​ขนมครองแครงเล็กจนโต ปรับแพ็กเกจจิ้งยังไง? ให้ลุยโมเดิร์นเทรดได้ฉลุย





 

     แม้จะเป็นขนมแบบเดิมๆ แต่ถ้าได้รับการปรับแพ็กเกจจิ้งใหม่ให้สวยสะดุดตา ก็ช่วยสร้างความแปลกใหม่และขยายตลาดได้ เช่นเดียวกับ “เล็กจนโต” แบรนด์ขนมครองแครงที่อยู่มากว่า 60 ปี ที่วันนี้ได้ขยับขยายพาตัวเองเข้าสู่โมเดิร์นเทรดช่องทางจำหน่ายยุคใหม่ ทำอย่างไรแบรนด์ขนมครองแครงถึงสามารถเจาะช่องทางค้าปลีกยุคใหม่ได้สำเร็จ ไปฟัง อภิณพร ทองดี กรรมการ บริษัท แอลเจที อินเตอร์ ฟู้ด จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 พูดถึงเรื่องนี้กัน
 

การทำตลาดสำหรับขนมครองแครง ภายใต้แบรนด์ “เล็กจนโต” วันนี้เป็นยังไงบ้าง
 

อภิณพร: ขนมครองแครงนั้นมีลูกเล่นได้หลายอย่างซึ่งจะเปลี่ยนรสชาติก็ได้ จะเปลี่ยนวัตถุดิบก็ได้ เช่น จากใช้แป้งธรรมดาไปเป็นแป้งโฮลวีท หรือเพียงแค่เปลี่ยน Process จากทอดเป็นอบก็ได้ นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและเปลี่ยนตามเทรนด์ของผู้บริโภคได้ เพราะฉะนั้นตลาดของทานเล่นอย่างขนมยังไงก็ไปต่อได้เรื่อยๆ ไม่มีทางตันเพียงแต่ต้องอาศัยการพัฒนาสินค้าอยู่ตลอด และหนึ่งในกลยุทธ์ของแบรนด์เราก็คือการปรับแพ็กเกจจิ้งเพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายเข้าสู่โมเดิร์นเทรด
 




แพ็กเกจจิ้งมีความสำคัญยังไงกับยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกับทางแบรนด์ที่เข้าสู่โมเดิร์นเทรดแล้ว

 

อภิณพร: แพ็กเกจจิ้งเป็นสิ่งที่สร้าง Value Added ให้กับตัวสินค้าของเราให้สามารถขายได้มูลค่ามากขึ้นและยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวโปรดักต์ได้อีกด้วย จริงๆ ถ้าเราใส่ถุงธรรมดาจะทำให้คนที่ไม่รู้จักขนมครองแครง ไม่หยิบขึ้นมาดูเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเกิดมีแพ็กเกจจิ้งที่สามารถพรีเซนต์ตัวเองหรืออธิบายได้ว่า นี่คือ ขนมครองแครงได้อย่างน่าสนใจก็จะช่วยเพิ่มโอกาสทำให้ลูกค้าที่เขาไม่เคยทานได้หยิบไปลองดู
 

แล้วทางแบรนด์มีการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งยังไง
 

อภิณพร: รุ่นแรกที่เราทำจะเป็นแบบง่ายๆ ก่อนเพราะเราไม่มีเงินทุนเยอะ โดยตอนแรกจะใช้ถุงใสใส่ตัวขนมครองแครงแล้วนำไปบรรจุใส่กล่องอีกที แล้วเอามาพันสายเพื่อบอกรสชาติขนมแต่ละรส ต่อมาจึงเริ่มพัฒนาเรื่องสีสันของตัวบรรจุภัณฑ์ข้างนอกให้มีมากขึ้น แต่ข้างในก็ยังเป็นถุงใสเหมือนเดิม แล้วก็มาทำเป็นแบบกระปุก ซึ่งพอเราลองมาทดลองแล้วกลายเป็นว่ามีอายุการเก็บรักษาได้ไม่ดีนัก สุดท้ายก็เลยกลายมาเป็นแบบซองพลาสติกอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
 

ถ้าผู้ประกอบการ SME อยากเข้าโมเดิร์นเทรดบ้าง การทำแพ็กเกจจิ้งที่ดีต้องมีอะไรบ้าง
 

อภิณพร: หากจะเข้าโมเดิร์นเทรดปัจจัยสำคัญอย่างแรกเลย ต้องมีแพ็กเกจจิ้งที่สามารถเก็บคุณภาพของสินค้าได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น สมมติว่าถ้าเราใส่ถุงใสจะอยู่ได้แค่ 1 อาทิตย์ แต่ถ้าเข้าในโมเดิร์นเทรดอายุการเก็บรักษาของสินค้าอย่างน้อยต้องอยู่ที่ 1 – 3 เดือน เพราะฉะนั้นจึงควรทำการศึกษาให้ดีว่าบรรจุภัณฑ์หรือแพ็กเกจจิ้งที่ใช้นั้นสามารถเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ได้นานแค่ไหน

 
แล้วยังมีอะไรอีกบ้าง
 

อภิณพร: หลังจากนั้นก็มาดูที่เรื่องของการดีไซน์ออกแบบที่ต้องมีความโดดเด่นและบางครั้งก็ต้องคำนึงถึงฟังก์ชั่นด้วยเพื่อให้แพ็กเกจจิ้งนั้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ในส่วนของเราก่อนที่จะทำการดีไซน์แพ็กเกจจิ้งนั้นจะมีการไปเดินสำรวจที่ห้างก่อนเพื่อดูว่าแพ็กเกจจิ้งส่วนใหญ่ในโซนที่เราอยากจะวางขายหรือโซนขนมไทยนั้นมีแพ็กเกจจิ้งแบบไหนบ้าง แล้วเราจะใช้สีสันประมาณไหนเพื่อที่จะทำให้สินค้าของเราดูโดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่น



 

นอกจากอายุการเก็บรักษาและดีไซน์แล้ว ยังมีอะไรอีก
 

อภิณพร: เรื่องของการใช้สีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสีสันของแพ็กเกจจิ้งจะขึ้นอยู่กับคาแรคเตอร์ของสินค้า เช่น ถ้าเป็นขนมครองแครงของแบรนด์เรา ก็จะมีคาแรคเตอร์แบบสนุกสนาน สีสันแพ็กเกจจิ้งที่ใช้ก็จะค่อนข้างเป็นแบบสดใส แต่ถ้าหากคาแรคเตอร์สินค้าของแบรนด์คุณเป็นแบบผู้ใหญ่หรือมีลุคเท่ๆ สีสันที่ใช้ก็ต้องเป็นไปในทางที่สุขุมหน่อย เพื่อให้เข้ากันกับตัวผลิตภัณฑ์ เพราะฉะนั้นในการเลือกสีของบรรจุภัณฑ์นั้นต้องดูว่าคาแรคเตอร์ของสินค้าเรานั้นเป็นแบบไหน อาจจะแบ่งง่ายๆ ว่าเป็นแนวสนุกสนาน แนวมินิมอล แล้วค่อยมาเลือกสีในโทนนั้นอีกที หรือถ้าอยากจะบ่งบอกว่าโปรดักต์นั้นมีรสชาติยังไงก็สามารถเลือกสีของแพ็กเกจจิ้งให้เป็นไปในทางเดียวกัน เช่น รสชาติเผ็ดร้อนก็จะใช้โทนสีแดง เป็นต้น


ยังมีอะไรอีกบ้างที่จะสร้างมูลค่าให้กับสินค้าของแบรนด์ในแง่ของเรื่องบรรจุภัณฑ์
 

อภิณพร: การทำแพ็กเกจจิ้งออกมาเฉพาะในช่วงโอกาสพิเศษของทางแบรนด์ อย่างเช่น กล่องบรรจุภัณฑ์ช่วงปีใหม่นั้นช่วยสร้างความโดดเด่นได้ โดยใช้การรวมภาพสิ่งที่เกี่ยวกับขนมครองแครงและภาพของวัฒนธรรมไทยในลักษณะของภาพวาดลายเส้นที่ดูไม่ไทยจนเกินไป เพื่อเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อยากจะได้ของฝากที่ดูมีความเป็นไทยแบบเก๋ๆ
 

คิดว่าการทำแพ็กเกจจิ้งในแต่ละเทศกาลสามารถช่วยดึงดูดผู้บริโภคได้มากน้อยขนาดไหน
 

อภิณพร: ขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้บริโภคด้วย เพราะลูกค้าที่ซื้อในช่วงเทศกาลและคนที่ซื้อทานเองนั้นจะแตกต่างกัน เช่น ถ้าเป็นคนที่ซื้อทานเองเขาก็จะซื้อถุงเล็กๆ แบบทานคนเดียว ซึ่งตัวแพ็กเกจจิ้งอาจจะมีความสวยงามระดับนึง แต่ในส่วนที่ซื้อเป็นของฝากนั้นจะต้องเน้นความสวยงามแล้วก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เพราะโดยธรรมชาติของคนแล้วเวลาเราจะซื้อของให้คนอื่นเรามักจะมองที่ว่าสวยหรือว่าดูดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการออกบรรจุภัณฑ์ตามแต่ละเทศกาลก็เป็นอีกกิมมิคที่สามารถสร้างความน่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภคให้ซื้อผลิตภัณฑ์ของเราได้ 
 




ทางแบรนด์เห็นความแตกต่างระหว่างการขายแบบเดิมๆ กับการเข้าไปในโมเดิร์นเทรดยังไง
 

อภิณพร: การเข้าโมเดิร์นเทรดจะทำให้เราสามารถขายได้ในมูลค่าที่สูงขึ้นด้วยเรื่องของแพ็กเกจจิ้งที่เราเพิ่มเข้ามา เช่น สมมติกล่อง 1 กล่องเราใช้ราคา 5 – 10 บาท เราอาจจะขายราคานั้นบวกไปได้ถึง 50 บาทในโมเดิร์นเทรด แต่ถ้าเป็นตลาดธรรมดาเราอาจจะเน้นขายด้วยราคาที่ไม่แพงมากแต่อาจจะได้ Volume หรือปริมาณที่เยอะกว่า เช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อแบบครึ่งกิโลโดยไม่ต้องใส่แพ็กเกจจิ้งที่สวยหรูก็ได้
 

มองเทรนด์ของแพ็กเกจจิ้งตอนนี้ว่าเป็นยังไง
 

อภิณพร: เทรนด์เดี๋ยวนี้จะมาในลักษณะของการสร้างความแตกต่างให้กับตัวบรรจุภัณฑ์แล้วก็มีความมินิมอลมากขึ้น เช่น หากมองเผินๆ ก็เหมือนเป็นแค่ถุงธรรมดา แต่แอบมีฟังก์ชั่นข้างในที่สวยงาม หรือถ้าสินค้าคือถั่ว ทางแบรนด์อาจจะทำแพ็กเกจจิ้งข้างนอกเป็นรูปถั่วแล้วดึงออกมาเป็นลิ้นชักแบบนี้ก็ได้ ซึ่งแม้จะดูไม่หวือหวามากนักแต่ก็ซ่อนลูกเล่นบางอย่างเอาไว้
 

ทุกวันนี้ผู้บริโภคต้องการแพ็กเกจจิ้งแบบไหน
 

อภิณพร: จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นสินค้าเดียวกัน แต่ถ้าแพ็กเกจจิ้งต่างกัน ก็วางขายต่างตลาดแล้ว เช่น ของทางแบรนด์ถ้าเป็นแบบถุงใสธรรมดานั้นจะนำไปวางขายตามโรงเรียนหรือตลาดนัดที่ลูกค้าไม่ได้สนใจเรื่องความสวยงาม แต่เราสามารถพรีเซนต์ให้เขาชิมได้ แต่ถ้าอยากจะได้ตลาดที่แมสหรือกว้างขึ้นมาสักหน่อย อย่างการเข้าห้างหรือโมเดิร์นเทรด ที่เราไม่มีโอกาสจะเข้าไปพูดกับลูกค้าได้ การทำแพ็กเกจจิ้งให้น่าสนใจและน่าดึงดูดจึงเป็นสิ่งสำคัญ หรือในส่วนของการเป็นของฝาก ผู้บริโภคก็ต้องการแพ็กเกจจิ้งที่สวยงามและดูดีเพื่อที่จะทำให้สินค้านั้นดูมีราคาขึ้นมา ดังนั้นอยากได้กลุ่มผู้บริโภคแบบไหนก็สามารถใช้ตัวแพ็กเกจจิ้งแยก Section ตลาดได้
 




เทรนด์ใหม่ๆที่ควรจับตามองด้านแพ็กเกจจิ้งมีอะไรบ้าง
 

อภิณพร: จะเป็นเรื่องของวัสดุที่นำมาใช้ซึ่งต้องสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ รักษ์โลก นำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนี้จะเห็นการนำกระดาษมาทำเป็นแพ็กเกจจิ้งมากขึ้น หรือแพ็กเกจจิ้งที่เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์หมดไปแล้วผู้บริโภคยังสามารถใช้ตัวแพ็กเกจจิ้งนั้นต่อได้
 

เห็นไหมล่ะว่าแค่ปรับแพ็กเกจจิ้งก็เป็นใบเบิกทางให้ผู้ประกอบการได้ก้าวเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นและสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น ดังนั้น อย่ารอช้าถ้าคิดจะเติบโตเพราะแค่การใส่ไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์ลงไปบนตัวบรรจุภัณฑ์ก็สามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองได้แล้ว   


  
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

6 เทรนด์เมนูมาแรง ปี 2026 ที่ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ต้องรู้ก่อนพลาดโอกาส!

เมนูที่ดีไม่เพียงทำให้คน “อยากกิน” แต่ยังทำให้คน “อยากแชร์” อีกด้วย วันนี้จะพาไปรู้จักกับ 6 เทรนด์เมนูอาหารและเครื่องดื่มต้อนรับปี 2026

ธุรกิจเล็กก็ชนะได้ ถ้าเข้าใจ Trust Economy กลยุทธ์ใหม่ที่เร่งยอดขายได้จริง ในยุคที่ความเชื่อใจขาดแคลน

ธุรกิจเล็กอาจไม่มีงบมาก แต่ถ้ารู้จัก “Trust Economy” ก็สร้างแบรนด์ให้เติบโตเร็วกว่าได้ แม้ไม่มีงบโฆษณาหลักล้าน เพราะในยุคที่ข้อมูลปลอม รีวิวปลอม และการตลาดที่พูดเกินจริงล้นโซเชียล “ความเชื่อใจ” กลายเป็นสินค้าหายากที่สุดในตลาดวันนี้

เสื้อยืดไก่ทอดหาดใหญ่ แฟชั่นอร่อย ไอเดียขายเสื้อสุดครีเอท ใครเห็นก็อยากลองซื้อไปกิน เอ้ย! ลองใส่

ไอเดียเสื้อยืดลายไก่ทอดหาดใหญ่ ที่หยิบเอากระดาษห่อข้าวเหนียวไก่ทอด หมูทอด มาทำเป็นแพ็กเกจจิ้งสินค้า และเพิ่มความเหมือนอารมณ์ข้าวเหนียวไก่ทอดแท้ๆ ยิ่งเข้าไปอีก ด้วยการปริ้นกระดาษเป็นรูปห่อน้ำจิ้มติดเอาไว้ด้วย