​เมื่อแบรนด์อเมริกันตบเท้าเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนทำไม เหตุใดต้องเปลี่ยน





 

     ทราบหรือไม่ว่าก่อนที่จะกลายมาเป็นเสิร์ชเอ็นจิ้นอันดับหนึ่งที่คนทั่วโลกคุ้นเคย Google มีชื่อเดิมว่า “BackRub”  ส่วน Yahoo! นั้นเคยใช้ชื่อยาวเฟื้อยว่า “Jerry’s Guide to the World Wide Web”  หรือแบรนด์น้ำอัดลมดัง Pepsi ตอนเปิดตัวครั้งแรกด้วยชื่อ “Brad’s Drink” การเปลี่ยนชื่อบริษัทหรือแบรนด์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา สำหรับสาเหตุก็หลากหลายแตกต่างกันไป เช่น เปลี่ยนเนื่องจากชื่อเดิมสร้างความสับสนทำให้ลูกค้าเข้าใจผิด เปลี่ยนเพราะเจ้าของหันไปทำธุรกิจใหม่ หรือเปลี่ยนเนื่องจากชื่อที่ใช้อยู่ไม่ขลัง ไม่ทันยุค ขายไม่ได้แล้ว ไปจนถึงเปลี่ยนเพื่อปรับกลยุทธ์ และเปลี่ยนเพื่อกลบข่าวฉาวที่พัวพันบริษัท เป็นต้น
 
 
     ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน มีปรากฎการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในวงการธุรกิจสหรัฐฯ เมื่อหลายแบรนด์ดังพากันทยอยเปลี่ยนชื่อบริษัทกันเป็นแถว ไปดูกันว่ามีแบรนด์อะไรบ้างและเหตุใดแบรนด์เหล่านั้นจึงทิ้งชื่อเดิมแล้วหันไปใช้ชื่อใหม่
 


 

     Michael Knors แบรนด์แฟชั่น affordable luxury หรือประเภทความหรูที่จ่ายได้ เป็นรายล่าสุดที่เปลี่ยนชื่อจาก “Michael Knors” เป็น “Capri Holdings” ชื่อเกาะเล็ก ๆ อันเป็นสถานตากอากาศอันหรูหราในอิตาลี เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดในช่วงบริษัทประกาศแผนซื้อธุรกิจจิอานนี่ เวอร์ซาซมูลค่า 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากปีที่แล้วได้ซื้อกิจการรองเท้าจิมมี่ ชูไปแล้วในราคา 1,200 ล้านเหรียญ การเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Capri Holdings สะท้อนถึงความพยายามของบริษัทในการก้าวจากแบรนด์แฟชั่นที่คนทั่วไปควักกระเป๋าจ่ายได้ไปสู่การเป็นแบรนด์หรูราคาติดดาว แม้จะยังเก็บแบรนด์ Michael Knors ไว้เหมือนเดิม แต่การซื้อกิจการเวอร์ซาซจะเป็นการกรุยทางไปสู่ตลาดสินค้าแฟชั่นหรูระดับไฮเอนด์ในยุโรป
 



 
     Coach แบรนด์กระเป๋าที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในหมู่ลูกค้าชาวไทยก็เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก “Coach” เป็น “Tapestry” เมื่อเดือนตค.ปีที่แล้ว ไม่นานหลังบริษัทเข้าซื้อกิจการแบรนด์รองเท้าไฮเอนด์ Stuart Weitzman มูลค่า 574 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามด้วยแบรนด์แฟชั่น Kate Spade อีก 2,400 ล้านเหรียญ การใช้ชื่อ Tapestry ซึ่งหมายถึงพรมแขวนผนังสะท้อนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัท อุปมาเหมือนการถักทอเอาแบรนด์ต่าง ๆ มารวมบนพรมผืนเดียวกัน ขณะเดียวกันก็แสดงถึงความพยายามในการเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นแฟชั่นเฮ้าส์อเมริกัน
 



 
     Kraft แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคที่เราคุ้นเคยกันดี หลังจากที่ Kraft แยกธุรกิจคุกกี้นาบิสโก้ และโอริโอ้เป็นอีกบริษัทหนึ่งก็ให้ว่า “Mondelez” อ่านว่ามอน-ดา-ลีซ เพื่อสื่อถึงการเป็น “อาณาจักรแห่งความอร่อย” เนื่องจาก monde ในภาษาละตินหมายถึง โลกหรืออาณาจักร และ delez มีความหมาย การแสดงออกถึงความอร่อย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนชื่อใหม่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าฟังดูเหมือนชื่อโรคมากกว่า สำหรับชื่อ Kraft ทางบริษัทก็ยังใช้อยู่แต่สงวนใช้กับธุรกิจโกรเซอรี่ในทวีปอเมริกาเหนือเท่านั้น
 



 
     Weight Watchers แบรนด์ที่ให้บริการลดน้ำหนักของอเมริกาประกาศเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “WW” เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจบริการด้านสุขภาพโดยรวมไม่เจาะจงเฉพาะการลดน้ำหนักเช่นแต่เก่า การใช้ชื่อย่อ WW เป็นการรีแบรนดิ้งและสะท้อนการขยายธุรกิจให้กว้างขึ้นหลังจากที่บริษัทมีข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้านธุรกิจกับ Headspace ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการแพทย์ 
 



 
     Priceline บริษัทท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งก่อตั้งเมื่อ 20 ปีที่แล้วเพิ่งเปลี่ยนชื่อเมื่อต้นปีเป็น “Booking Holdings” เพื่อให้สอดคล้องกับการที่บริษัทได้หันเหจากบริการท่องเที่ยวและจองตั๋วเครื่องบินไปสู่บริการจองโรงแรม ที่พัก และบ้านเช่า รวมถึงบริการจองร้านอาหาร การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Priceline ตัดสินใจซื้อเว็บไซต์ OpenTable ซึ่งรับจองร้านอาหาร และเว็บไซต์ Bookings ที่รับจองบริการต่างๆ ทางออนไลน์ และบริษัทก็ตกลงปลงใจใช้ Booking Holdings เป็นชื่อหลักแทนชื่อเดิม
 

 
อ้างอิง
www.cnbc.com/2018/09/25/michael-kors-is-changing-its-name-to-craft-a-new-identity-so-did-weight-watchers-priceline-and-kraft.html



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง