“SME Matching Day 2017” ทางลัดเอสเอ็มอีเชื่อมคู่ค้าเปิดประตูสู่ตลาดโลก

 
 
               ในยุคที่หลายคนเรียกขานว่าเป็น 4.0 ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่ต้องปรับตัวตามกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่พลิกผัน และจับทางได้ยากขึ้นทุกที และเอสเอ็มอีเองก็มีข้อจำกัดมากมาย การทำธุรกิจแต่เพียงลำพังด้วยตัวคนเดียว อาจทำให้ธุรกิจเดินไปได้ช้าจนก้าวตามกระแสธุรกิจไม่ทัน ซึ่งการเชื่อมโยงกับคู่ค้าพันธมิตร หรือ Business Matching จึงดูจะเป็นคำตอบและทางลัดให้กับเหล่าบรรดาคนตัวเล็กอย่างเอสเอ็มอีได้เติบโตอย่างรวดเร็ว 
 
 
               ด้วยเหตุนี้เอง ธนาคารกสิกรไทย จึงร่วมกับบริษัท บางกอก โพสต์ จำกัด (มหาชน) จัดงาน “SME Matching Day 2017” มหกรรมจับคู่ดี SME แห่งชาติ” ขึ้น ณ บางกอกคอนเวนชั่น บี 2 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นที่ 3 แล้ว และในครั้งนี้ยังได้คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “SME ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” ในงานอีกด้วย

 
 
 
               โดยรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาว่า เอสเอ็มอีเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยประเทศที่เจริญแล้ว หากจะสร้างการเติบโตอย่างยื่นให้กับเศรษฐกิจ เอสเอ็มอีจะต้องแข็งแกร่ง แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ปัญหาสำคัญของเอสเอ็มอีคือการไม่เข้าสู่ระบบ ซึ่งหากดูข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่ามีผู้ประกอบการจำนวน 2.79 ล้านราย แต่จดเป็นนิติบุคคลเพียง 6.3 แสนราย ยังมีอีกกว่า 2 ล้านรายที่เป็นบุคคลธรรมดาและยังไม่ได้เข้าระบบ
 
 
               ทั้งนี้ การเข้าระบบนั้นไม่ได้มุ่งหวังในเรื่องการเก็บภาษี เพราะขณะนี้รัฐยกเว้นภาษีให้กับผู้ประกอบการหลายด้าน แต่ที่อยากให้เข้าระบบ เพราะจะได้เข้าสู่กลไกการช่วยเหลือของภาครัฐและสถานการเงิน แต่ก็เชื่อว่าหลังจาก พ.ร.บ.จัดตั้งบริษัทคนเดียวมีผลบังคับใช้ จะทำให้เอสเอ็มอีกว่า 2 ล้านรายจดทะเบียนนิติบุคคลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการวิเคราะห์ปัญหาเพื่อหามาตรการช่วยเหลือและสนับสนุนได้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ และนั่นจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเอสเอ็มอีต่อไป
 
 
               นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของเหล่าสตาร์ทอัพ จะทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนไป อีกทั้งเทคโนโลยีเข้ามามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดในการทำธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากเอสเอ็มอีสามารถจับคู่ธุรกิจกับสตาร์ทอัพก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะปัญหาหลักของเอสเอ็มอีอยู่ที่เรื่องการบริหารจัดการธุรกิจ ซึ่งสตาร์ทอัพสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจได้
 
 
               ทางด้านคุณสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้กล่าวถึงงาน “SME Matching Day 2017” ในครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “รวมพลังคู่ค้า เชื่อมโยธุรกิจไทยและต่างประเทศ” ซึ่งเกิดจากการผนึกกำลังกันใน 3 กลุ่มช่องทางการค้า คือ ช่องทางค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ ช่องทางออนไลน์ และช่องทางขยายสู่ต่างประเทศ และยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเจรจาธุรกิจกับช่องทางการจัดจำหน่ายชั้นนำ 13 ช่องทาง  ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่เอสเอ็มอีจะได้มาเจอกับทุกช่องทางแบบนี้ในเวลาพร้อมๆ กัน หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่มีความร่วมมือในลักษณะนี้เกิดขึ้น
 
               
               สำหรับในปีนี้มีความแตกต่างจากปีก่อน เพราะได้เพิ่มช่องทางต่างประเทศเข้ามา ซึ่งก็มีผู้ประกอบการให้ความสนใจสมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการไทยนั้นมีความต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
               


              ทั้งนี้ ภาพรวมของงานมีผู้สมัครเข้าร่วมจับคู่ธุรกิจ 749 บริษัท  โดยประเภทสินค้าที่มีผู้สมัครเข้ามามากที่สุด คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ดูแลตัวเอง และกลุ่มยาเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตามลำดับ ส่วนเหตุผลหลักที่ไม่ผ่านการเจรจานั้น มาจาก 3 ปัจจัย คือ แพ็กเกจจิ้งและฉลาก สินค้าขาดจุดเด่น และ ราคาสูงเกินไป

 
 
 
               ไม่เพียงเท่านี้ภายในงานยังมีบูธพันธมิตรที่มาให้คำปรึกษา โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถขอคำปรึกษาจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สถาบันบาร์โค้ด) และสภาธุรกิจไทยในดูไบและรัฐตอนเหนือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (TBC) เพื่อใช้ในการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพ นวัตกรรม การต่อยอดการขาย
 
 
               พร้อมกันนี้ ผู้ประกอบการยังได้ทำความรู้จักกับโซลูชั่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาตอบสนองกับธุรกิจยุคดิจิทัล โดยมีบูธที่รวบรวมเทคโนโลยีสำหรับช่วย SME ในการทำธุรกิจ ได้แก่ Flow Account, Senior soft, Tax specialist, Skootar, Giztix, Orbit, iTopPlus, LINE@, AIS SME และBentoWeb  
 

 
 
 
               และอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการได้รับจากการเข้าร่วมงาน คือการได้พบเจ้าหน้าที่จัดซื้อของแต่ละช่องทางโดยตรง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีกว่ากว่าจะฝ่าด่านไปจนถึงฝ่ายจัดซื้อตัวจริงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการมาเจรจาธุรกิจในงานนี้ จึงเสมือนเป็นทางลัดให้กับเอสเอ็มอีได้เจอกับฝ่ายจัดซื้อและคุยกันจบในวันเดียว เป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดให้กับธุรกิจ


 
             นอกจากนี้ งาน “SME Matching Day 2017” ยังกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ต่างๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขยายตลาดไปต่างประเทศ  อย่าง CLMV และตะวันออกกลาง การทำธุรกิจในเชิงดิจิทัล รวมถึงการถ่ายทอดประสบการณ์จากเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เพื่อจะได้นำความรู้ไปปรับใช้ในธุรกิจและเห็นลู่ทางโอกาสใหม่ๆเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตยั่งยืนได้นั่นเอง
 
 
               โดยหัวข้อสัมมนานั้นเริ่มจาก “เปิดขุมทรัพย์ตลาดตะวันออกลาง” โดย คุณอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ ประธานสภาธุรกิจไทยในดูไบและรัฐตอนเหนือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งผู้ประกอบการต่างได้รับความรู้และเทคนิคการเข้าถึงตลาดรวมถึงเทรนด์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่ง รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ที่ตลาดนี้มีความต้องการอย่างมาก

 
 
 
               ต่อมาจะเป็นสัมมนาในหัวข้อ “ก้าวแรก SME ไทย สู่ตลาด CLMV” จาก 4 มุมมองของผู้เชี่ยวอย่าง คุณสยาม รามสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ให้คำแนะนำแก่เอสเอ็มอีที่คิดจะทำตลาดนี้ว่า สามารถเริ่มได้จากการทำการค้าแบบชายแดน ซึ่งวิธีนี้ใช้ต้นทุนไม่สูงมาก สินค้ายังไม่ต้องหลากหลาย เน้นเฉพาะกลุ่มก่อน หลังจากนั้นค่อยศึกษาตลาดให้มากขึ้น พร้อมกับการหาตัวแทนจำหน่าย (Distributor) โดยเฉพาะในระยะยาวแนะนำว่าการให้ตัวแทนจำหน่ายทำตลาดแทนจะคุ้มค่าและดีกว่าที่เอสเอ็มอีจะเข้าไปทำเอง  
 
 
               คุณนพดล เจริญทอง ผู้อำนวยการฝ่ายขายกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เอสเอพี ประเทศไทย ที่ได้นำเอาผลการสำรวจมายืนยันว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการเห็นถึงความสำคัญของการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตัวเองและคู่แข่ง และนำไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้องค์กรได้ในอนาคต
 
 
               ส่วน คุณนันทิศา อัครเกษมพร ผู้ช่วยผู้จัดการธุรกิจ LINE@ ไลน์ ประเทศไทย ก็ได้มาเผยให้เห็นเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมแนะนำปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ โดย 51.2% คือการนำเสนอ 50.5% เป็นเรื่องของรูปภาพสินค้า 46.4% เรื่องของราคา 46.2 % ช่วยประหยัดเวลา และสุดท้าย 41% โปรโมชั่น 



              ในขณะที่ คุณอภิชญา เตชะมหพันธ์ Head of Channel Partnerships, Google Thailand ที่ได้มาชี้ให้เห็นถึงโอกาสของตลาดอีคอมเมิร์ซอาเซียน ที่คาดว่าในปี 2020 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีนักช้อปออนไลน์พร้อมซื้อมากถึง 100 ล้านคน นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยขยายตลาดไปต่างประเทศ หรือแม้แต่เคยส่งออกไปแล้ว แต่ยังไม่เคยทำออนไลน์ 

 
 
 
               ปิดท้ายเวทีสัมมนาด้วยวงเสวนาจาก 3 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จ อย่าง คุณชนิสรา โททอง ผู้ก่อตั้ง Diamond Grains กราโนล่าสายคลีนเจ้าแรกในไทย, คุณช่อทิพย์ ประสิทธิชัย ผู้ก่อตั้ง COSLUXE แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่สาวๆ ต้องมีติดกระเป๋าไว้ และ คุณทัดณัฐ ฉันทธรรม์ ผู้ก่อตั้ง แมลงอบกรอบไฮโซ นวัตกรรมแมลงอบกรอบเจ้าแรกของไทย ซึ่งมาร่วมเผยเคล็ดลับที่ทำให้ธุรกิจของแต่ละคนประสบความสำเร็จ ภายใต้หัวข้อ “ยอดขายร้อยล้าน ปั้นง่ายนิดเดียว” เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเป็นต้นแบบให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายอื่นๆ ได้นำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองได้
 
 
 

 
 
               ทั้งนี้ งาน “SME Matching Day 2017” นับว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆที่เข้ามาช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้พัฒนาศักยภาพทั้งในแง่ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ รวมถึงแนวคิดในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะกิจกรรม Business Matching ที่เปรียบเหมือนเป็นกุญแจดอกสำคัญในการไขประตูลับให้กับเอสเอ็มอีสามารถขยายตลาดออกไปทั้งในและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: MARKETING

มิติใหม่แห่งการย้อมสีผม ใช้ “ใบตอง” แทนฟอยล์ ลดต้นทุน ลดโลกร้อนง่ายๆ แบบ 2 in 1  

ปกติเวลาที่พูดถึงใบตองสด ภาพแรกๆ ที่เด้งขึ้นมาในหัวของเรา ไม่ใช้ห่อขนมไทย ก็คงนึกถึงเทศกาลลอยกระทง แต่วันนี้น้องใบกล้วยสีเขียวคุ้นตานั้นมาในลุคที่เดิร์นกว่าคือ “ใช้ห่อผมเวลาทำสี” แทนฟอยล์กันแล้ว

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น