​Victoria’s Secret รับมืออย่างไร เมื่อคู่แข่งรุกหนักตลาดชุดชั้นใน







     เส้นทางสู่การเป็นแบรนด์ชุดชั้นในอันดับหนึ่งของโลกของ Victoria’s Secret นั้นถือเป็นความสำเร็จที่มักถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างด้านการวางกลยุทธ์การตลาด จากแบรนด์ชุดชั้นในที่ก่อตั้งเมื่อปี 1977 เพื่อเจาะกลุ่มพ่อบ้านหรือลูกค้าชายที่ต้องการซื้อชุดชั้นในเป็นของขวัญแก่คู่รัก เมื่อเปลี่ยนมือมาอยู่ในการบริหารของเลสลี เวกซ์เนอร์ แห่งบริษัทแอลแบรนด์ Victoria’s Secret  ก็มีการปรับโฉมใหม่ จากกลุ่มเป้าหมายเดิมก็เปลี่ยนไปสู่กลุ่มลูกค้าผู้หญิง โดยหัวใจสำคัญคือการออกแบบ สไตล์ และสีสันของชุดชั้นใน ที่ปรับเปลี่ยนให้ดูเซ็กซี่ มีรสนิยม หรูหราในแบบยุโรป เมื่อรวมกับกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ Victoria’s Secret จึงผงาดขึ้นแท่นแบรนด์ชุดชั้นในที่ใหญ่สุดในโลก
                 

     การก้าวสู่ความเป็นที่หนึ่งว่าเป็นเรื่องยากแล้ว ที่ยากยิ่งกว่าคือการรักษาสถานะนั้นให้คงอยู่ตลอดไป Victoria’s Secret เองก็เช่นกัน หลังจากที่เพลิดเพลินกับความสำเร็จพร้อมกับการแตกไลน์ไปยังสินค้าอื่น อาทิ ชุดนอน ชุดว่ายน้ำ ชุดกีฬา เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์ความงาม  และแม้จะยังครองส่วนแบ่งในตลาดชุดชั้นในถึง 61.8% โดยทำยอดขาย 1,100 ล้านดอลลาร์ (ในปี 2015) ดาวที่เคยจรัสแสงเริ่มหมองมัว เมื่อยอดขายลดลง และดัชนีราคาหุ้นบริษัทเริ่มถดถอย
               




     เหตุผลหนึ่งมาจากการเพิกเฉยต่อเสียงสะท้อนกลับจากผู้บริโภค โดยเฉพาะธุรกิจชุดชั้นใน ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทที่ส่วนใหญ่ผลิตมาเพื่อสาวเอวบางร่างดีหุ่นนางแบบ เหมือนดังเช่นบรรดาเหล่า “นางฟ้า” ซึ่งเป็นนางแบบในสังกัด Victoria’s Secret นำเสนอ สวนทางกับความเป็นจริงในปัจจุบันเพราะผู้หญิงอเมริกันมากกว่า 50% สวมเสื้อผ้าไซส์ 14-34 และยอดจำหน่ายเสื้อผ้าแบบพลัสไซส์เพิ่มขึ้น 34% นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา
               

     ไม่เพียงละเลยลูกค้ากลุ่มพลัสไซส์ การตั้งราคาก็เป็นประเด็นสำคัญ ชุดชั้นในของ Victoria’s Secret ที่มีราคาเฉลี่ย 40-50 ดอลลาร์นั้นถือว่าค่อนข้างสูง เพียง 2 ช่องโหว่ที่กล่าวมาก็เป็นโอกาสให้ ผู้เล่นรายอื่น เช่น Gap, Hanes และ American Eagle ยังไม่รวมแบรนด์ชุดชั้นในรายย่อยอีกจำนวนหนึ่งที่ดาหน้าเข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาด แต่คู่แข่งที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น Aerie แบรนด์ชุดชั้นในจาก American Eagle ที่ทำการตลาดตรงข้าม Victoria’s Secret โดยการเน้นแนวคิดสวยแบบธรรมชาติและยอมรับรูปร่างที่แม้จะไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง ชุดชั้นใน Aerie มีทุกขนาดสำหรับผู้หญิงทุกกลุ่ม นอกจากได้ใจลูกค้าแล้ว ราคายังน่าคบหาอีกด้วย ทำให้ยอดขาย Aerie เติบโตอย่างต่อเนื่อง
               

     ไม่เท่านั้น Victoria’s Secret ยังเผชิญคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง Amazon ยักษ์ค้าปลีกออนไลน์ที่เข้ามาจับตลาดชุดชั้นในเช่นกันในชื่อแบรนด์ Iris & Lilly ที่เน้นสปอร์ตบาร์และบราเลตต์ (เสื้อชั้นในผสมเสื้อครอปตัวสั้น) ที่ไม่ต้องวัดไซส์เป๊ะๆ ก็สวมใส่ได้ แบรนด์ชั้นใน Iris & Lilly ของอเมซอนเจาะกลุ่มมิลเลนเนียมที่นิยมช้อปออนไลน์ สนนราคานั้นย่อมเยาในราคาไม่เกิน 10 ดอลลาร์ บางชิ้นจำหน่ายเพียง 7 ดอลลาร์เท่านั้น   
                  


Cr: Victoria’s Secret    

 
     ระหว่าง  Victoria’s Secret กับคู่แข่ง เปรียบแล้วดั่งกระดูกคนละเบอร์ก็จริง แต่การปล่อยให้โดนตอดส่วนแบ่งแม้จะดูเล็กน้อยไปเรื่อยๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ Victoria’s Secret จึงเริ่มเคลื่อนไหว โดยหลังจากที่ชาเรน เจสเตอร์ เทอร์นีย์ ซีอีโอแผนกชุดชั้นในลาออกเมื่อต้นปี 2016 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการผลิตชุดว่ายน้ำ รองเท้า และเสื้อผ้า รวมถึงแคตาล็อก ลดการทำกิจกรรมโปรโมชั่น เช่น การแจกคูปองส่วนลด และการแลกรางวัล แล้วหันไปเน้นการตลาดเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์
               

     สิ่งที่สร้างความสงสัยแก่คนทั่วไป คือเหตุใดจึงตัดสินใจยุบธุรกิจชุดว่ายน้ำในเมื่อมันก็เป็นธุรกิจที่ใกล้เคียงกับชุดชั้นใน แถมยังเป็นธุรกิจที่ทำยอดขายกว่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6.5% ของยอดขายสินค้าโดยรวมทั้งหมด เลสลี เวกซ์เนอร์ บิ๊กบอสแห่ง Victoria’s Secret เปิดเผยเหตุผลที่ตัดธุรกิจชุดว่ายน้ำทิ้ง ก็เพื่อต้องการจะเน้นที่ธุรกิจชุดชั้นในซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท และเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจที่ดีในระยะยาว โดย Victoria’s Secret จะโฟกัสที่การออกแบบชุดชั้นในให้เป็นทั้งแฟชั่นและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
แต่ดูเหมือนว่า แม้จะการยกเลิกสายพานผลิตชุดว่ายน้ำ ตั้งแต่เดือนพ.ค. 2016 หรือผ่านไปเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ความรู้สึกด้านลบจากลูกค้าก็ยังมีอยู่ อาจจะด้วยความเสียดายหรืออะไรก็ตาม แต่นักวิเคราะห์ต่างมองว่า Victoria’s Secret มาถูกทางแล้ว หลังจากซวนเซไปบ้าง แต่ถ้าแก้ไขสถานการณ์ทัน ไม่มีอะไรที่สายเกินไป
  

ที่มา
www.businessinsider.com/why-victorias-secret-dropped-swimwear-2016-4
www.businessinsider.com/victorias-secret-gamble-to-ditch-swimwear-2018-1


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง