ในทุกคำของแหนมวาสนา ไม่ได้มีแค่รสเปรี้ยวกลมกล่อมของอาหารอีสาน แต่ยังอบอวลไปด้วยความรัก ความผูกพัน และความตั้งใจของครอบครัวเล็กๆ จากปากช่อง ที่ส่งต่อจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก นิชา-ณัฐธีรยา ชัยวิสิทธิ์
ณัฐธีรยา หนึ่งในทายาทรุ่นที่สอง ไม่ได้เพียงสานต่อธุรกิจของครอบครัว แต่ยังลงมือวางรากฐานใหม่อย่างจริงจังร่วมกับพี่น้อง ทั้งในแง่ระบบการผลิต การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาด การขยายช่องทางจำหน่าย และการขยับสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อพลิกโฉม “แหนมวาสนา” ให้กลายเป็นแบรนด์อาหารพื้นถิ่นที่ก้าวสู่เวทีระดับโลก พร้อมถ่ายทอดคุณค่าของวัฒนธรรมผ่านรสชาติอาหาอีสานที่แท้จริง
จากครัวสู่ “แหนมวาสนา”
ณัฐธีรยาเติบโตท่ามกลางรสชาติของอาหารอีสานที่คุ้นเคยตั้งแต่วัยเยาว์ เธอซึมซับความทรงจำเกี่ยวกับ “แหนม” จากกิจการเล็กๆ ของครอบครัวในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเริ่มต้นจากการห่อแหนมใบตองขาย โดยคุณแม่ที่หลงใหลในอาหารพื้นถิ่นเป็นทุนเดิม และได้นำสูตรอาหารจากครัวในบ้านมาทดลองขาย โดยไม่คาดคิดว่าจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
“คุณพ่อคุณแม่ย้ายถิ่นฐานจากขอนแก่งมาที่ปากช่อง ซึ่งชอบทำอาหารอีสานเป็นทุนเดิม เริ่มจากทำทานภายในครอบครัวก่อนจะลองทำแหนมขาย ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก เธอจำได้ว่าในสมัยนั้นคุณพ่อก็ขับรถกระบะเก่าสีแดง ตระเวนส่งแหนมไปยังจังหวัดใกล้เคียงอย่างสระบุรีและลพบุรีด้วยตนเองโดยมีเธอนั่งข้างๆไปด้วย”
จากกิจกรรมในครัวเรือนเล็กๆ ด้วยความพิถีพิถันในรสชาติทำให้ลูกค้าจำนวนมากติดใจ จนยอดขายค่อยๆ เติบโตอย่างต่อเนื่อง กระทั่งตัดสินใจขยายจากสินค้าโฮมเมดสู่การผลิตในโรงงานที่ได้มาตรฐาน และถือเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ “แหนมวาสนา” ซึ่งมีที่มาจากลูกค้าเรียกตามชื่อคุณแม่ว่า “แหนมเจ๊วาสนา” ชื่อที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความผูกพัน
แม้แหนมใบตองจะเป็นผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของแหนมวาสนา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ครอบครัวก็ได้ต่อยอดไลน์สินค้า ทั้งหมูยอ หมูหยอง หมูแผ่น ไส้กรอกอีสาน และอื่นๆ อีกมากมาย โดยยึดหลักการสำคัญจากคุณแม่ผู้ก่อตั้ง คือ “ทำอาหารให้ดีเหมือนที่ทำให้ลูกกิน” วัตถุดิบทุกอย่างจึงต้องสดใหม่ ปลอดภัย และมีคุณภาพ
รับไม้ต่อด้วยหัวใจ สานต่อด้วยความเชื่อมั่น
ณัฐธีรยา เล่าว่าแม้เติบโตมากับกิจการแหนม แต่เดิมทีเธอก็ไม่ได้วางแผนจะสานต่อธุรกิจนี้ หลังแต่งงานเธอย้ายไปอยู่กับครอบครัวสามีและทำธุรกิจอะไหล่รถยนต์และบริการน้ำมันเครื่อง กระทั่งช่วงโควิด-19 ที่ลูกต้องเรียนออนไลน์ที่บ้าน และคุณแม่ชวนให้กลับมาช่วยงานที่โรงงาน
“คุณแม่ก็เริ่มถ่ายทอดความรู้สูตรต่างๆ ให้อย่างจริงจังและเข้มงวด เริ่มตั้งแต่การปลุกตีสี่ เพื่อให้ทันกับเวลาทำงานของโรงงานซึ่งเริ่มประมาณ 04:00 น. พร้อมสอนรายละเอียดทุกกระบวนการผลิต ซึ่งคุณแม่เป็นคนที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของงาน ไม่ว่าจะเป็นสูตร รสชาติ หรือขั้นตอนการผลิต ทุกอย่างต้องเป๊ะ และทำด้วยมาตรฐานเดียวกันเสมอ เราได้เรียนรู้งานอย่างใกล้ชิด ทั้งในครัวและในโรงงาน หลายครั้งทำงานกันจนถึงดึกๆ สี่ทุ่ม เพื่อให้มั่นใจว่างานทุกส่วนเป็นไปตามที่แม่ตั้งใจ”
จากความตั้งใจจะอยู่เพียงชั่วคราว การกลับบ้านครั้งนั้นกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อคุณแม่จากไปอย่างกะทันหัน ทิ้งกิจการไว้ให้ดูแล ณัฐธีรยาจึงตัดสินใจลุกขึ้นรับบทบาทผู้นำอย่างเต็มตัว
“ตอนจัดงานศพวันแรก ก็ยังไม่คิดว่าจะทำเองเต็มตัว แต่พอเดินเข้าโรงงาน เห็นลูกน้องร้องไห้ ซึ่งเป็นลูกน้องที่อยู่กับคุณแม่มาตั้งแต่เริ่มต้น เขาไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป เราเลยตัดสินใจพูดว่า ‘ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราดูแลต่อเอง’ ด้วยความมั่นใจ แล้วก็เริ่มประชุม บอกทุกคนให้มั่นใจว่าเราจะเดินหน้าต่อไปด้วยกัน ขอให้ทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ทุกวันนี้ผ่านมาหลายปีลูกน้องที่อยู่กับคุณแม่มานานก็ยังอยู่กับเรา”
ปัจจุบัน ณัฐธีรยาแบ่งหน้าที่การบริหารกับพี่สาวอย่างชัดเจน โดยเธอดูแลฝ่ายโรงงานและการขาย ส่วนพี่สาวดูแลในด้านอื่นๆ โดยยังยึดมั่นหลักคิดที่ว่าทุกผลิตภัณฑ์ต้องมีคุณภาพเสมือนที่ทำให้คนในครอบครัวรับประทาน
ซื่อสัตย์ในรสชาติ จริงใจในคุณภาพ
หัวใจของแหนมวาสนา คือความใส่ใจในคุณภาพและความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นหลักคิดที่คุณพ่อของณัฐธีรยาปลูกฝังไว้คือ “เลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด”
“พ่อจะพูดเสมอว่า วัตถุดิบต้องดีที่สุด หมูต้องสด เครื่องเทศต้องแท้ ไม่แต่งกลิ่น ไม่ผสม เพราะเมื่อต้นทางดี กลิ่นจะหอม รสชาติจะจัดจ้านโดยธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งสารปรุงแต่ง”
อีกหนึ่งหลักสำคัญจากพ่อ คือความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ “หมูคือหมู ไก่คือไก่” ไม่ผสมวัตถุดิบเพื่อลดต้นทุน เพราะถือว่าเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค และขัดต่อจริยธรรมในการทำธุรกิจ หลักคิดนี้ได้กลายเป็นรากฐานที่มั่นคงของแบรนด์ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าตลอดมา
พลิกโฉมแบรนด์ เพื่อก้าวให้ทันยุค
การเติบโตของแบรนด์ในมือของณัฐธีรยา ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากการรักษาสิ่งเดิมเท่านั้น แต่ยังมาจากการมองเห็นโอกาสท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
“เราย้อนกลับมามองตัวเองก่อนว่าใจเราพร้อมหรือยัง คำตอบในใจก็คือพร้อม เพราะเหมือนคุณแม่ได้ฝากฝังไว้ก่อนจาก และคุณพ่อเองก็อายุมากขึ้นแล้ว เลยรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องลุกขึ้นมารับหน้าที่นี้อย่างจริงจัง ค่อยๆ มองจากตัวเอง จากนั้นมององค์กรว่า สถานะของบริษัทตอนนี้เป็นอย่างไร ควรจะลดเพิ่มอะไร แล้วมองออกไปข้างนอกว่าตลาดตอนนี้เป็นยังไง Position ของแบรนด์เราอยู่ตรงไหน ลูกค้าเราคือใคร ถัดไปก็มองออกไปข้างนอกอีกว่าแล้วพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปยังไง คือมองแบบเขยิบออกไปเรื่อยๆ จนเข้าใจว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในวันนี้เปลี่ยนไปมากจากยุคของพ่อแม่ เราจึงต้องปรับตัวให้ทัน”
จากการวิเคราะห์ตลาด เธอพบว่าผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง และให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น จึงปรับขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลงจาก 500 กรัม ลงมาที่ 300 กรัม เพื่อให้ราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น และพัฒนาสินค้าใหม่ เช่น แหนมปลากราย และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับปลา เพื่อเป็นทางเลือกโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังขยายช่องทางจำหน่าย ทั้งในตลาดสด Modern Trade รวมถึงการมีเซลล์ที่วิ่งตรงไปยังตลาดสดต่างๆ และการออกอีเวนต์ เพื่อพยายามเติมช่องว่างให้เต็มให้มากที่สุด
“เราเริ่มออกอีเวนต์ ออกบูธ ทำให้แบรนด์เป็นฝ่ายเดินเข้าหาผู้บริโภค แทนที่จะรอให้ลูกค้าเข้ามาเหมือนเมื่อก่อน”
โดยปัจจุบัน สินค้าทั้งหมดของแบรนด์วาสนา มีวางจำหน่ายที่ Foodland, Big C, ท็อปเซ็นทรัล สาขาบางนา นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุดรธานี เมืองพล สกลนคร ชัยภูมิ ซูเปอร์สโตร์หนองหาน, ห้างวัฒนานุกิจ, ห้างซุ่นเฮงพลาซ่า, ห้างสุนีย์ทาวเวอร์, ทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์, แคทวัน ซุปเปอร์มาร์เก็ต และ โฟว์เซเว่นอินเตอร์ฟู้ดส์
ปักหมุดอนาคต จากครัวอีสาน สู่ครัวโลก
ในยุคที่แรงงานมีจำกัด ณัฐธีรยาปรับตัวด้วยการนำเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการพึ่งพาแรงงานคน พร้อมกับหาแนวทางลดต้นทุน เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผ่านระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อรองรับความยั่งยืนระยะยาว
หลังจากสร้างรากฐานที่แข็งแรงในประเทศ ณัฐธีรยาเริ่มมองไกลสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ AEC ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยกับอาหารอีสานเช่นกัน เธอเริ่มทดลองวางขายสินค้าบางรายการในประเทศลาว และพัฒนาโปรดักต์ที่ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศมากขึ้น เช่น แหนมปลากราย และอาหารอีสานที่ทำจากไก่
“ตอนนี้เรามีผลิตภัณฑ์จากปลา และเริ่มทดลองตลาดในลาวแล้ว ส่วนอาหารอีสานที่ทำจากไก่ก็กำลังอยู่ในขั้นพัฒนา เพื่อขยายฐานลูกค้าในอนาคต”
เป้าหมายของเธอไม่ใช่แค่การส่งออกสินค้า แต่เป็นการส่งต่อวัฒนธรรมไทยผ่านรสชาติอาหารที่มีความหมาย โดยเฉพาะอาหารอีสานซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว “แหนมวาสนา” จึงไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์อาหาร แต่เป็นผู้แทนวัฒนธรรมที่พร้อมเผยแพร่รสชาติไทยสู่สายตาชาวโลก
“สิ่งที่พ่อแม่มอบให้ผ่านอาหารอีสาน ไม่ได้มีแค่รสชาติ แต่คือการส่งต่อวัฒนธรรม เราเชื่อว่าอาหารอีสานสามารถก้าวไกลไปได้ทั่วโลก เป้าหมายของแหนมวาสนาคือ การส่งต่อวัฒนธรรมไทยผ่านอาหารอีสานสู่ตลาดโลก"
สุดท้าย เธอยังฝากข้อคิดถึงคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในจุดเดียวกันว่า “สิ่งที่พ่อแม่สร้างไว้ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือหัวใจของเขา เหมือนลูกอีกคนที่เขาเลี้ยงมา เราก็แค่เปลี่ยนบทบาทจากลูก มาเป็นผู้ดูแลและต่อยอดสิ่งที่มีคุณค่าทางใจนั้น สิ่งสำคัญคือการเปิดใจและลงมือทำอย่างจริงจัง”
“แหนมวาสนา” จึงไม่ใช่แค่แบรนด์อาหาร แต่คือหัวใจของครอบครัวที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และกำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมายใหม่การพาอาหารอีสานไปสู่ใจคนทั่วโลก ผ่านความตั้งใจ ความจริงใจ และคุณค่าที่มากกว่าแค่คำว่า “ธุรกิจ”
ข้อมูลติดต่อ
FB : Vassana จำหน่าย กุนเชียง ไส้กรอก แหนม หมูยอ ตราวาสนา
TikTok : vassasa-shop
Lazada : vassana506
Shopee : vassana วาสนา
Tel : 089-7225534 081-0715448
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี