ทำยังไงดี? เมื่อมีแต่ยอดไลค์ แต่ไร้ยอดขาย

Text : ประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช 



     หลายคนมักสงสัยว่า เวลาที่เราทำตลาดด้วยโฆษณาเฟซบุ๊ก (Facebook Ads) แล้วไม่ประสบผลสำเร็จนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ จากประสบการณ์ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการเลือกใช้ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญโฆษณาที่ไม่ถูกต้องในแต่ละขั้นตอน อีกทั้งยังไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ธุรกิจต้องการอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีแค่ยอดไลค์ แต่ไร้ยอดขาย







    ทางแก้ปัญหาก็คือ การทำความเข้าใจสำหรับวิธีเลือกใช้โฆษณาที่สอดคล้องกับขั้นตอนการทำตลาดและการขาย (ว่ากันตั้งแต่การสร้างการรับรู้ กระตุ้นให้เกิดความสนใจ ไปจนถึงการปิดการขาย) เนื่องจากแคมเปญที่เฟซบุ๊กมีให้ใช้นั้น แต่ละรูปแบบก็จะเหมาะกับขั้นตอนทางการตลาดที่แตกต่างกันไป รวมถึงการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องสอดคล้องกับโอกาสสำเร็จของแคมเปญที่เลือกใช้ด้วย ซึ่งเชื่อว่า หากผู้ประกอบการเข้าใจขั้นตอนนี้อย่างถูกต้อง การใช้ Facebook Ads ของคุณจะสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามกันได้เลย







5 แคมเปญโฆษณาฯ ยอดนิยม


    แม้ Facebook Ads จะมีแคมเปญโฆษณาให้เลือกใช้มากมายถึง 11 รูปแบบ แต่เท่าที่พบเห็นผู้ประกอบการเลือกใช้กันมากที่สุดมีอยู่ 5 รูปแบบดังนี้


1.Boost Your Posts – โฆษณาเฟซบุ๊กที่เพิ่มโอกาสให้โพสต์ของคุณไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น


2.Promote Your Page – เพิ่ม Likes ให้เพจ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รู้จักธุรกิจของเรา


3.Send People to Website – เพิ่มแทรฟฟิกคุณภาพให้กับเว็บไซต์จากกลุ่มเป้าหมายที่เห็นโฆษณาแล้วคลิก


4.Reach People Near Your Business – โฆษณาที่ใช้ดึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ใกล้ร้าน หรือสถานประกอบการ


5.Get Video Views – โฆษณาที่เน้นสร้างการรับรู้แบรนด์ สินค้า และบริการผ่านคลิปวิดีโอที่ส่งให้กลุ่มเป้าหมาย


     ลำพังแค่ใช้แคมเปญยอดฮิตเหล่านี้ โดยขาดการวางแผนที่ถูกต้อง อาจจะไม่เพียงพอต่อความสำเร็จ (ปิดการขายได้) เพื่อให้การเลือกใช้แคมเปญต่างๆ กับการเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นไปอย่างถูกต้อง และสอดคล้องกับกระบวนการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการจะต้องจับคู่แคมเปญที่เลือกใช้เข้ากับลำดับขั้นตอนที่ปรากฏอยู่ในเครื่องมือการขายที่เรียกว่า Sales Funnel 







Sales Funnel กับ Facebook Ads


    โดยพื้นฐานการขาย ผู้ประกอบการควรจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Sales Funnel แผนภาพที่มีลักษณะคล้ายอุโมงค์ หรือกรวยที่ด้านบนเปิดกว้างแล้วค่อยๆ แคบลงตามลำดับขั้นตอนการขายดังรูป ซึ่งเราจะนำเครื่องมือนี้มาจับคู่กับแคมเปญโฆษณาบน Facebook เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายที่ต้องการ นั่นคือ Conversion ที่หมายถึงขั้นตอนการเปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นลูกค้านั่นเอง หากสังเกตจากตาราง ก็จะเห็นชนิดของแคมเปญ และกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับแต่ละขั้นตอน ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้


     •    ขั้นตอนสร้างการรับรู้ และดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย (Attract) ชนิดของแคมเปญที่เหมาะสมคือ Page Like Ads เนื่องจากในขั้นตอนนี้ เราต้องการให้ “กลุ่มเป้าหมาย” ได้รู้จักธุรกิจของเรา โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโอกาสเป็นลูกค้าในอนาคตของเรามากที่สุด ในที่นี้แนะนำให้เลือกเป้าหมายลูกค้า (Target) ไปที่แฟนของคู่แข่ง (Fans of competitor) โดยให้โฆษณาเพจของเราไปปรากฏอยู่บนนิวส์ฟีดของผู้ใช้ที่ Like เพจคู่แข่ง เพราะมีโอกาสที่พวกเขาจะสนใจเราเร็วสุดที่สุด กับกลุ่มที่มีความสนใจ (Interest) แนวสินค้า หรือบริการของเรา ด้วยวิธีนี้จะทำให้เพจของเราได้ Likes ที่มีคุณภาพ มากกว่า Likes ที่ไร้คุณค่า หรือความหมาย


     •    ขั้นตอนสร้างความสนใจในสินค้า และบริการ (Build) ในที่นี้แนะนำให้ใช้แคมเปญ Boost Post Ads โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ Fans (ผู้ที่กด Like เพจแล้วนั่นเอง) และกลุ่มเป้าหมายรองคือ Friends of fans ที่มีความสนใจ (Interest) แนวสินค้า หรือบริการของเรา ซึ่งจุดสำคัญนอกจากการเลือกใช้แคมเปญและกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมแล้ว คอนเท็นต์ที่สามารถสร้างความชอบ และความเชื่อในสินค้า และบริการได้ ดูจะเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่ต้องเตรียมการเป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเลือก Boost Post คอนเท็นต์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีๆ กับแบรนด์สัก 80 เปอร์เซ็นต์ และคอนเท็นต์สำหรับการแนะนำ หรือขายสินค้า20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่หากดำเนินขั้นตอนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แฟนของเพจบางส่วนจะ Convert เป็นลูกค้าได้ทันที


     •    ขั้นตอนเปลี่ยนแฟนเป็นลูกค้า (Convert) เมื่อมีแฟนเพจที่เหนียวแน่นจำนวนหนึ่ง ประกอบกับความสนใจในโพสต์ที่ยิงผ่านโฆษณาไปแล้ว (ดูจาก Likes, Comments & Share ใน Facebook Insight) ขั้นตอนสุดท้าย จะเป็นความพยายามใช้แคมเปญโฆษณาชั้นสูง เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้แคมเปญ Send People to Website ที่พาไปยังเว็บไซต์ธุรกิจ เพื่อเลือกดู และสั่งซื้อสินค้า หรือบริการที่ต้องการ หรือ Website Conversions  โฆษณาพร้อมปุ่มสั่งการ (Call To Action) เช่น Shop Now เพื่อให้ผู้สนใจคลิกไปหน้าสั่งซื้อสินค้าได้ทันที (สามารถติดตามผลลัพธ์ได้) หรือในกรณีที่ต้องการสร้าง Leads (กลุ่มเป้าหมายที่พร้อมจะให้ข้อมูลในการติดต่อกลับ) ก็สามารถใช้แคมเปญ Lead Ads ที่อำนวยความสะดวกสบายกับกลุ่มเป้าหมายในการกรอกข้อมูลได้เช่นกัน สำหรับการเลือกTarget ของขั้นตอนนี้ จะมีได้ตั้งแต่แฟน หรือการสร้างกลุ่มที่เรียกว่า Custom Audiences จากฐานข้อมูลอีเมล์ เบอร์มือถือ รวมถึงกลุ่มผู้ที่เคยไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามาแล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกกลุ่มที่เรียกว่า Look A Like หรือกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณสมบัติคล้ายกันได้อีกด้วย 


     อ่านถึงตรงนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการคงจะเริ่มเห็นแนวทางการทำโฆษณาเชิงรุกบน Facebook ที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าให้ดีอยากให้ลองศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้แคมเปญโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแคมเปญยอดนิยมทั้ง 5 นี้ด้วย โดยเฉพาะขั้นตอนการ Convert แฟนให้เป็นลูกค้า ที่มีเทคนิคการใช้แคมเปญที่ลึกซึ้งกว่า เมื่อประกอบกับการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเป็นลูกค้าอยู่แล้ว โอกาสปิดการขายก็จะยิ่งสูงมากขึ้น และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ การทำคอนเท็นต์ที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดสินค้า หรือโปรโมชั่นที่น่าสนใจควบคู่ไปด้วย 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024