อยากประสบความสำเร็จ ต้องเก็บประสบการณ์



แปลและเรียบเรียง : เจษฎา ปุรินทวรกุล

    ทุกวันนี้กระแสการทำตามกิจวัตรของคนร่ำรวยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น อยากเป็นเศรษฐีต้องทำตามข้อหนึ่ง สอง สาม อยากประสบความสำเร็จเหมือนนักธุรกิจร้อยล้าน ต้องทำตามขั้นหนึ่ง สอง สาม บลา บลา บลา 

     Steve Tobak อดีตผู้บริหารระดับสูง ที่ปรึกษาทางธุรกิจ โค้ชผู้บริหาร และคอลัมนิสต์ ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ให้กับผู้บริหารและผู้นำทางธุรกิจมายาวนานนับทศวรรษ ได้ออกมาแสดงความเห็นที่น่าสนใจว่า คนที่ประสบความสำเร็จบางคนอาจไม่ได้มานั่งมองตัวเองว่าทำอะไรไปบ้างก็ได้ เพราะสิ่งสำคัญก็คือ เขาได้ทำอะไรที่มีความหมายและสิ่งที่สำคัญด้วยตัวเอง 
 

    ดังนั้น ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ การเดินตามเส้นทางของผู้พิชิตอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดก็ได้ เพราะการเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเหมือนกัน เริ่มต้นจาก

-    เดินทางสำรวจโลก หรือทำงาน เพื่อซึมซับประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบตัว 

-    นั่งทบทวนดูว่า ทำไมธุรกิจแต่ละธุรกิจที่เราสนใจ ถึงประสบความสำเร็จขึ้นมาได้

-    เรียนรู้ว่าคุณชอบที่จะทำอะไร และตัวเองเหมาะกับอะไร มองหาจุดแข็งที่สามารถยกระดับตัวเองได้ พร้อมกับค้นหาจุดอ่อนที่เราต้องเอาชนะ

-    สร้างความมั่นใจจากความสำเร็จของตัวเอง และเรียนรู้จากความผิดพลาด

-    พยายามคุยกับคนที่มีวิสัยทัศน์ ลองถามคำถามที่น่าสนใจแล้วฟังว่าเขาตอบอะไรกลับมาเพื่อนำแนวคิดของเขามาเป็นตัวอย่าง

-    ค้นหาวิธีการเป็นพนักงานที่ดี การสร้างแรงบันดาลใจ และการบริหารจัดการในด้านอื่นๆ ด้วย

-    ความสามารถในการเข้าใจเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ไม่มีใครทำแทนคุณได้และไม่มีใครพรากไปจากคุณได้เช่นกัน
 

    สรุปได้ง่ายๆ ว่า ประสบการณ์ สำคัญกว่าการพูดว่าฉันจะทำแบบนั้น แบบนี้ หรือจะทำแบบคนนั้น คนนี้ การออกไปเผชิญโลกภายนอก พบปะพูดคุยกับคนจากทั่วโลกคือขุมความรู้ที่จะทำให้เราได้มองเห็นโลกในมุมที่แตกต่างออกไป 

    อีกสิ่งหนึ่งที่ Steve Tobak ได้แสดงความเห็นไว้ก็คือ ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ทุกคนมักคิดว่า ยิ่งโซเชียลเน็ตเวิร์คมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ยิ่งดี ยิ่งทรงอิทธิพล แต่ในความเห็นของเขา โซเชียลเน็ตเวิร์ค มีระดับการสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

    นั่นเพราะคนนับพันล้านคนต่างได้รับรู้ในสิ่งที่คล้ายๆ กัน การโพสพูดคุยก็จำกัดอยู่ในวงแคบๆ (แค่กลุ่มเพื่อน) ไม่เหมือนกับการได้ออกไปมีปฏิสัมพันธ์กับคนในโลกแห่งความจริง ซึ่งเราจะได้รับประสบการณ์ทั้งจากการแสดงสีหน้า ท่าทาง วิธีพูด และแนวคิดซึ่งชัดเจนกว่าเนื้อหาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นสิ่งที่คุณเรียนรู้จากโลกออนไลน์มาได้ คนอื่นก็สามารถเรียนรู้ได้เช่นกัน จึงอาจทำให้คุณไม่ได้เปรียบในการแข่งขันทั้งในแง่การทำธุรกิจและในแง่อื่นๆ


    แม้เราจะไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไป อาจทำให้เราเสียเวลาไปเปล่าๆ หรือไม่ แต่พยายามคิดดูว่าสิ่งที่จะลงมือทำ จะมีประโยชน์กับเรามากแค่ไหน จะมอบประสบการณ์แบบไหนให้กับเรามากกว่าการนั่งอ่านนิสัยของคนรวย มากกว่าการหาโอกาสได้เปรียบทางการแข่งขันจากหน้าจออินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว และวันหนึ่งคุณอาจกลายเป็นหนึ่งในผู้ประสบความสำเร็จที่ได้มาเขียนว่า “อยากประสบความสำเร็จ ต้อง...” ก็เป็นได้


www.smethailandclub.com ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)

   

RECCOMMEND: MANAGEMENT

เหนื่อยยังไง...ให้ไปต่อได้ 4 หลักคิดญี่ปุ่น ที่คนทำธุรกิจยุคไม่แน่นอนต้องรู้

ถ้าเป้าหมายการทำธุรกิจของคุณ ไม่ใช่แค่ “อยู่รอด” แต่คือ “อยู่ให้ได้อย่างยั่งยืนและมีคุณค่า”ลองดู 4 หลักคิดญี่ปุ่น ที่ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ในวันที่เหนื่อยแทบขาดใจ

ลงทุนในคน ยังไงไม่ให้คนเก่งหนี  บทเรียนจากองค์กรชั้นนำ ยุคที่คนเปลี่ยนงานไวกว่าเปลี่ยนมือถือ

หากองค์กรจะลงทุนเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การพัฒนาคน” ทั้งในแง่ของทักษะ มุมมอง และการสร้างระบบที่หล่อเลี้ยงการเติบโตของคนกับองค์กรไปพร้อมกัน

ล้มไม่ใช่แพ้ ถ้ารู้จักลุกอย่างมีกลยุทธ์ “Resilience” ทักษะที่ SME ควรมี

ล้มแค่ไหนก็ไม่พัง ถ้าเราล้มเร็วลุกเร็ว มาเรียนรู้ 10 วิธีฟื้นใจและปรับตัวไว ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความอดทน แต่คือศิลปะของการลุกขึ้นใหม่