​กุญแจสู่ภาวะความเป็นผู้นำ





เรื่อง : เจษฎา ปุรินทวรกุล

    ลืมภาพความเป็นผู้นำในแบบเดิมๆ ไปได้เลย เพราะความเป็นผู้นำไม่ได้มาจากการแต่งองค์ทรงเครื่องภายนอก ต้องสวมสูทดำ รองเท้าหนัง หวีผมได้ทรงเป๊ะ แล้วจะดูมีมาดเป็นผู้นำที่ดีก็คงไม่ใช้ซะทีเดียว เพราะสิ่งสำคัญจริงๆ ของผู้นำที่ดีคือ ต้องสร้างความกระตือรือร้น ปลูกฝังความเชื่อมั่น สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นที่พึ่งพิงให้กับลูกน้องรวมถึงบริษัทได้ ซึ่งบทความชิ้นนี้กำลังจะถ่ายทอดวิธีการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ โดย Peter Handal ผู้บริหารระดับสูงของ New York City-based Dale Carnegie Training อันเป็นบริษัทผู้นำในด้านการฝึกอบรม ได้กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ส่วนตัวเป็นหัวข้อๆ ดังต่อไปนี้

กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา

    ผู้นำที่ดีมักมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา ความท้าทายในรูปแบบต่างๆ และสามารถจัดการปัญหาทั้งหลายได้ด้วยความตรงไปตรงมา หรือแม้กระทั่งวิธีการสื่อสาร คุณต้องกล้าบอกทั้งข่าวดีและข่าวอื่นๆ ให้พนักงานรับรู้ เช่น บริษัทกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอะไรอยู่บ้าง สิ่งนี้จะช่วยทำให้พนักงานรู้สึกว่าคุณไว้วางใจเขา ซึ่งมันดีกว่าให้พนักงานของคุณไปรู้เรื่องราวแง่มุมลบจากปากของคนอื่น เพราะเวลาเป็นเรื่องนินทาของชาวบ้าน มันมักจะดูเลวร้ายกว่าความเป็นจริงถึง 10 เท่า 

ได้ความไว้วางใจ

    พนักงานส่วนใหญ่จะมีความจงรักภักดีและกระตือรือร้นเมื่อพวกเขาได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนที่พวกเขาไว้วางใจ ซึ่งการสร้างความไว้วางใจสามารถทำได้หลายทาง

  ขั้นแรกก็ง่ายๆ คุณต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณแคร์พวกเขา ให้ความสนใจพนักงานนอกเหนือเวลางาน แต่อย่าถึงขั้นสอดรู้สอดเห็นมากเกินไป เอาเพียงแค่ว่าลูกของเขาชอบดูเบสบอลไหม ถ้าคุณได้บัตรฟรีแล้วมีเหลือก็แบ่งปันพวกเขาบ้าง หรือลูกๆ ของพนักงานมีพิธีสำเร็จการศึกษาเมื่อไหร่ ไม่ก็ใส่ใจในเส้นทางความสำเร็จของครอบครัวพนักงานและหารือเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพของพวกเขาดูบ้าง

   เมื่อใดที่พนักงานสร้างความผิดพลาดขึ้น อย่าตำหนิเขาด้วยความโกรธ แต่ให้อธิบายด้วยความใจเย็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิดพลาดหรือไม่ดีอย่างไร และในอนาคตคุณคาดหวังให้เขาปฏิบัติอย่างไร เมื่อคุณพยายามเข้าใจพนักงานมากถึงขนาดนี้ เขาย่อมพร้อมไว้วางใจคุณ 

มีความน่าเชื่อถือ

    อะไรก็ตามที่มันดูไม่เข้ากับตัวเองก็พยายามอย่าฝืน พนักงานและคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณอาจจะพูดเอาได้ว่าคุณพยายามทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองอยู่ และพวกเขาก็จะระดมคำถามถามคนรอบตัวคุณอีกว่า มีอะไรที่หมอนี่ดูไม่น่าเชื่อถืออีก

   ยกตัวอย่างเช่น คุณชอบใส่รองเท้าราคาถูกไร้ยี่ห้อ ก็ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแบรนด์เนมที่ไม่เข้ากับตัวเอง หรือคุณเป็นผู้นำที่มีความกระตือรือร้นชอบสร้างความเฮฮา ก็ไม่ต้องเงียบขรึมสร้างภาพเพื่อให้ลูกน้องยำเกรง คุณสามารถคุยกับพนักงานสร้างความครื้นเครงระหว่างกันได้เลย สิ่งนี้จะแสดงความเป็นตัวเองออกมา จงใช้มันสร้างภาวะความเป็นผู้นำในแบบของตัวเอง (ง่ายๆ อย่าเฟค อย่าสร้างภาพ)

ได้รับความเคารพ

    หากคุณทำงานด้วยความมีจริยธรรม ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้รับความเคารพนับถือจากลูกน้อง และยิ่งพนักงานในบริษัทเคารพคุณมากเท่าใด ผู้ถือหุ้นรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในบริษัทก็ยิ่งมีความภูมิใจต่อบริษัทมากขึ้น เช่นเดียวกันกับลูกค้าบางราย ที่อาจไม่ยอมทำธุรกรรมซื้อขายเด็ดขาดหากพวกเขาไม่เห็นค่าความเป็นผู้นำขององค์กรนั้นๆ  

อยากรู้อยากเห็นและใฝ่รู้

    เชื่อเถอะว่าผู้นำที่ดีมักอยากรู้อยากเห็นและพร้อมที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ พร้อมข้อมูลเชิงลึกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผู้นำที่ดีจะเข้าใจว่านวัตกรรมใหม่ๆ จะเข้ามาจากหลายจุด พวกเขามักมองหาข้อมูลหรือบุคคลที่สามารถให้ข้อมูลซึ่งส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทไม่อยู่ในภาวะเสียเปรียบคู่แข่ง แน่นอนว่าผู้นำที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักสนใจสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว และสิ่งเหล่านั้นก่อให้เกิดวิสัยทัศน์ต่อภาพรวมบริษัทในอนาคต

    หมายเหตุ แปลและเรียบเรียงจาก เว็บไซต์ entrepreneur.com

create by smethailandclub.com

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย