คิดได้ไง? “เปลพักเท้า” สำหรับนักเดินทาง สินค้าสร้างสรรค์จากญี่ปุ่น







      ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อด้านการออกแบบสินค้าที่ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวัน บ่อยครั้งที่เราจะเห็นสินค้าบางอย่างวางขายแล้วได้แต่ทึ่งว่า “คิดได้ไง” อย่าง foot hammock หรือเปลพักเท้าก็เช่นกัน เป็นสินค้าของบริษัทซันวา ไดเร็ค ผู้ค้าปลีกออนไลน์ในญี่ปุ่น เชื่อว่าคนที่เดินทางบ่อยๆ คงอยากซื้อหามาไว้ใช้งานสักอัน สำหรับคนที่โดยสารเครื่องบินเที่ยวบินไกลหลายชั่วโมง คงจะนึกภาพออกว่าการวางเท้าบนพื้นเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไหวเวียนลงเท้า หากไม่เปลี่ยนอริยบท ก็จะมีอาการเท้าบวม หลายคน ถอดรองเท้าแล้วใส่กลับไม่ได้เพราะความบวมเป่งของเท้า สินค้าไอเท็มนี้จากซันวา ไดเร็คจึงน่าตอบโจทย์ที่สุด
 

     เปลพักเท้ามีลักษณะเป็นแผ่นผ้าที่มีสายยึดโยงความยาว 45-90 ซม. สามารถปรับความยาวตามชอบ ตัวเปลที่เป็นแผ่นผ้าใช้งานได้ทั้ง 2 ด้าน ด้านหนึ่งบุดผ้าไนลอน อีกด้านเป็นผ้าลักษณะหนานุ่ม  ด้านในเปลเป็นโครงเสริม 5 ชิ้นรองรับน้ำหนักเท้าให้อยู่ในท่าสบาย วิธีใช้คือกางโต๊ะพับหลังพนักด้านหน้าออก ปรับสายตามความเหมาะสมแล้วคล้องกับโต๊ะพับ เมื่อใช้งานเสร็จ สามารถพับเก็บใส่ซองแบบร่ม พกพาสะดวก น้ำหนักเบาเพียง 100 กรัม บริษัทผู้จำหน่ายระบุเปลพักเท้านี้สามารถปรับใช้บนรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นก็ได้ หรือพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งโต๊ะนาน ๆ จะซื้อหาไปผูกใต้โต๊ะทำงาน ป้องกันเลือดไหลเวียนไปคั่งที่ขาก็น่าจะดี สนนราคาจำหน่ายอยู่ที่ชิ้นละ 1980 เยนหรือราว 580 บาท
 


ที่มา : https://soranews24.com/2016/02/25/clever-travel-foot-hammock-is-just-the-thing-for-the-long-flight-to-japan/



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

3 เทรนด์ธุรกิจมาแรงปี 2026 ที่ SME ไม่ควรมองข้าม

ปี 2026 คือปีแห่งการเปลี่ยนผ่านของโลกธุรกิจ แต่สำหรับ SME ที่ต้องการ “ลงมือไว เห็นผลเร็ว” นี่คือ 3 เทรนด์ที่จับต้องได้ง่าย และมีโอกาสสร้างรายได้

Dr.Pong VS Supermom ขายของยังไงให้ได้ร้อยล้านพันล้าน สวนกระแสยุคที่คนหันมาสร้าง Personal Branding

ในขณะที่กลยุทธ์การสร้าง Personal Branding กำลังถูกพูดถึงว่าเป็นหนึ่งในหัวใจความสำเร็ของการทำธุรกิจในยุคออนไลน์ แต่ Dr.Pong VS Supermom คือสองแบรนด์ไทยที่เดินสวนกระแส แต่กลับสร้างธุรกิจระดับร้อยล้านล้านพันล้านได้

ฉลากชื่อแบรนด์ตัวโตๆ ยังเวิร์กอยู่ไหม? ในยุคที่ลูกค้าหาฟังก์ชันก่อนซื้อ

บนชั้นวาง ลูกค้าต้องการ “คำตอบ” ไม่ได้ต้องการ “ชื่อแบรนด์” แบรนด์ที่ยังยึดมั่นกับชื่อใหญ่ๆ แบบยุคเก่า กำลังเริ่มพบว่า “ตัวโต” ไม่ได้แปลว่า “ขายดี” อีกต่อไป