คุณมีการกระตุ้นตัวเองแค่ไหน

เรื่อง คัมภีร์เงิน


 



เรื่อง คัมภีร์เงิน



    ผู้คนส่วนใหญ่คงเลือกวิธีง่ายๆ ในการใช้ชีวิต หากไม่ได้รับการกระตุ้นโดยสิ่งต่างๆจากภายนอกและภายใน  สิ่งที่กระตุ้นจากภายนอกอย่างเช่น พ่อแม่ ญาติ เงินทอง หรือ สิ่งตอบแทนอื่น ฯลฯ ส่วนสิ่งกระตุ้นจากภายในก็คือการกระตุ้นตัวเองให้ทำงานนั้นๆ ให้สำเร็จนั่นเอง เป็นสิ่งที่นั้นสำคัญมากกว่าสิ่งกระตุ้นจากภายนอก  เพราะว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครหรือสิ่งอื่นใด เป็นแรงที่ทำให้เรามีความมานะพากเพียรเมื่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอกหายหรือเลือนไป  ไม่ว่าการทำงานใด ๆ รวมถึงการเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยนั้นย่อมต้องการแรงกระตุ้นเพื่อให้คุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมีพลัง
    
    แล้วเราจะวัดระดับการกระตุ้นตัวเองได้อย่างไร แบบทดสอบง่ายๆต่อไปนี้จะช่วยหาคำตอบให้คุณได้ หากคุณคิดว่าระดับการกระตุ้นตัวเองของคุณยังต่ำอยู่ให้อ่านที่คำแนะนำเพิ่มเติมด้านล่างถึงวิธีการที่จะปลุกพลังการทำงานให้ตัวเอง 

ขั้นตอนที่หนึ่ง  ทำแบบทดสอบ
 



คะแนน


แทบจะไม่เลย     = 1

นานๆ ครั้ง           = 2

บางครั้ง              = 3

บ่อยครั้ง              = 4

เสมอ                   = 5 


คะแนนรวม ........................



ขั้นตอนที่สอง  ศึกษาคะแนนของคุณ

    
22-30 คะแนน   

คุณเป็นคนมีพลังเต็มเปี่ยมอันเกิดจากการกระตุ้นด้วยตัวเอง คุณใช้เวลาและความมานะพยายามอย่างเหมาะสมในการทำสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุดให้สำเร็จ  อย่างไรก็ตามคุณยังสามารถเพิ่มระดับแรงกระตุ้นได้(หากคุณต้องการ) ลองอ่านวิธีการในข้อต่อๆไป


14-21 คะแนน 

คุณเป็นคนที่กระตุ้นตัวเองในระดับที่รับได้  คุณสามารถเพิ่มระดับการกระตุ้นตัวเองได้ด้วยการตั้งเป้าหมายให้บ่อยขึ้น และมุ่งไปที่การทำงานให้บรรลุเป้าหมายนั้นๆ  การกำหนดเป้าหมายจะช่วยให้คุณมีแนวทางและมีหลักการ 

หากคุณรู้สึกแย่มากเพราะล้มเหลวจากสิ่งที่อยากทำ คุณอาจต้องทำการฟื้นฟูจิตใจ (คนที่ประสบความสำเร็จแล้วเกิดการล้มเหลวมักจะต้องทำการฟื้นฟูจิตใจ) ด้วยการสร้างขวัญและกำลังใจให้ตนเอง เชื่อมั่นในพลังและความสามารถพิเศษที่คุณมี  คุณจะทำให้ตัวเองพยายามมากขึ้นเมื่อเจอเป้าหมายที่ยากขึ้น   ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่อย่างใด  การทำงานหนักเพื่อให้ได้ชัยชนะต่อเป้าหมายที่ท้าทายเป็นเรื่องน่าสนุกออก  

อย่าลืมให้รางวัลตัวเองเมื่อทำงานสำเร็จตามเป้าหมายแต่ละข้อด้วย จะช่วยเพิ่มพลังใจ แรงกระตุ้น และสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง


6-13 คะแนน   

คุณควรพยายามหาทางเพิ่มระดับแรงกระตุ้นตัวเองให้มากขึ้น อย่าให้ความกังวลและความกลัวกันคุณออกจากความสำเร็จที่คุณปรารถนา  ความล้มเหลวจากการไม่บรรลุเป้าหมายในอดีตไม่ใช่สิ่งที่บอกว่าคุณจะล้มเหลวอีกในอนาคต   หากจะล้มเหลวจากเป้าหมายบ้างย่อมเป็นเรื่องปรกติ เป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการตั้งเป้าหมายและความสำเร็จ  แทนที่จะคิดว่า “เป้าหมายมันยากไปสำหรับฉัน” ให้คิดใหม่ว่า “ฉันจะทำให้สำเร็จด้วยการทำงานอย่างฉลาดขึ้น”  

จำไว้ว่าควรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ที่ไม่ง่ายหรือไม่ยากจนเกินไปสำหรับความสามารถของคุณ ณ ปัจจุบัน    รวมถึงต้องตั้งเป้าหมายที่คุณอยากจะทำให้ได้จริงๆ ด้วย เพราะว่าการผูกมัดตัวเองเมื่อจะทำการใดๆ เป็นส่วนสำคัญของการกระตุ้นตัวเอง  ในขณะที่คุณทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คุณควรวัดและบันทึกความก้าวหน้าไว้เรื่อยๆ และควรจำกัดจำนวนเป้าหมายที่ตั้งในแต่ละครั้งให้เหมาะสมด้วย  เพราะคุณอาจไม่มีเวลาหรือพลังที่จะพอที่ทำงานให้บรรลุเป้าหมายมากมายในเวลาพร้อมๆ กัน  การตั้งเป้าหมายมากเกินไปเป็นการแง้มประตูสู่ความรู้สึกล้มเหลว   

นอกจากนี้คุณยังควรให้คนอื่นที่คุณไว้ใจเป็นผู้ประเมินความสามารถของคุณกับเป้าหมายที่คุณตั้งไว้    การตัดสินตนเองว่าเป้าหมายนั้นๆ ไกลเกินความสามารถของคุณเป็นการทำให้ตนเองท้อ สลายพลัง และสะท้อนว่าคุณนับถือตนเองน้อยเกินไป   ดังนั้นก่อนที่จะไปตามความปรารถนาความทะเยอทะยาน คุณต้องแน่ใจว่าคุณสามารถไปได้ไกลถึงจุดนั้นจริงๆ 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร