ไม่อยากตายในสงครามราคา ใช้ 5 เทคนิคนี้ โดดหนีจากคู่แข่ง

Text : กองบรรณาธิการ
 

 
     การทำธุรกิจ คงหลีกเลี่ยงคู่แข่งที่พยายามเล่นสงครามราคากับเราไม่ได้ ดังนั้น มาดูแนวคิดสร้างความแตกต่างเพื่อหลุดออกจากสงครามราคา เพื่อให้ขายสินค้าได้อย่างมีกำไร สามารถสร้างความแตกต่าง และทำให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน ด้วย 5 เทคนิคต่อไปน่ี้

 
1. เป็นมากกว่าร้านค้า (มากกว่าขายสินค้า)

     บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจขายโทรทัศน์และโฮมเทียเตอร์เป็นผลิตภัณฑ์หลัก ขณะเดียวกันเขาก็สามารถขายบริการการติดตั้ง การประกันสินค้า และรับซ่อมได้ด้วยเช่นกัน วิธีนี้จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้ พร้อมกับอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อได้รับความสบายจากการซื้อสินค้าจากเราได้มากขึ้น

 
2. สร้างความแตกต่าง

     อุตสาหกรรมยานยนต์นั้น มีการแข่งขันที่สูงมาก แต่ละบริษัทจึงต้องพยายามสร้างความแตกต่างที่โดดเด่นให้ลูกค้าได้รับรู้อย่างชัดเจน เช่น ทุกคนจะรู้จักฟอร์ด (Ford) ในด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ส่วนวอลโว (Volvo) เรื่องความปลอดภัย ขณะที่ออดี้ (Audi) เน้นความสปอร์ตหรูทรงพลัง ซึ่งเมื่อมีคนต้องการซื้อรถ ย่อมมีการหยิบยี่ห้อ A กับ B มาเปรียบเทียบกัน เพื่อหาจุดเด่นที่เหมาะสมกับตัวเองและเงินในกระเป๋า หากเรามีจุดเด่นที่เหมาะสมกับเงินในกระเป๋าของกลุ่มลูกค้า ย่อมมีโอกาสขายได้สูงตามไปด้วย 

 
3. เปลี่ยนแนวคิดการจ่ายเงิน

แทนที่จะเป็นผู้ให้บริการระดับสูง หรือเป็นผู้ให้บริการแบบ Low Cost ทำไมไม่ลองเปลี่ยนแนวคิดมาเป็นการจ่ายเงินของลูกค้าแทนละ ? ลองนึกถึงอุตสาหกรรมสปาดู เราสามารถจ่ายเงิน 1,000 บาท สำหรับการนวดสปาในสถานที่เงียบสงบ และพนักงานมีความเป็นมืออาชีพ หรือจ่ายเงิน 300 บาทกับร้านนวดสปาที่ไหนก็ได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องดีมาก แค่พอนวดเป็นและนวดได้ก็พอ และทางเลือกที่สามก็คือ เก็บค่านวดแบบค่าสมาชิกรายเดือน หรือรายสัปดาห์ ซึ่งวิธีที่สามนี้ ลูกค้าจะเป็นกลุ่มใส่ใจสุขภาพที่มองหาการนวดเพื่อแก้ปัญหาด้านสุขภาพหรือผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องมากกว่าการคำนึงถึงความคุ้มค่าต่อชั่วโมงที่เขาจะได้รับ

 
หากเป็นร้านค้าออนไลน์ อย่าลืมสร้างช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ทั้งโอนเงิน บัตรเครดิต และชำระเงินปลายทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้ออย่างเต็มที่ ลูกค้าจะได้ไม่หันไปซื้อสินค้าจากคู่แข่งที่มีความพร้อมในด้านนี้มากกว่าแทน

 
4. ตรวจสอบกลยุทธ์ทางการตลาด

     เปลี่ยนวิธีการซื้อของลูกค้า หรือวิธีที่เขาได้รับผลิตภัณฑ์จากเรา สองแนวคิดนี้จะช่วยเปลี่ยนธุรกิจของเราให้เติบโตได้อีกมาก ยกตัวอย่างเช่น ลองนึกดูว่าปกติเราซื้อสินค้าจากที่ใด โดยทั่วไปเรามักไปที่ซุปเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่เพื่อมองหาสินค้าราคาถูก หรือสินค้าโปรโมชั่นต่างๆ ไม่ก็ไปตามตลาดเพื่อซื้อมะนาวกับผักสดจากสวน แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากร้านเล็กๆ ของเรารับส่งสินค้าไปถึงหน้าประตูบ้าน ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาซื้อสินค้า ขณะที่เราก็สามารถมอบความสดใหม่และราคาที่ใกล้เคียงกับตลาดและซุปเปอร์สโตรไปให้ถึงบ้าน

 
5. รู้จักใช้จิตวิทยา

     แคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากซื้อให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้น บางครั้งก่อนที่เราจะขายสินค้าได้ อาจต้องลงทุนเรื่องการตลาด และทำให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ก่อนว่ามีแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ ผลิตภัณฑ์ของเราดีอย่างไร และหาซื้อได้ที่ไหน หรือถ้าเราเป็นร้านกาแฟประจำย่านธุรกิจ ก็ต้องมีความจำที่ดี รู้จักทักทาย พูดคุยกับลูกค้า จำชื่อได้ จำเมนูโปรดของลูกค้าให้ได้ หากเราทำได้ดี จิตวิทยาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะสร้างความเป็นตัวตนให้กับร้านของเรา และเรียกให้ลูกค้ากลับมาหาได้ไม่ยาก

 
นำแนวคิดทั้งหมดมารวมกัน

     หากวิธีการทั้งหมดด้านบนสามารถช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนใจมาซื้อสินค้าของเราได้ อย่าลืมจินตนาการกลยุทธ์อื่นๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะโลกหมุนอยู่ตลอดเวลา และกลยุทธ์เดิมๆ ไม่สมารถนำมาใช้ได้ตลอดไป ยกตัวอย่างเช่น กรณีร้านขายของชำ อาจเรียกเก็บค่าสมาชิก เพื่อจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าฟรีในระยะ 1 กิโลเมตร เราอาจมีค่าขนส่งเพิ่มขึ้น แต่ก็ได้ลูกค้าขาประจำเพิ่มมากขึ้นด้วย

 
     ในปัจจุบัน ทุกธุรกิจล้วนต้องพยายามสร้างความแตกต่างเพื่อให้สามารถขายสินค้าให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องหลีกเลี่ยงสงครามราคา เพื่อให้มีกำไรเหลือไว้บริหารจัดการธุรกิจให้มากที่สุด  


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024