ศรีสวัสดิ์ มิติใหม่สถาบันการเงินทางเลือกเพื่อ SME รายย่อย

Text : กองบรรณาธิการ



    หลายครั้งที่ความจำเป็นต้องการใช้เงินในการทำธุรกิจมักมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงแม้จะไม่ใช่จำนวนเงินจำนวนมาก แต่หากได้มาก็อาจช่วยเสริมสภาพคล่อง ประคับประคองธุรกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้ ยังไม่นับรวมไปถึงอีกหลายคนที่ขอแค่มีเงินทุนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้แล้ว แต่ด้วยเงื่อนไขของธนาคารพาณิชย์ที่ค่อนข้างเข้มงวด และไม่มีตัวเลือกมากนัก จึงทำให้ผู้ประกอบการหลายคนพลาดโอกาส ไม่สามารถสานต่อสิ่งที่คิดไว้ได้







    จากช่องว่างความต้องการดังกล่าวนี่เอง ทำให้ปัจจุบันนี้เริ่มมีสถาบันการเงินหลายแห่งพยายามที่จะคิดค้นรูปแบบการให้กู้ยืมเงินที่มีความหลากหลาย ง่าย และสะดวกรวดเร็วมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแก่ลูกค้ารายย่อย หนึ่งในนั้นมีชื่อของ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น รวมอยู่ด้วย


     หลังจากดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปีกับการเป็นสถาบันการเงินเพื่อชุมชนให้กับผู้กู้รายย่อย และได้รับการตอบรับที่ดีมาโดยตลอด บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (เดิม คือ บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979) ก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขยายสาขาออกไปกว่าหลายพันแห่งทั่วประเทศ จนวันหนึ่งเมื่อโอกาสทางธุรกิจเดินทางมาถึง หลังจากเข้าไปซื้อหุ้นกิจการบริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT และภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารในกลุ่มเครือบริษัทศรีสวัสดิ์ก็ได้มองเห็นลู่ทางการเติบโตของธุรกิจ โดยมองว่ายังมีผู้กู้รายย่อยอยู่มากที่มีความจำเป็นต้องการใช้เงินด่วน แต่ติดเงื่อนไขที่เข้มงวดของแบงก์พาณิชย์ จึงทำให้ไม่สามารถกู้ยืมได้


     เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมานี้ จึงได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ประกาศรวม บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น และบมจ.เงินทุนศรีสวัสดิ์ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อก่อตั้งเป็นสถาบันการเงินทางเลือกใหม่ให้เงินกู้แก่ผู้กู้รายย่อยที่ต้องการใช้เงินด่วน ภายใต้การกำกับธนาคารแห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้าไว้ว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะขยายสาขาให้ครบ 3,500 สาขาทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ที่ 2,300 สาขา และคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ 2-3 ล้านราย จากปัจจุบันบริษัทที่มีอยู่ทั้งสิ้น 400,000 ราย







     ทั้งนี้ ธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ให้มุมมองภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ณ ปัจจุบันผ่านปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก 20-30 เปอร์เซ็นต์ โดยมองว่ามาจาก 2 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ 1.เป็นเพราะภาพรวมของเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้นมาก ทำให้ประชาชนทั่วไปยังคงมีความต้องการใช้เงินสูงอยู่ 2.ความเข้มงวดในเงื่อนไขของธนาคารพาณิชย์ จึงทำให้ประชาชนทั่วไปหันมาใช้บริการสถาบันการเงินทางเลือกมากขึ้น


     โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับทางบริษัทนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ ประกอบอาชีพอิสระ และมีความต้องการใช้เงินด่วน โดยแต่ละครั้งมีความต้องการกู้อยู่ที่ประมาณ 7,000 – 10,000 บาท 2.กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่มีความต้องการเฉลี่ยขอกู้เงินแต่ละครั้งอยู่ที่ 1 แสนบาทขึ้นไป และ 3.กลุ่มลูกค้าธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหรืออยู่ระหว่างรออนุมัติสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ มีความต้องการกู้ยืมที่หลักสิบล้านบาทขึ้นไป   โดยลูกค้ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้ารายย่อยที่อยู่ในกลุ่มที่ 1 และ 2


     ในแง่ของการบริหารจัดการความเสี่ยง ทางบริษัทมีการควบคุมหนี้เสียไม่ให้เกินกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ โดยจะระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อและเน้นสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น รถกระบะ และด้วยกลยุทธที่เน้นการขยายสาขา นอกจากจะช่วยให้สามารถให้บริการได้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ชุมชนต่างๆ ยังทำให้สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด ทั่วถึง จึงเชื่อว่าจะสามารถช่วยควบคุมไม่ให้เกิดหนี้เสียขึ้นมาได้


     หลังจากมีการประกาศจัดตั้งเป็นสถาบันการเงินทางเลือกใหม่ ภายใต้การกำกับธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว กรรมการผู้จัดการบริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ กล่าวเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำให้มีประชาชนไว้วางใจและเข้ามาใช้บริการมากขึ้น อันทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถเข้าไปช่วยสนับสนุนความต้องการใช้เงินด่วนของผู้กู้รายย่อยได้มากขึ้นด้วยนั่นเอง ซึ่งนอกจากเปิดกิจการภายในประเทศไทยแล้ว บริษัทยังได้ขยายกิจการไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ด้วย โดยปัจจุบันมีอยู่ที่ประเทศเมียนมา 4 สาขา กำลังจะเปิดเพิ่มเป็น 8 สาขา และเวียดนาม 4 สาขา สิ้นปีนี้กำลังจะเปิดเพิ่มเป็น 10 สาขา

    

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: FINANCE

ปิดตายจุดเสี่ยง 6 Trick ป้องกันทุจริตการเงินง่ายๆ ในธุรกิจ

เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร…การรอบคอบ ป้องกันเอาไว้ก่อน คือ สิ่งดีที่สุด นอกจากจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ยังเป็นการช่วยปิดความเสี่ยง ยิ่งปิดได้มากเท่าไหร่ ธุรกิจก็ปลอดภัย ดำเนินธุรกิจได้ราบรื่นเท่านั้น

รู้จัก Latte Factor หัวขโมยเงินออม ที่ซ่อนอยู่ในรายจ่ายเล็กๆ  

ชวนมาทำความรู้จัก “Latte Factor” แนวคิดทางการเงินที่ชี้ว่า “ค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจ่ายไปทุกวันโดยไม่รู้ตัวนั้นสามารถสะสมกลายเป็นจำนวนเงินที่มากได้ในระยะยาว” ซึ่งถือเป็นตัวการที่ฆ่าความมั่งคั่งของเราได้แบบช้าๆ โดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว

สินเชื่อยั่งยืนมาแรง  โอกาสทอง SME เข้าถึงเงินทุน ลดต้นทุน-เพิ่มศักยภาพธุรกิจ

จะพาคุณไปรู้จักแนวทางเตรียมตัวและโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับ SME ในยุคที่เงินทุน ‘รักษ์โลก’ กำลังมาแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์