Text : nimsri
ความไม่มีโรค เป็นลาภ อันประเสริฐฉันใด…ธุรกิจที่ไร้โรคทางการเงินมารุมเร้า ก็เป็นธุรกิจที่ยั่งยืนและมั่นคง ฉันนั้น
Financial Diseases หรือ “โรคทางการเงิน” เป็นคำศัพท์ที่ใช้เรียกพฤติกรรมทางการเงินที่ไม่ดี ทั้งในรายบุคคลหรือการทำธุรกิจ แน่นอนว่าอาจไม่ใช่การเจ็บป่วยร้ายแรงที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย แต่หากปล่อยไประยะยาว ก็อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง สร้างความเสียหายทั้งต่อสุขภาพและธุรกิจได้ในที่สุด
วันนี้เลยอยากชวนมาทำความรู้จักกับ 4 โรคทางการเงินที่เจ้าของธุรกิจหลายคนอาจกำลังประสบอยู่ก็ได้ พร้อมคำวินิจฉัย และแนวทางการรักษา…มีโรคก็ต้องรีบรักษา ธุรกิจการเงินมีปัญหา ก็ต้องรีบแก้ไข มีอะไรบ้าง ไปดูกัน
1. ความดันกระแสเงินสด
เคยเป็นไหม? ที่ยอดขายก็เข้าดีทุกวัน แต่ทำไมพอถึงสิ้นเดือน กลับมีเงินสดเหลืออยู่น้อย แทบจะไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แล้วเงินหายไปไหน?
จริงๆ คุณอาจกำลังประสบปัญหากับ “โรคความดันกระแสเงินสด” อยู่ก็ได้ คือ รายได้จริง กลับไม่ใช่เงินสดที่มีอยู่จริง ซึ่งอาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น มีรายจ่ายเพิ่มเข้ามามากกว่ารายรับ หรือมีรายรับจริง แต่ยังไม่ถึงวันที่ลูกค้าจะโอนเงินเข้ามาในบัญชี
วิธีการแก้ไข คือ ลองคาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละเดือน แน่นอนว่ามีทั้งค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ที่คุณอาจสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว รวมไปถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมล่วงหน้าที่อาจเกิดขึ้น เช่น การปรับปรุงร้าน คุณลองคำนวณเป็นตัวเลขออกมาคร่าวๆ ก่อนในฝั่งของรายจ่าย จากนั้นลองไปดูรายรับว่าจะมีเงินเข้ามาจากทางไหนบ้าง เช่น ยอดขายที่น่าจะได้รายวัน, ใบวางบิลลูกค้า ลองคำนวณทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าน่าจะเพียงพอกับรายจ่ายที่คาดการณ์ไว้ไหม หากมีเข้ามาไม่ทัน หรือไม่เพียงพอ เราจะสามารถไปนำมาจากที่ไหนก่อนได้บ้าง การวางแผนไว้ก่อนเช่นนี้จะทำให้คุณเห็นภาพรวมได้ก่อน โดยไม่ต้องตกใจ หรือกังวลในทุกสิ้นเดือน
2. ไขมันต้นทุนสะสม
ถ้าร่างกายมีโรคไขมันพอกตับ หรือไขมันสะสมส่วนเกิน ธุรกิจก็เช่นกัน โดยในที่นี้อาจหมายถึงการสะสมที่เกินพอดี หรือต้นทุนที่จ่ายไปล่วงหน้าเกินความจำเป็นกับความต้องการใช้จริงที่เกิดขึ้น โดยอาจเกิดขึ้นได้กับหลายส่วน เช่น การสต็อกสินค้าเกินความจำเป็น จนทำให้ขาดสภาพคล่อง, ซื้อของมา แต่ยังไม่จำเป็นต้องใช้
แนวทางการแก้ไขที่จะไม่ทำให้เกิดโรคไขมันต้นทุนสะสมได้ ลองใช้วิธีวางแผนการเงินที่แม่นยำ เช่น การจดบันทึกยอดขายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละวัน, การเช็คสต็อกสินค้าทุกสัปดาห์ เพื่อวางแผนการผลิตหรือซื้อวัตถุดิบที่พอดี ไม่มากเกินไป ไปจนถึงการตั้งงบการซื้อของสูงสุดต่อเดือน เพื่อไม่ให้เกิดรายจ่ายที่สูงเกินความจำเป็น โดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ ต้องเอาทุนมาจมโดยใช่เหตุ
3. สมองแฮงค์ ขายได้ แต่ไม่รู้กำไร
อีกหนึ่งปัญหาของเจ้าของธุรกิจที่มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ก็คือ รู้รายได้ ยอดขายจริงที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่รู้ว่า “จริงๆ แล้วมีผลกำไรที่เกิดขึ้นจริงเท่าไหร่”
ข้อนี้เป็นอีกข้อที่ต้องระวังอย่างมาก ไม่งั้นคุณอาจเข้าตำรา “ขายดี จนเจ๊ง” เพราะไม่รู้ต้นทุนแท้จริงที่เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคสมองแฮงค์ทางการเงิน ก็คือ การทำบัญชีที่ถูกต้อง อาจเริ่มต้นจากการคำนวณหาต้นทุนแท้จริงที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน ไปจนถึงรายรับ-รายจ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน, การใช้แอปช่วยสรุปยอดอัตโนมัติ วิธีการนี้จะทำให้คุณสามารถคำนวณตัวเลขจริงที่เกิดขึ้นได้ ทำให้รู้ว่าผลกำไรที่แท้จริง คือ เท่าไหร่ เพื่อนำไปวางแผนการลงทุน, เก็บออมเป็นเงินสำรอง หรืออื่นๆ ได้อย่างสบายใจ ไร้กังวล
4. กล้ามเนื้อ “เงินสำรอง” อ่อนแรง
ข้อสุดท้าย เป็นอีกข้อที่เจ้าของธุรกิจมักพลาดและตกม้าตาย ก็คือ การกันทุนสำรองเอาไว้ล่วงหน้า รายได้ที่เข้ามาอาจเพียงพอต่อรายจ่ายที่เกิดขึ้นต่อเดือนก็จริงอยู่ แต่หลายครั้งก็มักมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นที่ทำให้ต้องจ่ายเพิ่ม หรือรายได้ไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ ซึ่งหากไม่มีเงินทุนสำรองเอาไว้ ความเครียดมาเยือนแน่นอน
วิธีการที่จะทำให้ธุรกิจไม่สะดุด ก็คือ ควรเก็บกำไร 10–15% เพื่อเข้ากองทุนสำรองในแต่ละเดือน หรืออีกวิธีจะให้ดี คือ ควรมีทุนสำรองเผื่อไว้ล่วงหน้า 3-6 เดือน ของประมาณการค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เกิดขึ้น อย่างน้อยเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าจะได้ไม่กังวล มีเวลาให้แก้ไข เตรียมตัวรับมือได้ทัน เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ต้องแก้ทั้งปัญหา ทั้งหาเงินมาโปะ อาจทำให้คุณเหนื่อยจนหมดแรง จนมองหาทางออกไม่เจอก็ได้
นี่อาจเป็นเพียงบางส่วนของโรคการเงินธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ จริงๆ แล้วยังมีโรคการเงินอื่นๆ ที่น่ากลัวรออยู่
การเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ทำทุกอย่างให้ชัดเจนเป็นระบบ มีวินัยทางการเงินที่ดี ก็อาจทำให้คุณรอดพ้นวิกฤตมาได้ กลายเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนและมั่นคงต่อไป
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี