​ตรุษจีนปีหมูทอง สำรวจคนกรุงเทพฯ “เน้นประหยัด” ธุรกิจเตรียมปรับแผนรับมือ!






 
     เทศกาลตรุษจีน ในปีนี้ที่ตรงกับวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นปีที่ภาพรวมตลาดอาจถูกกดดันจากความกังวลของประชาชนต่อกำลังซื้อ ทำให้กิจกรรมที่ทำในช่วงตรุษจีนจะเน้นที่ความประหยัด อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยพิเศษที่เกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว อาทิ การเลือกตั้ง ที่น่าจะกำหนดขึ้นภายในเดือนมีนาคม 2562 นี้ ซึ่งอาจทำให้มีเม็ดเงินที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งลงสู่ภาคธุรกิจ รวมถึงช่วยฟื้นความเชื่อมั่นต่อการใช้จ่ายของภาคประชาชนและการลงทุนของภาคธุรกิจในระยะถัดไป และปัจจัยสำคัญคือ มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับการใช้จ่ายในช่วงระหว่างวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 ถือเป็นมาตรการที่น่าจะช่วยจูงใจให้เกิดเม็ดเงินการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ได้พอสมควร


คนกรุงฯ มองกำลังซื้อค่อนข้างระมัดระวัง...แต่ได้มาตรการพิเศษลดผลกระทบ


     นอกเหนือจากพฤติกรรมของคนจีนรุ่นใหม่ ที่ไม่เคร่งครัดประเพณีดั่งเช่นคนรุ่นก่อน ทำให้ความคึกคักของเทศกาลตรุษจีน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาจลดลงกว่าอดีต จากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2562 ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบประเด็นที่น่าสนใจคือ





มุมมองต่อกำลังซื้อในปี 2562...เน้นกิจกรรมประหยัด



     ผู้ตอบแบบสอบถามมีมุมมองต่อทิศทางกำลังซื้อที่ค่อนข้างระมัดระวัง โดยส่วนใหญ่กว่าครึ่งมองว่ากำลังซื้อของตนเองไม่แตกต่างจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ร่วมกิจกรรมตรุษจีน เช่น ผู้ที่เซ่นไหว้ มีการจัดเตรียมสำรองค่าใช้จ่ายไว้แล้ว และส่วนใหญ่ก็ปรับลดงบประมาณในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเท่าที่จำเป็น ทำให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านกำลังซื้อไม่มากนัก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า สำหรับกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางลงล่าง ซึ่งอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านกำลังซื้อ ก็อาจปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมบางอย่างที่ทำได้ ซึ่งจากการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่จะเน้นการประหยัด ทั้งการซื้อเครื่องเซ่นไหว้ การแจกเงินแต๊ะเอีย รวมถึงการทำบุญ/ท่องเที่ยว โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
 
  • การเตรียมเครื่องเซ่นไหว้

     ปีนี้ผู้ซื้อส่วนใหญ่เน้นการจัดชุดเครื่องเซ่นไหว้เอง ในสัดส่วนที่สูงกว่าปีก่อน โดยอยู่ที่ร้อยละ 88.0 เทียบกับร้อยละ 80.2 ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถกำหนดงบประมาณเองว่า จะปรับลดเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ เนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนม กระดาษไหว้เจ้า ในปริมาณและขนาดเท่าใด โดยผู้ประกอบการเครื่องเซ่นไหว้ที่น่าจะได้รับอานิสงส์คือตลาดสดใกล้บ้าน ซึ่งผู้ตอบเลือกเป็นแหล่งซื้อเครื่องเซ่นไหว้อันดับหนึ่งในสัดส่วนที่สูงขึ้น ในขณะที่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งมีจุดเด่นด้านชุดเซ่นไหว้เพื่อรองรับคนรุ่นใหม่ที่อาจไม่มีเวลา แต่ปีนี้อาจมีความท้าทายด้านปัญหาจราจรที่ติดขัด ซึ่งอาจกระทบต่อการเดินทางของคนกรุงเทพฯ
 
  • การทำบุญ/ท่องเที่ยว เน้นการเดินทางระยะใกล้

     เนื่องจากไม่ใช่วันหยุดราชการ ประกอบกับอาจเพิ่งเดินทางท่องเที่ยวไปเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่วนใหญ่จึงเน้นการทำบุญหรือท่องเที่ยวในรูปแบบการเดินทางในระยะใกล้ อาทิ วัดในกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง อาทิ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา เป็นต้น
 
  • การแจกเงินแต๊ะเอีย

     ในปีนี้กลุ่มคนที่เคยให้แต๊ะเอียบางส่วนงดกิจกรรมนี้ เนื่องจากบางส่วนอาจปรับขึ้นเงินเดือนให้กับลูกจ้างในช่วงปีใหม่ไปแล้ว ขณะที่ลูกหลานบางส่วนก็เริ่มทำงานจึงงดส่วนนี้ลง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มที่ยังคงกิจกรรมให้เงินแต๊ะเอียในปีนี้ เตรียมงบประมาณเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อคนประมาณร้อยละ  2.4 ขณะที่กลุ่มที่ได้รับเงินแต๊ะเอีย ยังคงมีแนวโน้มเก็บออมฝากธนาคารมากที่สุดเช่นเดียวกับปีก่อน ซึ่งทำให้เงินแต๊ะเอียทั้งหมดอาจไม่ได้เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในทันที
 




ปัจจัยเสริมจากมาตรการภาครัฐช่วยหนุนการใช้จ่าย


     แม้ว่ามุมมองด้านกำลังซื้อของประชาชนในกรุงเทพฯ จะไม่ค่อยสดใส แต่มุมมองทางด้านปัจจัยเสริมอื่นๆ กลับมีทิศทางในเชิงบวก โดยเฉพาะมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในช่วงวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 ในวงเงินค่าใช้จ่ายไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามกว่าร้อยละ 60 เห็นว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นและสินค้ามีราคาถูกลง ขณะที่ ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณร้อยละ 50 คาดหวังว่าปัจจัยทางด้านการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นและกล้าใช้จ่ายมากขึ้น สำหรับปัจจัยทางด้านภาระดอกเบี้ยที่อาจมีแนวโน้มปรับขึ้น มีผลน้อย เนื่องจากเป็นภาระหนี้ระยะค่อนข้างยาวจึงไม่เห็นผลชัดเจนในทันที
โดยรวมแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณ 13,560 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.9 (YoY) โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับเพิ่มทางด้านค่าใช้จ่ายการทำบุญ/ท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านเครื่องเซ่นไหว้ให้ภาพที่ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนเงินแต๊ะเอียมีแนวโน้มปรับลดลงค่อนข้างเด่นชัดกว่ากิจกรรมอื่นๆ
 




มุมมองต่อภาคธุรกิจ...และการปรับตัวในช่วงตรุษจีนปี 2562


     เทศกาลตรุษจีน ถือเป็นกิจกรรมใหญ่ที่คนไทยเชื้อสายจีนให้ความสำคัญเป็นลำดับหนึ่ง โดยความคึกคักของเทศกาลในแต่ละปีอาจแตกต่างกัน ภายใต้สถานการณ์แวดล้อมช่วงตรุษจีนปี 2562 ข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องควรต้องเตรียมตัววางแผนโดยพิจารณาประเด็นที่สำคัญต่างๆ ได้แก่
 
  • การวางแผนสต็อกที่ยืดหยุ่น

     จะช่วยบริหารสินค้าที่สัมพันธ์กับความต้องการ จากการที่ตรุษจีนปีนี้ ผู้ตอบบางกลุ่มมีการปรับลดงบประมาณด้านเครื่องเซ่นไหว้ลง และอาจมีผลกระทบต่อปริมาณความต้องการสินค้า จึงอาจเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการค้าปลีกควรพิจารณาวางแผนร่วมกับ Supplier ในการวางแผนการจัดส่งหรือสต็อกสินค้า ที่มีความยืดหยุ่นพอเหมาะกับความต้องการ โดยอาจวางแผนทยอยส่งสินค้าทีละล็อตเพื่อทดสอบตลาด และพร้อมที่จะเพิ่มปริมาณจัดส่งได้ทันทีหากความต้องการปรับเพิ่มขึ้น
 
  • การใช้มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระตุ้นการใช้จ่าย

     หากพิจารณาในส่วนของธุรกิจเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่มีเม็ดเงินค่าใช้จ่ายสูงสุด สำหรับการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน อาจไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างเต็มที่ เนื่องจากสถานที่ซื้อส่วนใหญ่จะผ่านตลาดสดใกล้บ้าน ซึ่งอาจยังไม่มีระบบชำระเงินผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนด อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า หากมองในเชิงบวก มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม อาจจะเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจค้าปลีกต่างๆ อาทิ ธุรกิจประเภท เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไอที ของใช้ส่วนตัว ในการเพิ่มยอดขายทั้งจากคนไทยเชื้อสายจีน และประชาชนทั่วไป ในช่วงตรุษจีนไปจนถึงช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนอีกประมาณ 10 วัน ตามระยะเวลาของการใช้สิทธิ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วง (1-15 กุมภาพันธ์) ทั้งนี้การเร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ที่สอดคล้องกับมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของภาครัฐ อย่างเข้มข้นให้เป็นกระแส เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มที่สนใจร่วมกิจกรรมได้รับทราบถึงสิทธิประโยชน์ดังกล่าว อาจเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการค้าปลีกควรนำมาพิจารณาประกอบการวางแผนการตลาดเพื่อสร้างความคึกคักในช่วงนี้
 


 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง