กลยุทธ์พาธุรกิจโตพันล้าน จาก 4 CEO 4 สไตล์

TEXT : กองบรรณาธิการ

Main Idea

  • การเป็นผู้นำธุรกิจต้องเจอกับความท้าทาย และกดดันมากมาย จนบางครั้งอาจถูกมองว่าเป็นคนที่เข้มงวด ดุ จนทำให้ลูกน้องไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งที่จริงแล้วอาจเป็นคนใจดี อ่อนโยน

 

  • วันนี้เลยจะชวนมาดูข้อดีของการเป็นผู้นำที่เข้มงวด เผด็จการ แต่ธุรกิจกลับได้ดีเติบโตเป็นพันล้าน แถมได้รับการยอมรับและเคารพจากลูกน้อง จากเคล็ดลับนักธุรกิจระดับโลกกัน

 

     เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ใครๆ ก็ชอบคนน่ารัก อ่อนโยน แต่บางครั้งในการเป็นผู้นำธุรกิจการเป็นคนดังกล่าวอาจทำให้คุณถูกมองว่าอ่อนแอ หรือใจดีเกินไปได้ ทำให้ต้องสวมบทโหดเป็นผู้นำเผด็จการกันบ้างในบางครั้ง ซึ่งความจริงแล้วการเป็นผู้นำเผด็จการก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจเสมอไป เพราะคำว่า “เผด็จการ” ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงการบ้าอำนาจ ไม่ฟังเหตุผลใดๆ แต่หมายถึงความชัดเจน เฉียบขาดในการตัดสินใจ และเข้มงวดเพื่อบริหารจัดการงานให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ต่างหาก ซึ่งแม้แต่ผู้นำหรือนักธุรกิจระดับโลกหลายคน ก็มีความเผด็จการ และเข้มงวดในแบบฉบับของตัวเอง จนสามารถนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้

เหตุใดจึงต้องเป็นผู้นำที่เข้มงวด?

     หัวใจสำคัญของการเป็นผู้นำ เราต้องให้จุดมุ่งหมาย ทิศทาง และแรงจูงใจแก่พนักงานได้ ซึ่งแน่นอนไม่มีใครอยากที่จะถูกมองว่าเป็นคนใจร้าย เป็นคนดุ แต่บางครั้ง ความเป็นคนน่ารักมากเกินไป ก็ไม่สามารถควบคุมและผลักดันลูกน้องในทีมให้ไปถึงจุดหมายที่วางเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงเป็นที่มาว่าทำไมบางครั้งคุณต้องสวมบทโหด (ทั้งที่ในใจไม่อยากทำสักนิดเลย)

     โดยนิยามความเป็นผู้นำที่เข้มงวด = การกำหนดความคาดหวังที่ชัดเจน + บังคับใช้กับผลที่ตามมาเมื่อจำเป็น

     ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่มีความยุติธรรม เสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน มีความอดทนพยายามเพื่อฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคไปให้ได้ ที่สำคัญ คือ ผลักดันและส่งเสริมสมาชิกในทีมให้เข้าถึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองได้ สร้างแรงกระตุ้นและวินัยในทีม

ประโยชน์ของการเป็นผู้นำที่เข้มงวด

     - ทำให้งานสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

     - ช่วยให้พนักงานมีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจน เป็นคนที่เก่งขึ้น

     - ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถวัดผล รวมถึงเห็นจุดอ่อน หรือปัญหาที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนขึ้น

     - ข้อดีอีกข้อ คือ ทำให้เกิดวัฒนธรรมองค์กร ที่มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย เกิดความเคารพซึ่งกันและกัน ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จนสุดท้ายนำไปสู่การเป็นทีมเวิร์กที่ดี มีความรักสามัคคีซึ่งกันและกัน การแตกแยก หรือเล่นพรรคเล่นพวกก็จะไม่เกิดขึ้น

นักธุรกิจระดับโลกที่เข้มงวด จนประสบความสำเร็จ

  • Jeff Bezos : ทำงานให้หนัก เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด

 

     Jeff Bezos เคยได้รับฉายาว่าเป็น “ซีอีโอนิสัยไม่ดี” จากคำบอกเล่าของผู้ที่เคยร่วมงานด้วยบอกว่าเขาเป็นผู้บริหารที่มีความจู้จี้จุกจิก ทำงานด้วยยาก ไม่เคยพอใจกับอะไรง่ายๆ และหมกมุ่นในรายละเอียดมากเกินไป เขามีความสามารถในการโน้มน้าวใจพนักงานให้ฮึกเหิมขึ้นมาได้ แต่ขณะเดียวกันก็ตำหนิแรงๆ ได้เช่นกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าถึง Jeff Bezos จะเป็นเช่นนี้ แต่ในอาณาจักร Amazon กลับไม่มีบรรยากาศของการชิงดีชิงเด่นกัน เพราะเป้าหมายที่แท้จริง คือ การทำงานหนัก เพื่อสร้างนวัตกรรมให้ดีที่สุด ซึ่งเจฟฟ์มักจะมีความมุ่งมั่นทำเรื่องเดิมซ้ำๆ โดยไม่ยอมถอดใจ หรือยอมแพ้อะไรง่ายๆ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ

  • Reed Hastings : ตรงไปตรงมา ให้อิสระ แต่งานต้องออกมาดี

      

     Netflix ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรที่ให้อิสระในการทำงานค่อนข้างมาก ไม่บังคับการแต่งกาย ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน แต่ในความอิสระนั้นต้องมีความรับผิดชอบอยู่เต็มที่ โดย Reed Hastings หนึ่งในผู้ก่อตั้งมักจะสนับสนุนพนักงานทุกคนให้ “คิดเป็น ตัดสินใจเป็น” ด้วยตัวเอง เขาไม่เชื่อในรูปแบบกฎเกณฑ์การทำงานแบบเดิมๆ ที่เต็มไปด้วยระเบียบข้อบังคับ แต่พนักงานทุกคนต้องทำงานด้วยศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ หากใครเห็นแก่ตัว เขาไม่เคยลังเลที่จะให้คัดออกในทันที เพราะมองว่าเป็นภาระกับคนในทีม ซึ่งเขาเปรียบพนักงานแต่ละแผนกเหมือนเป็นทีมนักกีฬา ที่หากผู้เล่นไหนไม่ดี ก็ต้องคัดออก เช่นเดียวกันกับที่พยายามให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นกันแบบตรงไปตรงมาได้ ไม่ว่าระดับลูกน้องหรือหัวหน้า เพราะเชื่อว่าการพูดตรงๆ จะทำให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานที่ดี

  • Elon Musk : มีเป้าหมาย ต้องไปให้ถึง

 

     ในสายตาของคนทั่วไปที่ได้เห็นพฤติกรรมการทำของ Elon Musk อาจมองเขาในแง่ลบกับการเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ชอบควบคุม ออกคำสั่ง และบังคับ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งเขากลับถูกยกย่องให้เป็นผู้นำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มีความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ มีความตั้งใจดีที่จะพาทีมก้าวสู่ความสำเร็จ และเป้าหมายที่วางไว้ เหมือนกับความตั้งใจของเขาที่ครั้งหนึ่งเคยบอกกับลูกน้องว่าจะไม่หยุดพัฒนาเทสล่าจนกว่ารถทุกคันบนท้องถนนจะใช้ไฟฟ้า ซึ่งในวันนี้เราก็เริ่มเห็นบนท้องถนนแล้วนั่นเอง

  • Steve jobs : ต้องแตกต่าง และดีที่สุด

 

     ใครๆ ก็รู้ดีว่าผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นทรงคุณค่า เป็นสินค้าพรีเมียม คุณภาพดีแทบไม่มีที่ติ แต่ส่วนหนึ่งที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้นอกจากความคิดต่างแล้ว ก็คือ ความเข้มงวดของสตีฟ จ็อบส์ โดยเขา คือ หนึ่งในผู้นำที่มีชื่อเสียงโด่งดังในการเป็นคนแหกคอก หัวแข็ง ดื้อรั้น หยิ่งยโส บางครั้งก็มีความดุดัน โมโหร้าย แต่เป้าหมายก็เพื่อสร้างสิ่งที่ดีที่สุด ในช่วงหนึ่งของการเริ่มต้นผลิตคอมพิวเตอร์ Mac ขึ้นมา เขาบอกกับลูกน้องว่าต้องทำให้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า “ดีที่สุด หรือดีฉิบหาย” ให้ได้ จงอย่าประนีประนอมกับอุปสรรค แม้ต้องวางตลาดล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ถึง 16 เดือน ก็ตาม แต่ทุกครั้งหลังการระเบิดความเกรี้ยวกราดออกมาแล้ว เขามักมีวิธีปลุกใจลูกน้องให้กลับมาฮึกเหิมกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ที่มา : https://www.entrepreneur.com/leadership/strict-leadership-doesnt-have-to-be-a-bad-thing-heres/446546

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย