ใครจะอยู่ ใครจะไป เมื่อ Facebook กวาดล้างเพจไร้ประสิทธิภาพ







     หลังจากที่ Mark Zuckerberg ได้ขยับตัวอย่างต่อเนื่องถึงทิศทางของ Facebook ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดก็ได้สรุปเป็นนโยบายทั้ง 7 ข้อ (www.facebook.com/policies/brandedcontent) ใจความสำคัญที่จะส่งผลต่อแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงเหล่าบล็อกเกอร์, Influencer และ Publisher ที่ใช้ Facebook เป็นพื้นที่ในการหาเงินนั่นคือ ข้อ 6 ซึ่งบอกว่า “อย่ายอมรับสิ่งที่มีค่าใดๆ เพื่อโพสต์เนื้อหาที่คุณไม่ได้สร้าง หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้าง หรือไม่ได้มีคุณอยู่ด้วย” แบบนี้หลายแบรนด์คงเริ่มร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาบ้างว่าถ้าทำผิดกฎดังกล่าวจะโดน Mark กวาดล้างจริงหรือไม่ แล้วต่อไปนี้ต้องทำคอนเทนต์แบบไหนถึงจะอยู่รอดบน Facebook ต่อไปได้

 
     ในเรื่องนี้ ณัฐวีร์ ตันติสัจจธรรม กูรูด้าน Digital Marketing ได้มองว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของ Facebook เป็นเรื่องธรรมดาเพื่อดึงดูดให้ผู้คนยังอยู่บน Platform นั้นได้นานที่สุด อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงนี้ยังเกิดจากที่ Facebook เห็นความสำคัญของเรื่อง Quality Content เพื่อให้เกิดเป็น Community โดยสมบูรณ์
 

     “การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบน Facebook เป็นเรื่องปกติที่แต่ละช่องทางบนโลกดิจิตอลต้องมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลง เพื่อดึงดูด Audience ให้อยู่กับ platform นั้นๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะ Facebook ที่เป็น Social Media ที่มีคนใช้เยอะที่สุดในโลก เรียกว่าเกิดมาทุกคนต้องมี Facebook เปรียบเหมือนบัตรประชาชนบนโลกออนไลน์ที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเรา มีตัวตนจริงๆ การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนของผู้ที่เห็นความสำคัญกับเรื่อง Quality Content หรือ คอนเทนต์เชิงคุณภาพมากขึ้น จะมีการคิดถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เรื่องของการวิเคราะห์ Customer Persona เชิงลึกจะเกิดขึ้นว่าลูกค้าต้องการเสพคอนเทนต์แบบไหนที่แท้จริง”
 

     แน่นอนว่าเมื่อคอนเทนต์ที่ดี คือคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ จะต้องเตรียมตัวเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดี เข้ากับผู้บริโภคอย่างแท้จริง อีกทั้งเหล่า Influencer หรือ Micro Influencer ที่มักจะรับหน้าที่เป็นผู้สื่อสารระหว่างแบรนด์สินค้าและคนทั่วไปคงจะต้องเน้นทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมากขึ้น ถ้าแค่โฆษณาหรือแชร์คอนเทนต์จากแบรนด์อย่างเดียวอาจจะทำให้ Page ของคุณกลายเป็น Page ไม่มีคุณภาพ
 

     “สำหรับคนที่เป็น Influencer หัวใจหลักคือการเอาใจใส่ Audience หรือผู้ชม เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน และคอยคัดสรรคอนเทนต์ที่ดีมาสู่สายตา Audience ก็จะทำให้ Influencer เหล่านี้ได้รับความนิยมไม่ใช่แค่โฆษณาหรือขายของอย่างเดียว แต่ถ้าจะขายก็ให้ตรงๆ จริงใจ บอกไปชัดเจน ซึ่งที่มาแรงคือ Micro Influencer จะมีเยอะขึ้น ผู้บริโภค ต่างรอคอนเทนต์ที่เกิดขึ้นจริง ถูกพิสูจน์แล้วจริงๆ จากคนที่มีอิทธิพลกับพวกเขาจริงๆ และคนเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่ดารา อาจจะไม่ใช่ Celebrities แต่เป็นคนทั่วไปที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดี เพราะแบรนด์ ธุรกิจ SME หรือ Influencer ก็ต้องปรับตัวการนำเสนอคอนเทนต์ Quality & Real ให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เรียกว่าเป็นการกวาดล้างและเริ่มต้นใหม่ให้กับพื้นที่ที่ต้องการสร้างตัวเองเป็น Community อย่างแท้จริงอย่าง Facebook เพื่อรักษาจำนวนผู้ใช้ให้อยู่กับ Platform ได้นานขึ้น”

 
Cr: Variety 


     หลังจากนี้คงเรียกได้ว่าเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจต่างๆ หรือแม้แต่เหล่า Influencer ที่ใช้ Facebook เป็นช่องทางในการหาเงินคงต้องปรับตัวกันยกใหญ่เพื่อที่ทำให้คอนเทนต์เป็นคอนเทนต์ที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม ณัฐวีร์ ได้กล่าวว่า Facebook ก็เป็นเพียง 1 ช่องทางของโลกดิจิตอลที่ยังมีอีกหลาย Platform ที่น่าสนใจ ธุรกิจต่างๆ อาจจะต้องขยับตัวไปยังช่องทางต่างๆ อย่าหวังพึ่งแค่ Facebook เพียงอย่างเดียว
 

    “คงไม่ได้เรียกว่ายากแต่เป็นการท้าทายมากกว่า อาจจะยากสำหรับแบรนด์ที่ไม่พัฒนาหรือไม่เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพราะสำหรับ Facebook เราต้องทำพื้นที่ของเราให้เป็น Community ที่แท้จริง ตรงตามกับวิสัยทัศน์ที่ Facebook เขาอยากเป็น เราถึงจะอยู่กับเขาได้นานขึ้น แต่ Facebook เป็นเพียงประตู 1 บานจากอีกหลาย 100 บานบนโลกออนไลน์ ถ้าอยากที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักยังมีอีกหลายช่องทางที่ทำได้อยากให้ลองมองดูช่องทางอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น Google ที่มีช่องทางในการช่วย SME เยอะมากเช่นกัน Line@ ที่เป็นช่องทางในการสร้าง Customer Service ที่ดีและ เป็นการ Engage ถึงกลุ่มคนได้มากขึ้น Website ยังคงสำคัญเพราะเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องของ Search Marketing”
 

     สรุปก็คือ Facebook อาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนในสมัยก่อนเพราะในตอนนี้ Mark เองก็ต้องการที่จะปัดกวาดบ้านของเขาให้น่าอยู่ เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าอ่านเพื่อทำให้ผู้ใช้งานยังอยู่กับ Facebook ได้นานๆ กลายเป็น Community หรือชุมชนที่สตรอง เพราะฉะนั้นแบรนด์ต่างๆ อาจจะต้องลองมองหาความสนใจของผู้บริโภคแล้วทำคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์ ลดการขายลงบ้างแต่ถ้าจะขายก็ใช้ความจริงใจ ไม่หลอกลวง ถ้าคอนเทนต์คุณดี มีคุณภาพ ยังไง Facebook ก็ไม่ใจร้ายหรอก จริงไหม!
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024