กสิกรไทยจับมือการรถไฟฯ เติมเสน่ห์ตลาดจตุจักร เพิ่มโอกาสขายด้วย K PLUS SHOP





 

     วันนี้ตลาดนัดจตุจักร ยังคงเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะพลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวกรุงเทพฯ โดยช่วงเสาร์-อาทิตย์นั้นจะมีนักท่องเที่ยวมาช้อปปิ้งที่จตุจักรมากกว่า 4 แสนคนต่อวัน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มนักช้อปที่มีกำลังซื้อสูงและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจท่องเที่ยวไทยในเวลานี้ นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีร้านค้าอยู่ในจตุจักรกว่า 10,000 ราย ที่จะเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้
 

     แต่ด้วยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนกว่า 90% จะเลือกชำระเงินผ่านมือถือเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ โดยมี Alipay และ WeChat Pay เป็นแอปพลิเคชันที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมใช้ ทว่าอุปสรรคสำคัญคือ จำนวนผู้ประกอบการที่รับชำระเงินด้วยวิธีดังกล่าวมีอยู่อย่างจำกัด
 




     ในเรื่องนี้ พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยมากที่สุด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยมีประมาณ 10.4-10.6 ล้านคน หรือเติบโต 6-8% ซึ่งรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนจะมีมูลค่า 580,000 ล้านบาท หรือเติบโต 11% ทั้งนี้ จากข้อมูลนักท่องเที่ยวจีนดังกล่าว ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทยและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อช่วยทำให้ตลาดนัดจตุจักรเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากขึ้น ด้วยการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามขึ้น และสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ ด้วยโปรโมชันพิเศษให้กับร้านค้าในตลาดนัดจตุจักรที่ใช้แอปพลิเคชัน K PLUS SHOP ของธนาคารกสิกรไทย เนื่องจากเป็นแอปฯ ที่สามารถรับชำระเงินได้ทั้ง Alipay และ WeChat Pay ซึ่งเป็นช่องทางการชำระเงินที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมใช้ ดังนั้นร้านค้าที่มีการรับเงินด้วย K PLUS SHOP จึงจะมีความได้เปรียบในการตอบสนองพฤติกรรมการช้อปของนักท่องเที่ยวจีนมากกว่าร้านอื่นๆ
 

     ปัจจุบันยอดรับชำระเงิน Alipay และ WeChat Pay ของธนาคารกสิกรไทย ทั้งผ่าน EDC QR และแอป K PLUS SHOP สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ มูลค่า 11,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อเดือน จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวมากขึ้น และการสมัคร Alipay และ WeChat Pay ที่ง่าย เพราะเป็นธนาคารเดียวที่ร้านค้าสามารถสมัครได้เองบนแอป K PLUS SHOP จึงทำให้ธนาคารมีจุดรับชำระเงินให้กับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น โดยตลาดนัดจตุจักรมียอดรับชำระเงิน Alipay และ WeChat Pay ผ่านแอป K PLUS SHOP เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
 


     

     ขณะที่ ผศ.ดร.ศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน ประธานกรรมการบริหารพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า สำหรับความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในการเพ้นท์ภาพกราฟฟิตี้สไตล์ไทยร่วมสมัยของศิลปินสตรีทอาร์ตชาวไทยที่มีผลงานระดับโลก คือ Alex Face , Rukkit และ Stupidnoobmacc ที่ประตูทางเข้า 2 และ 3 จะทำให้ ตลาดนัดจตุจักรมีประตูหน้าบ้านที่สวยงาม และพร้อมที่จะเชื้อเชิญแขกให้เข้ามาเยี่ยมเยียนมากขึ้น นอกจากนี้ ด้วยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนที่ชอบถ่ายรูปและแชร์ข้อมูลต่างๆ ลงโซเชียลมีเดีย และชอบตามกระแส การนำเอางานศิลปะที่สวยงามมาดึงดูดพฤติกรรมชอบถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวจีน ก็จะทำให้ตลาดนัดจตุจักรเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากขึ้น และจะกลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวได้ไม่ยาก
 

     ในท้ายนี้ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเสริมด้วยว่า จากความร่วมมือดังกล่าว ธนาคารหวังว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าในตลาดนัดจตุจักรที่ใช้แอป K PLUS SHOP โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะใช้จ่ายที่จตุจักรเพิ่ม 20% จากการมีโปรโมชันร่วมกับ Alipay เพราะการรับชำระเงินผ่านมือถือและการมีโปรโมชันพิเศษเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของนักท่องเที่ยวจีน



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: FINANCE

EXIM BANK เปิดตัว “EXIM 2X” ปั้น GEN Y สู่เวทีการค้าโลก

EXIM BANK เดินหน้าผลักดันผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ GEN Y เจ้าของธุรกิจและทายาทรุ่นใหม่ สู่การเป็นนักรบเศรษฐกิจบนเวทีโลก ผ่านหลักสูตร “EXIM 2X” ที่มุ่งสร้างผู้ส่งออกไทยรายใหม่ปีละกว่า 100 บริษัท

ปิดตายจุดเสี่ยง 6 Trick ป้องกันทุจริตการเงินง่ายๆ ในธุรกิจ

เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร…การรอบคอบ ป้องกันเอาไว้ก่อน คือ สิ่งดีที่สุด นอกจากจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ยังเป็นการช่วยปิดความเสี่ยง ยิ่งปิดได้มากเท่าไหร่ ธุรกิจก็ปลอดภัย ดำเนินธุรกิจได้ราบรื่นเท่านั้น

รู้จัก Latte Factor หัวขโมยเงินออม ที่ซ่อนอยู่ในรายจ่ายเล็กๆ  

ชวนมาทำความรู้จัก “Latte Factor” แนวคิดทางการเงินที่ชี้ว่า “ค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจ่ายไปทุกวันโดยไม่รู้ตัวนั้นสามารถสะสมกลายเป็นจำนวนเงินที่มากได้ในระยะยาว” ซึ่งถือเป็นตัวการที่ฆ่าความมั่งคั่งของเราได้แบบช้าๆ โดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว