6 Steps to a Successful online Content Strategy

 

 
 
 เรื่อง : สิปปวิชญ์ วรรณสุศรี 
           Contact@thebranddynamic.com
           www.Branddynamic.co.th
 
    

วันนี้ผมจะขอพูดถึง 6 ขั้นตอนการสร้างแบรนด์บนโลกออนไลน์ ผ่านวิธีการใช้เนื้อหา เพื่อนำเสนอจุดยืนและตัวตนให้ชัดเจนของแบรนด์ อันจะเป็นแนวทางให้ผู้อ่านได้นำไปใช้งานต่อได้
 
 
 
  
1. การวางแผน (Planning) 
 
เฉกเช่นเดียวกับการดำเนินงานในเรื่องใดๆ ก็ตาม ย่อมต้องมีการวางแผนงาน โดยการวางแผนนี้ อาจใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Content marketing Mission statement เข้ามามีส่วนช่วยให้คุณตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมโดยรอบที่ต้องคำนึงถึง โดย Content marketing Mission statement ที่จะกำหนดขึ้นจะเป็นตัวบ่งบอกถึง 3 สิ่งสำคัญที่ใช้เป็นแกนในการสื่อเรื่อง ราว นั่นคือ 1.กลุ่มเป้าหมายหลักที่เราจะทำการสื่อสารด้วย 2.Key message ที่จะสื่อสารกับคนกลุ่มนั้นคืออะไร ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูล คำแนะนำ หรือแรงบันดาลใจโดย Key message ที่จะส่งควรคำนึงถึง Key word ที่กลุ่มเป้าหมายมักจะนึกถึง หรือมีความเกี่ยวโยงกับบริบทของสิ่งที่เราเป็น และ 3.ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายนั้นคืออะไร 
 
 
 
2. กลุ่มเป้าหมาย (Target Audience)  
 
กลุ่มเป้าหมายในข้อนี้ ก็คือ คนๆ เดียวกับกลุ่มเป้าหมายที่ได้ออกแบบและกำหนดไว้ในขั้นตอนการ Planning โดยขั้นตอนนี้ ต้องค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายในด้านสำคัญต่างๆ ดังนี้ 1.Target’s Insight/Challenge กลุ่มเป้าหมายมีปัญหาหรือมีความต้องการด้านใดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่ท่านดูแลอยู่ จุดนี้เองถือเป็นข้อมูลที่มีค่าที่ท่านจะนำไปสร้างสรรค์เนื้อหาเรื่องราวต่างๆ มาตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคได้ และนอกเหนือจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มที่บริโภคสินค้าโดยตรงแล้ว คนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญไม่น้อยในการสร้างกระแสและการยอมรับให้กับท่านได้นั่นก็คือ Target’s influencer หรือที่เราเรียกว่ากลุ่มคนเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย เพราะคนต้นแบบเหล่านี้ถือเป็นหลักประกันอย่างดีในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสิ่งที่สื่อสารออกไปได้ สำหรับ Target’s influencer ในโลกออนไลน์ ได้แก่ บรรดา Blogger, Guru Facebook, Twitter ที่มีคนสนใจติดตามข่าวสารต่างๆ นั่นเอง
 
 
 
3. ประเด็นหรือความคิดที่จะนำเสนอ (Big Idea/Powerful Story) 
 
ข้อนี้ถือเป็นหัวใจของการสร้าง Content marketing ให้ประสบผลสำเร็จเลยก็ว่าได้ เพราะโครงเรื่องที่ดีย่อมนำไปขยายความต่อและถ่ายทอดเป็นเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ จุดนี้ควรถามตัวเราในฐานะเจ้าของแบรนด์หรือผู้ดูแลแบรนด์ว่าอะไรในแบรนด์ของเราที่จะทำให้มีผู้สนใจและให้การติดตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้องการจะสร้างฐานที่มั่นของแบรนด์ในโลกออนไลน์ ซึ่งนักท่อง Social Media มักจะกระหาย โหยหา เนื้อหาที่เข้าถึง เข้มข้น โดนใจ สิ่งสำคัญต่อมาที่ทุกท่านควรคำนึงถึง นั่นก็คือการสร้าง Road map content ที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภค ทั้งในระยะสั้น ที่อาจต้องประเมินกระแสตอบรับกันเป็นรายสัปดาห์ ระยะกลางรายเดือน หรือระยะไกล เป็นรายสามเดือน เป็นต้น
 
 
 
 
4. ช่องทางการสื่อสาร (Channel) 
 
สิ่งสำคัญถัดมาที่จะลืมเสียไม่ได้ คือการกำหนดช่องทางการสื่อสารให้ตรงกับวัตถุประสงค์ และพฤติกรรมการเสพสื่อของกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ในขั้นตอนนี้ สิ่งจำเป็นคือการทำการสำรวจว่ากลุ่มเป้าหมายมักจะมีการเสพสื่อที่ให้เนื้อหาในรูปแบบใดบ้าง อาทิ การอ่านบทความจากเว็บไซต์ การชมคลิปวิดีโอ การเซิร์ชหาข้อมูลจากเซิร์ชเอนจิน การเล่น Social Media เป็นต้น เพื่อที่จะได้รับทราบถึงช่องทางที่เข้าไปติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ แต่ทั้งนี้ ท่านก็ควรเลือกช่องทางตามความเหมาะสมของเนื้อหาที่ต้องการสื่อด้วย และที่สำคัญคือ ควรมีการวางเป้าหมายของช่องทางที่เลือกใช้ ตัวอย่างเช่น เลือกใช้ Youtube เป็นตัวสร้าง Awareness โดยกำหนดเป้าหมายของผู้เข้าชม Clip จาก Youtube เป็นจำนวนเท่าใดและจำนวนที่คลิกต่อไปยัง websiteของแบรนด์นั้นมีจำนวนเท่าใด เป็นต้น
 
 
 
5. กระบวนการควบคุม (Process) 
 
เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่มีความสำคัญที่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการทำ Content marketing Strategy อย่างชัดเจน เพราะกระบวนการผลิตและการสื่อสารออกไปนั้น ย่อมต้องมีการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานให้อยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน เพราะในความเป็นจริงแล้วเนื้อหาหรือสื่อต่างๆ ที่ถูกนำเสนอออกไปสู่โลกออนไลน์นั้น ได้มาจากหลากหลาย แหล่ง ทั้งการเขียนและการผลิตเองภายในองค์กร หรือการนำเนื้อหา และข้อความที่มีผู้อื่นนำเสนอไว้แล้ว มานำเสนอต่อ หรือที่เรียกว่า Content Curation และความหลากหลายจากแหล่งที่มานั้นเอง จึงต้องมีการควบคุม และกำหนดทิศทางให้ เป็นไปในมาตรฐานทางเดียวกัน และขั้นตอนนี้เองเรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ประสบการณ์ความชำนาญของผู้ควบคุมในการที่จะคัดเลือกสิ่งต่างๆ มานำเสนอ ให้เข้ากับตัวตน และ Positioning mood & tone ของแบรนด์ที่วางไว้ ไม่มากไม่น้อย และกลมกล่อมพอดี สำหรับผู้ที่เราทำการสื่อสารด้วย
 
 
 
6. กระบวนการวัดผล (Measurement) 
 
แม้จะเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังสุด หากแต่ในความเป็นจริงแล้วกระบวนการวัดผลนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการอื่นๆ ที่กล่าวมาก็ได้ เพราะการวัดผลจะเป็นตัวสะท้อนข้อดีหรือข้อบกพร่องที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขในการทำงานครั้งต่อๆ ไปได้ ทั้งนี้ ผมขอยกตัวอย่างเครื่องมือชี้วัดความสำเร็จของ Content Marketing เช่น ด้านการเข้าถึงแบรนด์ ดูได้จากจำนวน Unique visits/number of fan page ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่วัดผล หรือจากอันดับของการแสดงผลในเว็บ Search Engine หรือด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ดูจาก Bounce rates/time spent อัตราการคลิกเปลี่ยนหน้า และระยะเวลาที่ผู้อ่านอยู่กับเนื้อหาที่นำเสนอให้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการได้ดีมากน้อยเพียงใด และเป็นข้อมูลที่ก่อให้เกิดความสนใจมากน้อยเพียงใด หรือด้านอารมณ์ร่วม ดูจากการแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นยอด Comments/share/Like/recommended ก็เป็นอีกตัวชี้วัดความสำเร็จของ Content ของท่านในโลกออนไลน์ 
 
ทั้งหมดนี้เป็น 6 กระบวนการสำคัญที่จะทำให้ทุกท่านได้เข้าใจวงจรของการสร้าง Content marketing บนโลกออนไลน์ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการสร้างให้เกิดการรับรู้ การเข้าถึง และความเข้าใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ และผมเองก็หวังว่าเครื่องมือนี้ จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ไทยได้สร้างตัวตนผ่านการเล่าเรื่องราว Content marketing ให้เกิดขึ้นทั้งในโลกออนไลน์และในโลกของการค้าการทำธุรกิจจริงๆ ของท่านด้วยเช่นกัน
 
 
 
 

RECCOMMEND: MARKETING

ซูชิแบบใหม่ พกไปอร่อยที่ไหนก็ได้ ไอเดียสุดสนุก เพื่อชีวิตเร่งด่วนของคนเมือง

ตามไปดู SUKA SUSHI ซูชิ grab-and-go ที่มาพร้อมโชยุในหลอดยาว เพียงแค่แกะด้านบนของซูชิ ใช้หลอดโชยุดันจากด้านล่าง ซูชิที่ถูกหั่นเป็นคำก็จะออกมา และถือทานได้อย่างสะดวกสบายไม่ต้องใช้จานหรือตะเกียบ สามารถกินได้ทันที!

14 ปี LINE จากแชตสู่พันธมิตร ยกระดับธุรกิจ SME ไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

14 ปีที่ LINE ไม่ได้เป็นแค่แอปแชต แต่กลายเป็น “พันธมิตรธุรกิจ” ที่ช่วยให้ SME ไทยแข็งแรงขึ้นในยุคที่ความเร็ว ประสบการณ์ ข้อมูล คือหัวใจของการแข่งขัน

เลิกบริการผิดวิธี ถ้าอยากขายดียุคนี้ ต้องทำให้ Social Battery ลูกค้าหมดช้าที่สุด

ใครว่าบริการที่ดีต้อง "ยิ้ม ต้องทัก ต้องถาม" เสมอไป? วันนี้ธุรกิจที่ทำเงินได้ดี อาจเป็นร้านที่ "พูดน้อยที่สุด" และ "รบกวน Social Battery ลูกค้าให้น้อยที่สุด" ก็เป็นได้