เบื่อแล้ว! Diffuser แบบเดิมๆ MUUDS คิดใหม่ ส่งต่อความหอมด้วยกระดาษที่มาพร้อมทั้งสีและกลิ่น





 

     สินค้าที่ส่งมอบความหอมโดยทั่วไปที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ มักจะชูเรื่องกลิ่น หรือไม่ก็ใช้การออกแบบเข้ามาช่วย แต่อย่างที่รู้กันว่าธุรกิจความหอมนั้นมีการแข่งขันที่สูง ดังนั้นการใช้แค่กลิ่นที่น่าหลงใหลหรือการดีไซน์โปรดักต์ให้แตกต่างเพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่พอ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างต้องมองหากิมมิคใหม่ๆเพื่อฉีกตัวเองให้ไกลจากผู้เล่นคนอื่น เช่นเดียวกันกับ MUUDS ที่หยิบเอา “สี” มาผสานกับน้ำหอมและการออกแบบด้วยรูปทรงธรรมชาติ กลายเป็น Colour Bloom Scent Diffuser กระดาษกระจายกลิ่นหอมที่สามารถใช้เป็นของตกแต่งบ้านได้
 




     “สีกับน้ำหอมเป็นสิ่งที่คนอื่นเขาไม่เล่นกัน เพราะว่ามันควบคุมได้ยาก แต่เราหยิบจุดนี้มาเป็นจุดขายสร้างความแตกต่างให้กับโปรดักต์ของเรา” สุดาดวง นาคะสุวรรณ ผู้ก่อตั้งและนักออกแบบแบรนด์ MUUDS กล่าวถึงคอลเลคชั่นแรกอย่าง ชุดกระดาษปรับอากาศ Colour Bloom Scent Diffuser ที่ได้รับรางวัล DEmark 2018 ในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ จากความโดดเด่นของตัวโปรดักต์ที่เมื่อกระดาษดูดซับน้ำหอม จะทำให้เกิดชั้นสีปรากฎขึ้นบนกระดาษพร้อมกับกระจายกลิ่นหอม โดยแต่ละกลิ่นนั้นจะมีกลุ่มสีที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะตัว
 




… ใช้กระดาษเป็นตัวกระจายกลิ่น แทนที่ก้านไม้แบบที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในตลาด ...


     “ผลิตภัณฑ์ของเรานั้นเป็น Aroma Diffuser น้ำหอมปรับอากาศที่ใช้กระดาษเป็นตัวกระจายกลิ่น ซึ่งมีความแตกต่างจากโปรดักต์ทั่วไปที่เราเห็นตามท้องตลาดซึ่งจะใช้ก้านไม้เป็นตัวกระจายกลิ่น ปัญหาของก้านไม้ที่ผู้ใช้งานพบทั่วไปก็คือ เวลามันดูดน้ำหอมขึ้นมาและใช้ไปสักพักจะไม่สามารถกระจายกลิ่นได้ ดังนั้นผู้ใช้งานจึงจำเป็นต้องคอยกลับด้านเพื่อที่จะทำให้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งขึ้นมา ซึ่งก็ไม่สามารถกระจายกลิ่นได้ดีนัก แต่ว่าตัวกระดาษของเรานั้นเป็นกระดาษไฟเบอร์ที่สามารถจะอุ้มน้ำหอมได้ดี มีคุณสมบัติคล้ายๆกับกระดาษที่เขาแจกทดสอบกลิ่นน้ำหอม ซึ่งสามารถที่จะเก็บกลิ่นได้ดีและถูกน้ำหอมได้หลายรอบโดยที่ไม่เปื่อยยุ่ย”
 




... เพียงแค่เติมน้ำหอม ก็จะได้งาน Art แบบคูลๆที่มาพร้อมกันทั้งสีและกลิ่น ...


     “สิ่งที่ผู้ใช้ต้องทำก็เพียงแค่คอยเติมน้ำหอมลงไปเรื่อยๆเท่านั้น ซึ่งถ้าวางทิ้งไว้จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ พอกลิ่นน้ำหอมเริ่มอ่อนลง สีก็จะเริ่มจางลง แล้วก็เติมน้ำหอมเพิ่มไปใหม่เพื่อที่จะให้มันดูดกลิ่นขึ้นมาใหม่ และเมื่อน้ำหอมถูกเติมลงไปก็จะค่อยๆซึมและถูกดูดขึ้นมาตามกระดาษเกิดเป็นการเล่นชั้นของสี ซึ่งต้องใช้น้ำหอมของเราเท่านั้น ถ้าใช้ของที่อื่นจะไม่ได้เอฟเฟกต์ของสีแบบนี้ เพราะน้ำหอมทั่วไปจะออกสีเหลืองๆ น้ำตาลๆ แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่สวยงาม”
 




… ดีไซน์ของสีและกลิ่นต้องไปในทางเดียวกัน ...


     “คอนเซปต์การออกแบบของคอลเลคชั่นนี้มาจากตัวกลิ่น เริ่มแรกเราอยากได้กลิ่นที่เป็นธรรมชาติ ใบไม้ ดอกไม้ เลยตั้งโจทย์ที่จะให้กลิ่นออกมาเป็นแนว Fruity Floral แล้วทำการออกแบบรูปทรงของแพทเทิร์นกระดาษให้ล้อเลียนไปกับความเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือการดีไซน์สีน้ำหอมให้แมตช์หรือเหมาะสมกับกลิ่นนั้นๆ เช่น สีเหลือง-แดง ให้ความรู้สึกสนุกสนาน มีพลัง จะเป็นกลิ่นที่ออกซิตรัสผสมเกรปฟรุตและฟลอรัลนิดๆ เพื่อที่จะตัดไม่ให้มีกลิ่นที่เปรี้ยวมากเกินไป สีม่วง ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย โดยใช้น้ำมันหอมระเหยอย่างเจอร์เรเนี่ยมโรสและกระดังงา สีชมพู ให้ความรู้สึกละมุนและอ่อนโยน ด้วยการใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้ม และสีเขียว ให้ความรู้สึกสดชื่น เป็นธรรมชาติ ด้วยการใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นแพทชูลี่”



   

     “นอกจากนี้ เรายังมีการดีไซน์รูปแบบของรูปทรงกระดาษให้มีพื้นผิวค่อนข้างเยอะ เพื่อที่จะช่วยให้การกระจายกลิ่นทำได้ดีขึ้น เพราะการกระจายกลิ่นให้ได้ดีนั้นขึ้นอยู่กับว่ามีพิ้นผิวให้เขาระเหยได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งเราเพิ่มพื้นผิวได้มากเท่าไร ยิ่งระเหยได้ดีมากเท่านั้น โดยตัวน้ำหอมเราก็เลือกใช้จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส รวมไปถึงใช้น้ำมันหอมระเหยที่เป็นธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ และสีที่เป็น Food Grade และ Cosmetic Grade เพราะเราเน้นที่คุณภาพและความปลอดภัยของคนที่จะได้รับกลิ่นเข้าไปด้วย ที่สำคัญมันไม่ใช่แค่เราเลือกกลิ่น แต่ประเด็นคือกลิ่นต้องสามารถไปได้ดีกับสีด้วย เพราะว่าเรื่องสีเป็นเรื่องที่ยาก บางครั้งกลิ่นถูกใจแล้ว แต่ว่าพอนำมาผสมกับสีกลับเกิดปัญหา เช่น สีไม่ละลาย สีไม่ใส สีตกตะกอน ซึ่งก็ต้องอาศัยการพัฒนาและศึกษา”
 




... เจ้าแรกที่หยิบกระดาษมาสร้างสรรค์ เล่นสีและกลิ่น พร้อมสื่อสารผ่านรูปทรง ...


     “เราเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่ทำโปรดักต์แบบนี้ขึ้นมา ซึ่งจุดแข็งของแบรนด์อย่างแรกคือ รูปลักษณ์ภายนอกของผลิตภัณฑ์ที่สามารถมองว่าเป็นของแต่งบ้านได้ดี เป็น Decorative Item ที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจน อย่างที่สองคือ เรื่องของกลิ่นที่ใช้ ซึ่งได้รับคำชมจากลูกค้าว่ามีเอกลักษณ์ชัดเจน ติดทนนานและใช้งานได้ดี ซึ่งเราอยากจะใช้กลิ่นแบบธรรมชาติเพื่อช่วยคืนความสดชื่นให้แก่ผู้คนเนื่องจากปัจจุบันนี้คนเรามีความเครียดเยอะ ดังนั้น กลิ่นที่เราเลือกใช้จะเป็นกลิ่นที่ช่วยทำให้สดชื่น ผ่อนคลายและฟื้นฟูพลัง เรียกได้ว่าเราไม่ได้ขายเฉพาะในเรื่องของอโรม่าเพียงอย่างเดียวเหมือนกับแบรนด์อื่นที่จะเน้นแข่งเฉพาะในเรื่องกลิ่น ในขณะที่เรามีทั้งในแง่ของ Visual ความสวยงามของรูปทรงกระดาษและการเล่นระดับชั้นของสี และ Scent กลิ่นที่เป็นธรรมชาติและช่วยบำบัด ดังนั้น เราจึงไม่ได้ตีกรอบผลิตภัณฑ์ของเราว่าต้องเป็นเฉพาะของตกแต่ง หรือเฉพาะของดีไซน์ เพื่อเป็นการเปิดตลาดให้กว้างขึ้น”   





www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

ฟังก์ชันแยกบิลจ่ายได้ เทรนด์ใหม่ที่ร้านอาหารต้องรู้ ลูกค้ายุคใหม่อยากจ่ายเท่าที่กินโดยไม่รู้สึกผิด

ไม่ใช่เรื่องต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป หากไปกินอาหารกับเพื่อน แล้วอยากแยกรับผิดชอบจ่ายเฉพาะในส่วนที่ตัวเองสั่ง เทรนด์พฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคชาวอเมริกาที่หันมาใช้แอปพลิเคชันแยกจ่ายบิลกันมากขึ้น

ต่อยอดธุรกิจยังไงให้อยู่นานและขายดี กรณีศึกษา ALDI ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ALDI คือ ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญญาติเยอรมัน มีต้นกำเนิดมาจาก 2 พี่น้องตระกูล Albrecht คือ “คาร์ล และ ธีโอ อัลเบรชต์” ที่รับช่วงต่อกิจการมาจากแม่ของเขาที่เปิดร้านขายของชำตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2