อัพเดต 5 สถิติ VIDEO MARKETING ที่ไม่ควรมองข้าม

TEXT : กองบรรณาธิการ


 
ปัจจุบันจะเห็นว่าผู้ประกอบการชอบโพสต์วิดีโอที่เกี่ยวกับแบรนด์ เพราะได้รับความนิยมมากกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่น และนี่คือ 5 สถิติล่าสุดของ Video Marketing ที่ Vidyard ผู้นำด้านแพลตฟอร์ม Video Marketing วิเคราะห์จากวิดีโอ 250,000 ชิ้น และวิดีโอสตรีมมิ่ง 600 ล้านชิ้น
 
สถิติแรก วิดีโอที่เกี่ยวกับธุรกิจถูกดูผ่านเดสก์ท็อป 86 เปอร์เซ็นต์ ดูผ่านมือถือ 14 เปอร์เซ็นต์ และวันพุธ เวลา 07.00-11.00 น. มีคนดูวิดีโอมากที่สุด



สถิติที่สอง แบรนด์ต่างๆ อัพวิดีโอเฉลี่ย 18 ชิ้นต่อเดือน โดย 85 เปอร์เซ็นต์ของแบรนด์ที่ทำวิดีโอมีทีมผลิตวิดีโอของตนเอง



สถิติที่สาม 56 เปอร์เซ็นต์ของวิดีโอที่เผยแพร่ในช่วงปีที่ผ่านมามีความยาวไม่เกิน 2 นาที และรูปแบบของเนื้อหาที่นำมาทำเป็นวิดีโอมากที่สุดคือ การอธิบายหรือชี้แจงในเรื่องต่างๆ การสาธิตวิธีใช้สินค้า How-To และประสบการณ์จากผู้ใช้จริง


สถิติที่สี่ 5 เปอร์เซ็นต์ของวิดีโอยอดนิยมทำให้ 77 เปอร์เซ็นต์ของคนดูดูวิดีโอจนจบ ส่วนวิดีโอทั่วไปมีคนดูจนจบแค่ 37 เปอร์เซ็นต์ วิดีโอที่มีความยาวน้อยกว่า 90 วินาทีมีคนดูจนจบ 53 เปอร์เซ็นต์ และมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ดูวิดีโอความยาวเกิน 30 นาทีจนจบ



สถิติสุดท้าย 35 เปอร์เซ็นต์ของแบรนด์ใช้เครื่องมือระดับกลางและเครื่องมือขั้นสูงวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมของคนดู ยอดวิวในแต่ละพื้นที่ และสิ่งที่มีผลกระทบต่อรายได้


รู้อย่างนี้แบรนด์ไหนยังไม่มีวิดีโอ ไม่ควรรอช้าแล้วนะ
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

ธุรกิจร้านกาแฟโคม่าหนัก เกาหลีใต้เพิ่งเจอ ปัญหาคาเฟ่ล้นเมือง ไทยจะตามรอยไหม ร้านใหม่เจ๊ง 2 ปี ร้านเก่าก็รอดยาก

รู้หรือไม่? ในโซล ที่มีคาเฟ่กว่า 80,000 ร้าน นั้น... ตอนนี้ ร้านที่ 'ปิดตัว' แซงหน้า 'ร้านที่เปิดใหม่' ไปแล้ว นี่คือวิกฤตครั้งแรกในรอบ 60 ปี!

Giving Machine ตู้กดบุญอัตโนมัติ เปลี่ยนการทำบุญให้ง่าย อยากทำแบบไหน ก็เลือกได้เลย

วันนี้ตู้กดอัตโนมัติถูกพัฒนาไปไกล ถึงขั้นกลายเป็น “ตู้กดบุญ” กันแล้ว ตู้ดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Giving Machine’ โดยเปลี่ยนจากการกดซื้อสินค้ามาเป็นการเลือก “รายการบริจาค” แทน

เจาะลึก 5 เทรนด์ influencer Marketing มาแรง แบบไหนดี แบบไหนโดนใจลูกค้า

เทรนด์อินฟลูเอนเซอร์กำลังเปลี่ยนจากภาพลักษณ์หรูหรา มาเป็นความเรียล ความสัมพันธ์ และคาแรกเตอร์เฉพาะตัวมากขึ้น เพราะอินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่แค่ผู้บอกเล่า แต่เป็นผู้ส่งต่อความตั้งใจแบรนด์ ที่มีอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกของผู้บริโภค