนใหญ่ก็มาจากพวกเขาทั้งนั้น”

     แน่นอนว่า ความเสมือนจริงนั้นคือหัวใจสำคัญของแบรนด์ โดยเจ้าของแบรนด์ผู้นี้ได้บอกเพิ่มเติมว่า ปัจจัยนี้ช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้าและดึงดูดลูกค้าให้เข้าหาแบรนด์

    “ด้วยความที่เทียนหอมเป็นสินค้าที่คนซื้อด้วยอารมณ์ ด้วย Emotional ไม่ใช่สินค้าที่ต้องซื้อ เพราะว่าจำเป็น ดังนั้น การเลียนแบบสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่จริง จะทำให้เราสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งนั้นๆ ได้ จะทำให้ลูกค้ารับรู้อารมณ์ของงานเราได้ง่ายขึ้น และจะเชื่อมกับประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อสิ่งนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น เทียนรูปทรงหิน เขาจะรับรู้ว่าสื่อถึงความนิ่ง ความสงบ ในขณะที่เทียนรูปมาการองหรือไอศกรีม เขาก็จะรู้สึกถึงความหอมหวาน ความสดใส ซึ่งเหมาะกับการขายช่วงเทศกาล เพราะง่ายกับการที่จะสื่อเรื่องพวกนี้กับคนซื้อ”

     ไม่เพียงแค่ทำเทียนหอมเท่านั้น KUSU ยังมุ่งหน้าขยายไลน์สินค้าไปสู่ Home Fragrance หรือผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสำหรับบ้าน เช่น ก้านไม้หอม, Diffuser และถุงใส่หินหอม

    “ปัจจุบันผู้คนหันมาใช้เครื่องหอมและเทียนหอม เพื่อสร้างบรรยากาศให้บ้านกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสของเราที่จะพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ดังนั้น เราต้องพยายามสร้างโอกาสให้ตัวเอง และต้องพาตัวเองไปอยู่ในที่ๆ เหมาะสมกับงานของเรา”

     นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางของแบรนด์เทียนหอมที่เน้นความเหมือนจริง ที่ไม่เพียงช่วยผ่อนคลาย แต่ยังฉีกตลาดได้ด้วยการเป็นไอเทมเด็ดของคนรักการแต่งบ้าน รวมไปถึงนักสะสมที่อยากคว้ามาครอบครอง

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ตั๊กบ้านโตน ร้านหมูกระทะต่างจังหวัด ที่คนแย่งกันจองคิวนานนับเดือน  ยอมขับรถไกลหลายชม. เพื่อไปกิน

“ตั๊กบ้านโตน” (Tak Baan Tone) ร้านหมูกระทะเมืองอุทัยธานี ที่ปิดรับจองคิวล่วงหน้า เพราะเต็มยาวไปถึงวันสิ้นปีแล้ว ถ้าอยากกินต้องวอคอินไปเท่านั้น อะไรทำให้ “ร้านหมูกระทะ” กลายเป็นร้านพิเศษขึ้นมาได้ ถึงขั้นมารอต่อคิวเพื่อจะได้กินสักครั้ง

Taitier สบู่สาย Realistic ฝีมือคนไทย เหมือนจนตั้งราคาได้กว่า 5,000 บาทต่อก้อน!!   

ถ้าจะบอกว่า ผลไม้ที่เห็นตรงหน้านี้คือสบู่ คุณจะเชื่อมั้ย? นี่คือฝีมือของแบรนด์ไทยนามว่า Taitier ที่ผสานศิลปะและของใกล้ตัวออกมาได้อย่างเหมือนจริงสุดๆ ที่ต้องบอกเลยว่า Wow! คนไทยไม่พอ ยังโตต่อในต่างประเทศอีกด้วย

สายมูต้องมุง! กระเป๋าสานจากหางประทัดแก้บน ลดขยะล้นวัด ได้งานคราฟต์สุด Cool  

มูยังไงให้สิ่งศักด์สิทธิ์รักและรักษ์โลกด้วย? พาไปรู้จักหางประทัดแก้บนที่นำมาสานเป็นกระเป๋าสุดคูล จากวัดเจดีย์ หรือ วัดไอ้ไข่ โดยกระเป๋า 1 ใบ จะใช้หางประทัดมากถึง 999 ชิ้น ซึ่งช่วยอัพราคากระเป๋าให้แตะได้ถึงหลักพันทีเดียว