Text: Neung Cch.
ในยุคที่ Personal Branding ถูกพูดถึงว่าเป็นเสมือนหนึ่งกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของการทำธุรกิจในยุคออนไลน์ แต่แบรนด์ไทยสองรายกลับเดินสวนกระแสด้วยกลยุทธ์ที่น่าจับตา พวกเขาพิสูจน์แล้วว่า "คุณภาพของสินค้า" สามารถเป็นพรีเซนเตอร์ที่ทรงพลังที่สุด จนสามารถสร้างอาณาจักรธุรกิจมูลค่าระดับร้อยล้านพันล้านบาทได้ โดยที่ผู้บริโภคอาจรู้จักสินค้าดีกว่าใบหน้าของผู้ก่อตั้งเสียอีก
นี่คือการถอดรหัสกลยุทธ์ “ขายของให้ดัง โดยไม่ต้องให้ตัวเองดัง” ที่อาจทำให้คอร์สสร้างตัวตนสะเทือนทั้งวงการ
Dr.PONG ใช้ความรู้นำตลาด
Dr.PONG คือกรณีศึกษาความสำเร็จที่โดดเด่น จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่ธุรกิจมูลค่า 2,400 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี จุดแข็งสำคัญคือการใช้ แพทย์ เป็นจุดตั้งต้นในการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค
แบรนด์ไม่ได้เพียงแค่ขายสินค้า แต่ขาย ความมั่นใจ ที่ผ่านการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ โดยมี นพ. ยุวพงศ์ สุทธินันท์ ผู้ก่อตั้ง เป็นสัญลักษณ์การันตีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ เสาหลักสำคัญในการสร้าง trust ให้กับลูกค้า
3 กลยุทธ์จาก Dr.PONG
1. สร้างความเชื่อที่มีหลักฐาน แบรนด์เน้นย้ำว่าเป็น "สกินแคร์ที่มีหมอรับรอง" และมีการวิจัยจริง โดยเฉพาะการทดลองกับผิวคนไทย นี่คือการสร้าง จุดต่างที่เหนือกว่า คู่แข่งที่มักอ้างอิงผลวิจัยจากต่างประเทศ ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความจริงใจและความมั่นใจว่าใช้ได้ผล
บทเรียน: ในตลาดที่ผู้บริโภคฉลาด การลงทุนในความรู้และการพิสูจน์ตัวเอง คือเงินลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด
2. คุณภาพระดับพรีเมียมในราคาที่เอื้อมถึง แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ระดับเวชสำอาง แต่สินค้าหลักตั้งราคาที่ หลักร้อย ทำให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถตัดสินใจลองได้ง่าย การทำเช่นนี้ทำให้ "กำแพงความกล้าซื้อ" พังทลายลงไปอย่างรวดเร็ว และเกิดการซื้อซ้ำเพราะคุณภาพเกินราคา
3. ใช้ดาราใหญ่ "สเกล" ความสำเร็จให้โต Dr.PONG ไม่ได้พึ่งพาแค่รีวิว แต่กล้าลงทุนดึงดาราเกาหลีชื่อดัง Kim Seon Ho (คิมซอนโฮ) มาเป็นพรีเซนเตอร์ การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก (Global Star) ไม่ได้มีไว้แค่สร้างกระแสในไทย แต่คือการ ยกระดับแบรนด์ให้มีมาตรฐานสากล และประกาศความพร้อมในการบุกตลาดต่างประเทศไปพร้อมกัน
Supermom การตลาดที่เน้น "สินค้าเป็นพระเอกล้วนๆ"
Supermom แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่เริ่มต้นจากอุปกรณ์แต่งหน้า แต่กลับมาเป็นกระแสไวรัลถล่มทลายด้วยเมคอัพและสกินแคร์คุณภาพสูง พวกเขาใช้กลยุทธ์ที่น่าทึ่งคือ "การทำงานเบื้องหลัง" ปล่อยให้สินค้าทำงานแทนเจ้าของSupermom ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วในฐานะแบรนด์เมคอัพไทยที่คุณภาพเทียบเท่าสินค้าต่างชาติ ในปีล่าสุดสามารถทำรายได้กว่า 135 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ที่ตรงกันข้ามกับแนวคิดการตลาดทั่วไป
3 กลยุทธ์ที่สร้างไวรัลจากการใส่ใจลูกค้า
1. กล้าลงทุนกับ "ความสุด" ของสินค้า ผู้ก่อตั้งเชื่อว่า "คุณภาพสินค้าคือการตลาดที่ดีที่สุด" ดังนั้น แบรนด์จึงลงทุนอย่างไม่ลังเล เช่น การบินไปผลิต Toner Pad ในโรงงานระดับโลกที่เกาหลีใต้ เพื่อให้ได้สูตรและคุณภาพที่ดีที่สุด การลงทุนตรงนี้คือการตัดงบโฆษณาที่ไม่จำเป็นออกไป
2. นวัตกรรมที่แก้ปัญหายิบย่อย (Pain Point) Supermom สร้างความแตกต่างจากรายละเอียดเล็กๆ แต่สำคัญ เช่น การออกแบบ ที่คีบโทนเนอร์แพด ให้ใช้สะดวก หรือการสร้าง "พจนานุกรมเทียบสีรองพื้น" ที่นำไปเทียบกับแบรนด์ดังอื่นๆ กว่า 360 ภาพ
บทเรียน: การกระทำเหล่านี้คือการ "ทำให้ลูกค้ากล้าซื้อโดยไม่ต้องกลัวพลาด" เพราะแบรนด์ช่วยลดความเสี่ยงในการเลือกสีผิดให้ลูกค้าอย่างชัดเจน
3. พลังของ "รีวิวแท้" ที่ดังกว่าการจ้าง เนื่องจากเจ้าของไม่เน้นออกสื่อ แบรนด์จึงเติบโตด้วย "พลังของการบอกต่อ" (Word-of-Mouth) อย่างแท้จริง การที่สินค้าคุณภาพดีจนเกิดกระแสไวรัลด้วยรีวิวจากลูกค้าจริง ทำให้แบรนด์มีความจริงใจและน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภคมากกว่าการโฆษณาที่ยิงตรงจากแบรนด์
2 บทเรียกจากสองแบรนด์ดัง
กรณีศึกษาของ Dr.PONG และ Supermom แสดงให้เห็นว่า การจะสร้างธุรกิจเงินล้านในตลาดที่แข่งขันสูง หัวใจสำคัญคือ การสร้างความไว้วางใจที่มั่นคง โดยไม่จำเป็นต้องใช้สูตรสำเร็จของการตลาดแบบเดิมๆ
ทั้งสองแบรนด์สอนเราว่า การลงทุนที่ถูกจุด ไม่ว่าจะเป็น ด้านการตลาด หรือ ด้านนวัตกรรมการผลิต คือเชื้อเพลิงสำคัญที่ทำให้ธุรกิจทะยานจากหลักสิบล้านไปสู่ หลักพันล้านบาท ได้อย่างมั่นคง แม้จะไม่มีเจ้าของมายืนอยู่หน้ากล้องก็ตาม
วันนี้ "อาวุธลับ" ที่ทรงพลังที่สุดของแบรนด์คุณคืออะไร? และคุณได้ลงทุนกับมันอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง?
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี