เตรียมพร้อมปรับตัว สู่ยุค Visual Content





เรื่อง เจษฎา ปุรินทวรกุล

    ในยุคที่โลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทและอิทธิพลต่อผู้บริโภค การเขียนเนื้อหาที่ดีอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ได้ เพราะนับวัน Visual Content ก็ดูเหมือนจะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้อดีของ Visual Content ที่ส่งผลดีในแง่ของการรับรู้ที่เหนือกว่าข้อความก็คือ สมองของมนุษย์ สามารถรับรู้ภาพได้ไวกว่าตัวอักษร และตอบสนองด้านความจำได้ดีกว่าด้วย


    รูปแบบของ Visual Content

    บางคนอาจมองว่าเรื่องของ Visual Content เป็นสิ่งที่ต้องลงทุน ยกตัวอย่างเช่นการใช้ Youtube ซึ่งอาจต้องใช้เงินลงในการสร้างวีดิโอดีๆ ขึ้นมา แต่ถามว่าถ้าคู่แข่ง หรือตลาดภาพรวม หันมาใช้ Visual Content กันอย่างต่อเนื่อง หากเราไม่ใช้ก็จะกลายเป็นผู้ล้าหลังเอาได้ง่ายๆ อีกอย่าง Visual Content ไม่ได้มีแค่ Youtube เท่านั้น แต่ยังมี

    1. รูปภาพประเภทภาพถ่าย (Photograph) ภาพถ่ายถือว่าเป็น Visual Content ประเภทหนึ่ง โดยเราสามารถใช้ภาพบอกเล่าเรื่องราว และใช้คำบรรยายภาพเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับเนื้อหาได้ ซึ่งบางครั้งจะเหมาะกว่าการให้ผู้บริโภค นั่งอ่านข้อความ 10-20 บรรทัด เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด


    2. (อินโฟกราฟิกส์) Infographics จริงๆ แล้ว Infographics ย่อมาจาก Information Graphic หมายถึงภาพกราฟิกที่เราจัดทำขึ้นมา โดยประมวลผลข้อมูลในด้านต่างๆ เช่น งานวิจัย สถิติ ผลโพล ฯลฯ ให้เข้าใจได้ง่ายเพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้เรื่องแล้ว ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบทความที่ใช้ Infographics สามารถเพิ่มยอดเข้าชมได้มากกว่าบทความที่ไม่ใช้มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์   
(ตัวอย่างภาพ อินโฟกราฟิกส์)

    3. มีม (Meme) มีมเป็นเนื้อหาที่ออกไปในแนวตลก คำพูด วลี ภาพตัดต่อ คลิปวีดิโอ ซึ่งเป็นกระแสอยู่ในช่วงนั้นๆ แต่ต้องอย่าลืมว่าบางคนอาจไม่ชอบเรื่องตลก ดังนั้นควรตลกในขอบเขต คิดให้รอบคอบก่อนโพส ดูว่าเหมาะสมกับแบรนด์หรือองค์กรของเราหรือเปล่า ตัวอย่างของมีมที่เห็นได้ชัดคือการล้อเลียนช็อตเด็ดจากภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World ซึ่งพระเอกทำท่าห้ามไดโนเสาร์ และถูกนำไปตัดต่อเป็นอีกหลายต่อหลายเวอร์ชันด้วยกัน หรือโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง อาบัติ ก็ถูกเอาไปตัดต่อเพื่อใส่ข้อความล้อเลียนอีกหลายแบบเช่นกัน
(ตัวอย่างภาพ มีม)


    4. กราฟิก (Graphic) การทำภาพกราฟิกหรือภาพเวคเตอร์ (Vector) ก็มักที่จะสร้างเอกลักษณ์ให้กับเราได้ แต่อาจต้องเสริมคำเสริมพูดหรือเนื้อหาเพื่อให้ภาพมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นก็ได้
(ตัวอย่างภาพกราฟิกและเวคเตอร์)
   

    5. วีดิโอ (Video) การนำเสนอเรื่องราวผ่านวีดิโอ เช่น Youtube สามารถทำได้หลายแบบ ทั้งการให้ข้อมูล ความสนุก เรื่องตลก ซึ่งถ้าเนื้อหาได้รับความนิยมก็อาจกลายเป็น Viral และโด่งดังแบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว แต่ถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็อาจเจ็บหนักได้เหมือนกัน เพราะสื่อโซเชียล แพร่ไว แชร์กันเร็ว คอมเมนต์แรง และสืบย้อนกลับโหดยิ่งกว่าโคนันสืบคดีซะอีก   

    อย่าคิดว่า Visual Content เป็นเรื่องแฟชั่น แต่ให้มองถึงความจริงที่ว่ารูปแบบเนื้อหาที่เราจะสื่อสารกับผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายกำลังจะเปลี่ยนไป และเราต้องใช้เนื้อหา (Content) ที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายเพื่อความสำเร็จทางธุรกิจ  


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)





RECCOMMEND: MARKETING

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง

Color Psychology: จิตวิทยาเรื่องสี ที่แบรนด์ใหญ่ใช้เพิ่มยอดขาย

สี…ก็เปลี่ยนยอดขายได้ ทำไม Facebook ใช้สีน้ำเงิน? ทำไม Chanel ถึงเลือกสีดำทอง? ทำไมฟาสต์ฟู้ดต้องสีแดง-เหลือง? คำตอบอยู่ที่ “Color Psychology” จิตวิทยาของสีที่แบรนด์ใหญ่ใช้สร้างกำไรมาแล้วทั่วโลก

ขายของยังไงให้ตอบโจทย์แม่ทุก Gen เจาะอินไซต์แม่ยุคเบบี้บูมถึง Gen Z

นี่คืออินไซต์ที่ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ใช้เป็นสูตรลับในการออกแบบสินค้าและแคมเปญการตลาดให้ตอบโจทย์แม่ทุกเจนฯ ไม่ใช่แค่มอง “ผู้หญิงวัยใดวัยหนึ่ง” แต่เจาะลึกถึงทุกความต่าง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช่และแบรนด์ที่เข้าใจ