จับตาวิกฤต การลาออกครั้งใหญ่ กระทบต่อ SME ไทย หากไม่ปรับ 3 อย่าง องค์กรอาจสูญในปีหน้า

 

 

      เอสเอพี เอสอี (NYSE: SAP) เปิดผลการศึกษาล่าสุด พบ มากกว่าเก้าในสิบ หรือกว่า 98% ของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในประเทศไทย กำลังเผชิญกับความผันผวนของกำลังคน อันเกิดจากปรากฏการณ์การลาออกครั้งใหญ่ หรือ The Great Resignation ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อแผนการทำ Digital Transformation ขณะเดียวกัน 80% ของ SME ไทยยังมองว่า การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดขององค์กรในปีหน้า

       อินไซต์เหล่านี้อ้างอิงจากการสำรวจกลุ่มธุรกิจ SME ภายใต้หัวข้อ ‘Transformational Talent: The impact of the Great Resignation on Digital Transformation in APJ’s SME’ เอสเอพี มอบหมายให้บริษัท Dynata ทำการสำรวจความคิดเห็นเจ้าของกิจการและผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มธุรกิจ SME จำนวน 1,363 ราย จาก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น รวมถึง SME ในประเทศไทย จำนวน 207 ราย

การเปลี่ยนผ่านสู่ทางดิจิทัล

      ขณะที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากการสถานการณ์โควิด ธุรกิจต่างๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหนึ่งประการ นั่นคือ 'การลาออกระลอกใหญ่ หรือ The Great Resignation' ที่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ปี 2564 วลีนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของพนักงานหลายล้านคนทั่วโลกที่ทยอยลาออกจากงานเป็นจำนวนมาก

       ผลการศึกษาของ เอสเอพี ชี้ให้เห็นว่า The Great Resignation กำลังส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจ SME ในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 47% ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีพนักงานลาออกมากขึ้นเมื่อเทียบกับ 12 เดือนที่แล้ว ขณะที่กว่า 67% ของ SME ไทย มองว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะรับมือกับผลกระทบของการลาออกครั้งใหญ่ของพนักงาน

       ปรากฏการณ์นี้จึงลดทอนความสามารถขององค์กรในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปสู่วิถีดิจิทัล รวมถึง ปัจจัยด้านการขาดแคลนพนักงานที่มีทักษะ และการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานโซลูชั่นดิจิทัลที่มีอยู่ ยังจัดเป็นความท้าทายอันดับต้นๆ ในการบรรลุเป้าหมายของการปรับตัวทางธุรกิจสำหรับกลุ่ม SME ในประเทศไทย เพิ่มเติมจากความท้าทายเดิมที่บริษัทต้องจัดการ เช่น ความปลอดภัยทางไซเบอร์, การขาดงบประมาณ เป็นต้น

ต้องลงทุนใน บุคลากร

       เอทูล ทูลิ กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี อินโดไชน่า กล่าวว่า “การศึกษาครั้งนี้เผยให้เห็นว่า ปรากฏการณ์ The Great Resignation ได้สร้างผลกระทบในวงกว้างต่อหลายองค์กร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับกลุ่มธุรกิจ SME ที่ไม่ใช่แค่เพียงเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน แต่ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวและนำมาซึ่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการเติบโตในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากบริษัทขาดคนทำงานที่ใช่ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ล้วนหยุดชะงัก ฉะนั้น กลุ่ม SME ในประเทศไทยจะอยู่รอดและเดินหน้าต่อไปได้ จำเป็นต้องมีการลงทุนด้านบุคลากรให้สอดคล้องกับการลงทุนด้านนวัตกรรม”

       ปัจจุบัน กลุ่ม SME ไทย ได้เดินหน้าเร่งเครื่องลงทุนในบุคลากร เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาการลาออกระลอกใหญ่ และเสริมศักยภาพให้บุคลากรก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

       ข้อมูลจากผลสำรวจ กลุ่ม SME ลงความเห็นว่า พวกเขากำลังวางแผนลงทุนในปัจจัยต่างๆ ทั้งการเพิ่มทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital Literacy ให้แก่พนักงาน คิดเป็น 39% เพื่อรักษาบุคลากรให้ทำงานกับบริษัทต่อไปในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ SME ยังให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงาน

       โดย SME ไทย มากกว่าเจ็ดในสิบ (71%) กล่าวว่า การเพิ่มทักษะเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่งผลให้ 77% ของกลุ่ม SME ตั้งเป้ามุ่งเน้นไปที่การฝึกอบรมด้านดิจิทัลให้แก่พนักงานตลอดทั้งปีนี้

       “The Great Resignation มักถูกตีความว่าพนักงานส่วนใหญ่ลาออกเพื่อไปเดินตามเส้นทางที่พวกเขาวางแผนไว้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด แท้จริงแล้ว บุคลากรล้วนต้องการค่าตอบแทนที่เหมาะสม รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการทำงาน และภาพความก้าวหน้าในองค์กรที่ชัดเจน การให้ความสำคัญเรื่องการเพิ่มทักษะและความก้าวหน้าในอาชีพ พร้อมสนับสนุนด้านการเข้าถึงเทคโนโลยีและมีพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม จึงเป็นแนวคิดแบบ win-win ระหว่างพนักงานและตัวผู้ประกอบการ SME” เอทูล ทูลิ กล่าวเสริม

ปรับปรุงเรื่องค่าจ้าง และรูปแบบการทำงาน

      ด้านผู้ตอบแบบสอบถามย้ำชัดว่า 12 เดือนหลังจากนี้ จะมีการปรับปรุงเรื่องค่าตอบแทน และ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น (ทั้ง 2 ปัจจัยคิดเป็น 39%)

      การจัดการกับวิฤตในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้ SME ในประเทศไทย มีแนวโน้มเปลี่ยนไปโฟกัสที่ด้านอื่นๆ นอกเหนือไปจากความยืดหยุ่น และ 78% ของธุรกิจ SME ในภูมิภาคนี้ เชื่อมั่นว่าพวกเขามีความยืดหยุ่นระดับปานกลางจนถึงมากที่สุดในการปรับตัวรับมือกับผลกระทบของโควิด มีเพียง 6% เท่านั้นที่คิดว่าการดำเนินธุรกิจพวกเขาปราศจากความยืดหยุ่น

      ความมั่นใจในศักยภาพทางธุรกิจของเหล่า SME สะท้อนผ่านทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ผลสำรวจชี้ว่า 85% ของ SME ไทย มีความมั่นใจในระดับปานกลางจนถึงมากที่สุดต่อการเติบโตของพวกเขาในอีก 12 เดือนข้างหน้า

     “ด้วย Mindset ที่ใช่ย่อมส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในภูมิภาค เนื่องจาก SME เปรียบเสมือนหัวใจหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งคิดเป็น 97% ของธุรกิจในเอเชีย และกระตุ้นการจ้างงานกว่า 50% ของพนักงานทั่วเอเชีย เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อ SME เติบโต สภาพเศรษฐกิจตลอดจนความแข็งแกร่งของเอเชียก็จะเจริญรุดหน้าต่อไป การวางแนวคิดทางธุรกิจโดยผสานการใช้งานนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ พร้อมให้ความสำคัญกับบุคลากร และระบบนิเวศของพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง จะทำให้ SME ในประเทศไทย ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ในระยะยาว” เอทูล ทูลิ กล่าวสรุป

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย