​How to หนีตาย! เมื่อ Facebook ลดการเห็นแบรนด์





 

     ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวน่าตื่นตระหนกสำหรับแบรนด์ต่างๆ บนโลก Facebook คือการที่เจ้าพ่อสังคมออนไลน์อย่าง Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ได้ออกมาประกาศว่าจะลดการมองเห็นของ Page ต่างๆ ลงเพื่อให้คนได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น เรียกได้ว่าแบรนด์ต่างๆ น่าจะต้องเริ่มเตรียมรับมือให้ดี กลยุทธ์การทำตลาดบน Facebook จะต้องเปลี่ยนไปในทิศทางไหน แบรนด์จะต้องทำอย่างไร ถึงจะยังอยู่ได้บนโลก Facebook
 

     อนรรฆนาฏ ก้องพานิชกุล Chief Operating Officer ของ YDM Thailand ได้อธิบายถึงที่มาที่ไปว่าทำไม Mark Zuckerberg ถึงได้ตัดสินใจลดการมองเห็นของเพจต่างๆ ลง
 

     “จริงๆ ถ้าคนที่อยู่ในวงการดิจิทัล จะรู้อยู่แล้วว่าเขามีการปรับลดการ Reach ของเพจต่างๆ ลงเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่ Mark เองเพิ่งมาประกาศอย่างเป็นทางการชัดเจนเมื่อเดือนมกราคม ทำให้เป็นข่าวใหญ่คึกโครม สั่นสะเทือนวงการ ถามว่าที่มาที่ไปเป็นยังไงคือต้องดูที่จุดประสงค์ของเขาในการที่สร้าง Facebook ขึ้นตั้งแต่แรก คือเขาต้องการ Building Relationship สร้างพื้นที่ให้คนมีปฏิสัมพันธ์กับคนในเครือข่ายของตัวเอง เช่น ครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนที่ทำงาน แต่พอเวลาผ่านไป กลายเป็นว่ามีแบรนด์ต่างๆ เข้ามาทำการตลาดใน Facebook มากขึ้น ทำให้หน้า New feed ในปัจจุบันจะมีการมองเห็นของพวก Publisher แบรนด์ต่างๆ มากกว่าคนที่เราต้องการจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วยจริงๆ ทีนี้เขาก็ไปทำรีเสิร์ชว่าการที่คนเรามองเห็น New feed ของคนในเน็ตเวิร์คมีส่วนทำให้คนมีความสุขมากขึ้น Direction ในปีนี้ของ Facebook เลยปรับลดการมองเห็นของเพจต่างๆ ลง เป็นการปรับสมดุลมากกว่า”
 

     เมื่อผลการตัดสินใจดังกล่าวของพี่ Mark เป็นไปตามนี้ ทำให้แบรนด์ต่างๆ ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคอนเทนต์ของแบรนด์จะถูกทำให้หายไปจาก Facebook เพียงแค่แบรนด์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าก็จะยังคงได้เปรียบในตอนนี้
 




     “แบรนด์จะต้องได้รับผลกระทบแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่แบรนด์เคยทำมา เช่น ในอดีต ถ้าแบรนด์มีการทำคอนเทนต์ที่ดี สร้าง Engagement กับผู้บริโภค สร้างโพสต์ที่ดึงคนมามีปฏิสัมพันธ์หรือสร้าง Conversation ได้ แบรนด์เหล่านี้ก็จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าแบรนด์ที่วันๆ โพสต์ขายของอย่างเดียว ไม่เคยสร้าง Conversation เลย แบบนี้ Reach ก็จะลดลงในปริมาณมาก ส่วนเรื่องของโพสต์ขยะอย่างที่แบรนด์จะชอบจัดกิจกรรมให้เล่นเกม ไลค์แอนด์แชร์ กดแสดงความเห็นด้วย Emoticon แบบนี้เป็นโพสต์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นโพสต์ที่แบรนด์ต้องการให้คอมเมนต์ดูเยอะ แต่ความจริงแล้วไม่ก่อให้เกิด Conversation ที่แท้จริง พวกนี้ก็จะลดลง ถ้าจะจัดกิจกรรมก็ต้องหาทางอื่น เช่น ให้คนแสดงความคิดเห็นของเขาจริงๆ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คอมเมนต์แบบ Bomb”
               

     นอกจากนี้ อนรรฆนาฏ ยังได้แนะนำวิธีที่แบรนด์จะต้องปรับตัวหลังจากที่ Facebook เริ่มลดการ Reach และการมองเห็นของเพจต่างๆ ลงไว้ 4 ข้อด้วยกัน ดังนี้
 

1.ลองมอง Digital Tool อื่นบ้าง

     มีหลายแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับ Facebook แต่ก็อย่าลืมว่าในโลก Digital ยังมีอีกหลายช่องทาง มีอีกหลาย Tool ที่แบรนด์สามารถเลือกใช้ได้


     “มีหลายแบรนด์ที่มองว่า Facebook เป็น Tool เดียวในการทำ Digital ของเขา แบรนด์จะต้องเปิดตัวเองมากขึ้น นอกจาก Facebook ก็ยังมีทั้ง Instagram, Youtube, Website นอกจากนี้ Facebook Algorithm ไม่ค่อยนิ่งและมันไม่ง่ายเหมือน 7-8 ปีที่แล้ว อย่ามองว่า Facebook คือทุกอย่าง”
 

2.เน้นประสิทธิภาพของคอนเทนต์

     ตอนนี้สิ่งที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญคือเรื่องของคอนเทนต์ ต้องทำคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ มีการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า ของผู้บริโภค ทำคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์และตอบโจทย์คนมากขึ้น ไม่ใช่โพสต์ขายของอย่างเดียว
 

3.เตรียมเรื่อง Budget ให้พร้อม

     แน่นอนว่ามาถึงจุดนี้ที่ Facebook จะลด Reach ของแบรนด์ต่างๆ ลง นั่นหมายถึงคุณจะต้องเพิ่ม Budget เพื่อให้คนเข้าถึงแบรนด์คุณมากขึ้น ต้องมองว่า Facebook ก็คือมีเดียหนึ่งมีเดีย ไม่มีของฟรีอีกต่อไป
 

4.ใช้ Micro Influencer

     อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในตอนนี้คือเรื่องของ Micro Influencer เป็น Marketing Tool ใหม่ที่แบรนด์ต้องทำความรู้จัก ถ้าหากว่าคุณเลือก Micro Influencer ที่ใช่ Marketing เก่งพอในการเลือก ก็จะทำให้แบรนด์ของคุณสามารถฮิตติดตลาดได้อย่างไม่ยาก


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024