​8 เคล็ดลับปรับหน้าเว็บให้โดนใจลูกค้า





 

     แม้ยุคนี้โซเชียลมีเดียจะเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจ แต่อย่างไรแล้ว เว็บไซต์ ก็ยังคงมีความสำคัญเพราะเปรียบเสมือนบ้านของเราบนโลกออนไลน์ ฉะนั้นการปรับแต่งหน้าเว็บให้ดึงดูดลูกค้า จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่ตลอด และนี่คือ 8 เคล็ดลับที่จะช่วยสร้างหน้าเว็บแบบที่โดนใจลูกค้า
 




1. ตัดสิ่ง/คำ/ข้อความที่ไม่จำเป็นออก

     การใส่ข้อมูลที่ไม่จำเป็นบนหน้าเว็บมากเกินไปจะดันนักช้อปออนไลน์ถึง 62 เปอร์เซ็นต์ ให้เลิกค้นหาโปรดักต์และบริการที่ต้องการ นอกจากนี้ การใช้งานเว็บไซต์จะเพิ่มขึ้นถึง 58 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเว็บมาสเตอร์ตัดคำที่ปรากฏบนหน้าเว็บออกไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้นการตัดจำนวนคำที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็นออกจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้ เพราะโดยเฉลี่ยข้อความต่างๆบนหน้าเพจแค่ 28 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ถูกอ่าน
 




2. วางตำแหน่งอินโฟกราฟฟิกให้เตะตา

     การใช้อินโฟกราฟฟิกเข้ามาช่วยเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถดึงคนให้เข้าเว็บได้ แต่ตำแหน่งที่จะใช้วางเพื่อให้มองเห็นได้อย่างเด่นชัดก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยพบว่าผู้ใช้เว็บไซต์จะใช้เวลาถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในการหาข้อมูลจากส่วนครึ่งบนของหน้าเพจและใช้เวลา 69 เปอร์เซ็นต์เพื่อดูข้อมูลที่อยู่ตรงด้านซ้ายของหน้าเพจ ดังนั้นตำแหน่งการวางบริเวณด้านบนและด้านซ้ายของเพจถือเป็นจุดที่สามารถดึงความสนใจของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
 



3. รูปแบบง่ายต่อการอ่าน

     ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเข้าเว็บไซต์แล้วพบว่าสามารถหาข้อมูลได้ง่าย ดังนั้นการจัดองค์ประกอบต่างๆบนหน้าเพจต้องไม่ซับซ้อน เพราะผู้ใช้มักสแกนอ่านหน้าเว็บในลักษณะตัว F คือไปทางแนวนอน 2 ครั้งและแนวตั้ง 1 ครั้ง นอกจากนี้ การใช้ CTA (Call-to-Action) ที่ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม แบนเนอร์ ตัวอักษรหรือกราฟฟิกต่างๆในการช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์กระทำบางอย่างบนเว็บไซต์เช่นการคลิ๊กนั้นควรจัดให้อยู่ในรูปแบบแนวตั้งแบบสั้น รวมถึงการใช้ Navigation Bar หรือแถบบาร์ที่บอกเมนูหลักหรือลิงก์ที่เป็นส่วนเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาในเว็บควรจัดให้อยู่ในลักษณะแนวนอนแบบยาวและเฮดไลน์ควรจัดแบบแนวขวางอีกด้วย
 




4. โหลดให้ไว

     รู้หรือไม่ว่าผู้ใช้จะเข้าเว็บไซต์ลดลงถ้าการโหลดหน้าเว็บนั้นช้ากว่าคู่แข่งหรือใช้เวลามากกว่า 250 มิลลิวินาที อีกทั้ง 4 ใน 5 ของผู้ใช้ออนไลน์จะออกจากหน้าเว็บถ้าวีดิโอนั้นค้างขณะโหลด โดยนักช้อปออนไลน์คาดหวังว่าหน้าเพจควรใช้เวลาโหลดเพียงแค่ 2 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น ในขณะที่หลายคนเลือกที่จะออกจากหน้าเว็บนั้นๆหากใช้เวลาโหลดถึง 3  วินาที
 




5. เพิ่มขนาดของช่องค้นหา (Box Search)

     โดยเฉลี่ยช่องค้นหาจะใส่ตัวอักษรได้ 18 ตัว แต่หากขยายให้ได้ถึง 27 ตัวอักษรจะช่วยเรื่องคำค้นหาได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้การค้นหาข้อมูลหรือสิ่งที่ต้องการของผู้ใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 




6. วางหน้าเพจ (Page Layout) อย่างมีประสิทธิภาพ

     นอกจากรูปแบบของเว็บไซต์ต้องง่ายต่อการอ่านแล้ว Layout ของเพจควรปรับความยาวให้เหมาะสมหรืออยู่ที่ 1,000 – 1,600 พิกเซลและความกว้างควรอยู่ที่ 770 พิกเซล นอกจากนี้ควรวาง Layout ให้เหมือนกันทุกหน้าและควรมี Navigation Bar อยู่ทุกหน้าของเว็บและต้องอยู่ในตำแหน่งเดียวกันอีกด้วย
 




7. ใช้ Typography ให้เหมาะสม

     Typography หรือการจัดวางและออกแบบตัวอักษรและการจัดวางฟอนต์นั้นควรเหมาะสมสวยงามกับพื้นที่ว่างและองค์ประกอบต่างๆ โดยไม่ควรใช้ฟอนต์หลายประเภทเกินไปหรือถ้าจะใช้ควรใช้ให้น้อยที่สุด ไม่ควรใช้สีในการไฮไลท์ข้อความที่สำคัญเพียงอย่างเดียวควรเพิ่มสัญลักษณ์อื่นๆเข้าไปด้วย เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่มีอาการตาบอดสีซึ่งเป็นภาวะที่สามารถพบได้บ่อยในผู้ชายประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์และพบในผู้หญิงได้ประมาณ 0.4 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด นอกจากนี้ การใช้สีของข้อความนั้นควรใช้สีที่แตกต่างกันไม่เกิน 4 สีเพื่อลดความสับสนของผู้อ่าน รวมถึงความกว้างของบรรทัดหนึ่งๆควรมีตัวอักษรประมาณ 45 – 75 ตัว
 




8. ลิงก์ต้องเปลี่ยนสีได้

     สีของลิงก์นั้นควรเป็นสีฟ้าเพราะถือเป็นสีที่เว็บอื่นๆใช้เช่นเดียวกัน และควรมีการเปลี่ยนสีหลังจากคลิ๊กไปแล้วด้วย รู้หรือไม่ว่า 74 เปอร์เซ็นต์ของเว็บไซต์นั้นใช้สีต่างกันสำหรับลิงก์ที่เคยเข้าแล้วและยังไม่เข้าอีกด้วย นอกจากนี้ควรมีการบอกด้วยว่าลิงก์นั้นๆ จะพาไปที่หน้าเว็บใดเมื่อทำการคลิ๊กไปแล้ว       
 

 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง

Color Psychology: จิตวิทยาเรื่องสี ที่แบรนด์ใหญ่ใช้เพิ่มยอดขาย

สี…ก็เปลี่ยนยอดขายได้ ทำไม Facebook ใช้สีน้ำเงิน? ทำไม Chanel ถึงเลือกสีดำทอง? ทำไมฟาสต์ฟู้ดต้องสีแดง-เหลือง? คำตอบอยู่ที่ “Color Psychology” จิตวิทยาของสีที่แบรนด์ใหญ่ใช้สร้างกำไรมาแล้วทั่วโลก