ติดหล่มระบบชำระเงิน กดอี คอมเมิร์ซไทยโตช้า





เรื่อง : นิธิดา วงศาโรจน์
ภาพ : ชาคริต ยศสุวรรณ์



    ในโลกธุรกิจที่มีคำว่า “ดิจิตอล” เป็นตัวขับเคลื่อน การประกอบกิจการโดยส่วนมากจึงมักผูกอยู่กับเทคโนโลยี โดยเฉพาะช่องทางทำเงินบนโลกออนไลน์ ที่ผู้ขายไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงไปกับหน้าร้านแม้แต่สตางค์เดียว และผู้ซื้อก็สามารถสั่งสินค้าได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส 


    ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้แพลตฟอร์ม e-Commerce ค่อยๆ เติบโตและสามารถสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาลในหลายประเทศ ซึ่งไทยเอง ก็นับว่ามีศักยภาพด้าน e-Commerce อยู่ในระดับหนึ่ง เห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของ e-Commerce ที่สูงขึ้นปีละกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. (ETDA) ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขของ e-Commerce ในปี 2557 ที่ผ่านมาว่า มีมูลค่าตลาดสูงถึง 700,000 ล้านบาทเลยทีเดียว


   จากประเด็นข้างต้น จึงทำให้ตีความได้ว่า สถานการณ์ e-Commerce ของไทยนั้น จะต้องสวยหรูและสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ SME ได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าเมื่อเจาะลึกเข้าไปถึงการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ กลับยังพบจุดอ่อนที่ทำให้ e-Commerce ไทยไม่เติบโตเท่าที่ควรจะเป็น


    ซึ่งถ้าเทียบกับศักยภาพในด้านต่างๆ การเติบโตเพียง 10 เปอร์เซ็นต์นั้น ถือว่ายังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจากการเปิดเผยของ บุรินทร์ เกล็ดมณี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด ผู้ให้บริการระบบเว็บไซต์สำเร็จรูป ที่ได้ออกมาระบุถึงตัวเลขผู้ใช้เว็บไซต์สำเร็จรูปเพื่อการขายสินค้าว่ามีอยู่เพียง 16,000 รายเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ประกอบการรายย่อยที่เข้ามาลงทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ ที่มีจำนวนกว่า 2.7 ล้านรายด้วยกัน


    โดยข้อมูลดังกล่าวยังได้สอดคล้องกับทัศนะของ ดร.รัฐศาสตร์ กรสูตร ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักส่งเสริมธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สพธอ. ที่เปิดเผยว่า หากเทียบศักยภาพ e-Commerce ไทยกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ประเทศของเรานั้นถูกจัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้น เนื่องด้วยส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยความเชื่อมั่นในการใช้งานของผู้ซื้อ และความรู้ความเข้าใจในส่วนของผู้ขาย จึงทำให้ทักษะด้าน Online Marketing ยังเป็นจุดอ่อนนัก หากว่าใครที่ทำสำเร็จก็จะมีอยู่เพียงกระจุกเดียว จึงทำให้ตัวเลขของผู้ประกอบการทั้งประเทศ ไม่กระเตื้องเท่าที่ควร 


    โดยหากเปรียบธุรกิจ e-Commerce ในประเทศไทยกับการนำเครื่องบินไปโลดแล่นบนท้องฟ้า ณ ขณะนี้ แพลตฟอร์มรูปแบบดังกล่าวยังคงอยู่บน Taxiway เท่านั้น และอาจจะยังไม่พร้อมถึงขั้น Take Off ไปสู่จุดหมาย เนื่องด้วยปัจจัยในหลายๆ ข้อ 


    แต่ที่มองว่าน่าเป็นห่วงที่สุด คงเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ซื้อ ถึงแม้ผู้ประกอบการหลายคนที่ทำ e-Commerce จะมีความตั้งใจในการประกอบสัมมาชีพอย่างสุจริต และมีเพียงไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นมิจฉาชีพมาหลอกผู้บริโภค แต่กลับก่อเกิดเป็นความกลัว และกลายเป็นข่าวสารที่แพร่กระจายไปสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้บริโภครายอื่นๆ หวาดระแวงไปด้วยเช่นกัน


    นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของ e-payment ที่ตัวเลขถือว่าห่างไกลจากมูลค่าของ e-Commerce มากนัก เนื่องด้วยผู้บริโภคในสมัยนี้ยังคงนิยมการโอนเงินในลักษณะเดิมๆ เช่น การโอนผ่านตู้ ATM ซึ่งการทำธุรกรรมในลักษณะดังกล่าวถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงและเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเข้ามาสวมรอยได้ง่าย 


    ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการในลักษณะ Third Party Payment หรือเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ อย่างเว็บไซต์ Ebay ที่จะไม่มีทางโตได้เลยถ้าหากขาดระบบชำระเงินดีๆ อย่าง PayPal 


    ส่วนปัจจัยอื่นๆ ก็เป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ที่เราต้องพยายามอุดช่องโหว่กันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ E-Logistic หรือศูนย์กระจายสินค้าที่สามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาถือว่ายังเป็นจุดอ่อนที่อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการพัฒนา ซึ่งคาดเดาไว้ว่าอีกประมาณสัก 2-3 ปี อาจจะแก้ไขได้ และสามารถทำให้ตลาดดังกล่าวเติบโตได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี


 

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง