TEXT : Sir.nim
เพิ่งเป็นกระแส และถูกพูดถึงกันไม่นาน สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” ที่ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น แสดงให้เห็นว่า ครอบครัว และความสุขทางใจเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของคนยุคนี้ ที่งาน หรือ เงิน ก็อาจไม่มีค่ามากพอ
เพราะครอบครัว คือ รากฐานสำคัญของทุกอย่าง หลายธุรกิจแจ้งเกิดเติบโตประสบความสำเร็จได้ ก็มาจากการสนับสนุนของคนในครอบครัว โดยครอบครัวในที่นี่ อาจไม่ได้หมายถึงแค่พ่อแม่ พี่น้อง ลูก แต่ยังหมายถึงเพื่อน พนักงาน คู่ค้า และอื่นๆ อีกมากมายที่มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน
เนื่องในวันครอบครัว 14 เมษายนนี้ เลยอยากชวนมาดู 5 หนังเรื่องราวธุรกิจที่มีความอบอุ่นของครอบครัวเป็นแรงผลักดันจนสำเร็จมาฝากกัน รับรองว่าได้ทั้งรอยยิ้ม และแง่คิดดีๆ ในการทำธุรกิจเลย
- The Pursuit of Happyness
เป็น 1 ใน 5 หนัง Top ที่ถูกยกย่องว่าให้พลังบวกได้ดี เนื้อหาเป็นเรื่องราวของ คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์ เซลล์แมนขายเครื่องสแกนกระดูก เพื่อขายให้กับคุณหมอในโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆ ที่เริ่มแรกมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ มีภรรยาและลูกชายน่ารัก 1 คน แต่วันหนึ่งเหตุการณ์ก็กลับพลิกผัน เมื่อเขานำเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปลงทุนซื้อเครื่องสแกนกระดูก (Bone Scanner) แต่กลับขายไม่ดีเหมือนเก่า ทำให้ภรรยาต้องทำงานหนักเป็นสองเท่า จนแบกรับภาระไม่ไหวต้องแยกทางกัน คริสนำจึงต้องหอบหิ้วลูกชายออกมาด้วย เพื่อพยายามขายเครื่องสแกนกระดูกต่อไป ชีวิตเป็นไปด้วยความลำบาก และตกต่ำสุดๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยพาลูกชายไปแอบอาศัยนอนในห้องน้ำสาธารณะ จนวันหนึ่งเขาเจอกับ Broker นายหน้าค้าหลักทรัพย์ จึงเบนเขมมุ่งมั่นสู่การสอบเป็นนายหน้าให้ได้ เขาต้องขยันและฝึกฝนอย่างหนัก จนในที่สุดเขาก็สามารถสอบวัดผลได้เป็นที่หนึ่ง ทำให้ได้กลายเป็นนายหน้าฯ ที่เก่ง ชีวิตก็ประสบความสำเร็จในที่สุด
- The Hundred-Foot Journey
หนังถูกฉายครั้งแรกเมื่อปี 2014 โดยเล่าเกี่ยวกับครอบครัวร้านอาหารอินเดียที่ไปเปิดร้านอาหารฝั่งตรงข้ามร้านอาหารฝรั่งเศสดีกรีดาวมิชลินของมาดามหัวรั้น จนเกิดเป็นเกมทางธุรกิจเล็กๆ เพื่อเอาชนะกัน แต่สุดท้ายก็ได้เด็กหนุ่มพ่อครัวอินเดียลูกเจ้าของร้านที่มีเป้าหมายอยากก้าวขึ้นไปเป็นเชฟดาวมิชลิน เป็นตัวประสานทั้งสองธุรกิจ และความฝันของเขาให้เติบโต อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขไปพร้อมๆ กันด้วย
- Laal Singh Chaddha
หนังน้ำดีจาก Netflix นำเสนอเรื่องราวของหนุ่มอัจฉริยะปัญญานิ่มจากเค้าโครงเรื่องฟอร์เรสท์ กัมพ์ นำมาสร้างใหม่ในสไตล์อินเดีย นอกจากเปลี่ยนจากเอกลักษณ์จากถือกล่องช็อกโกแลตไว้ในมือกับคำคมที่พูดติดปากว่า “ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อกโกแลต คุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะได้รสอะไร” มาเป็นกล่องปานีปูรี อาหารว่างที่คนอินเดียนิยมชมชอบ พร้อมคำสอนจากแม่ของเขาว่า "ชีวิตก็เหมือนปานีปูรี ถึงท้องจะอิ่ม แต่ใจก็ร่ำร้องอยากกินอีก" หนังแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของตัวละคร ตั้งแต่มิตรภาพความเป็นเพื่อนแท้ที่ไม่ทิ้งกัน และ แม่ ผู้เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่คอยสนับสนุนพระเอกตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เดินไม่ได้ จนเดินได้ จนถึงการทำธุรกิจเย็บชุดชั้นในชายขาย แม้จะขายไม่ได้ในช่วงแรก จนสต็อกจม แต่แม่ก็ไม่เคยว่า และยังสนับสนุนเขา จนสุดท้ายก็สำเร็จขึ้นมาได้ เพราะเพื่อนๆ ของเขา
- Rokuhoudou Colorful Days
เรื่องนี้ไม่ใช่หนังของคนในครอบครัวโดยตรง แต่เป็นเรื่องราวของเพื่อนร่วมงาน ที่สุดท้ายมาทำธุรกิจร่วมกัน จนเกิดเป็นมิตรภาพที่ไม่ต่างจากการเป็นครอบครัวเดียวกัน "โรคุโฮโด" เป็นร้านคาเฟ่ในหนังซีรี่ส์ Netflix ซึ่งสร้างจากอนิเมะ (ที่มาจากมังงะหรือหนังสือการ์ตูนอีกที) เป็นเรื่องราวของสี่หนุ่มที่มารวมตัวกันทำร้านคาเฟ่แนวย้อนยุคที่มีเมนูเลิศรสครบทั้ง ชา กาแฟ อาหาร และขนมหวาน บริหารโดยชายหนุ่มสี่คนที่รับผิดชอบคนละด้านตามความถนัด ซุย เป็นผู้จัดการร้านและผู้เชี่ยวชาญการชงชา, กุเระ เป็นบาริสต้าฝีมือดีที่ฝันอยากทำให้ทุกคนมีรอยยิ้ม, โทคิทากะ เชฟผู้ปรุงอาหารที่ทำให้คนกินมีความสุข, สึบากิ เชฟขนมหวาน ที่มีแนวทางผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นกับขนมตะวันตกได้อย่างลงตัว จากโชคชะตาที่พาพวกเขามาพบกัน จนเป็นเพื่อนร่วมงาน และกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน ร้านโรคุโฮโดจึงไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจหรือสถานที่ทำงาน แต่เป็นบ้านของพวกเขาทั้งสี่ และเป็นพี่พักใจที่ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาได้ผ่อนคลาย เยียวยาจิตใจด้วย