​โฟกัสที่ “ผู้ใช้” ไม่ใช่ “ผู้ซื้อ” สูตรสำเร็จทำแบรนด์ให้ลูกค้าซื้อซ้ำ!





               

     ยุคสมัยเปลี่ยน พฤติกรรมของคนก็เปลี่ยน การจะสร้างแบรนด์และทำธุรกิจให้สำเร็จในยุคนี้คงจะยึดใช้หลักการที่เคยสำเร็จเมื่อหลาย 10 ปีที่แล้วไม่ได้ เหล่า Traditional Brand แบรนด์ดั้งเดิมที่เคยโด่งดังในยุคเก่า หากไม่ปรับตัวก็อาจจะล่มสลายได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นหากคุณอยากเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการโฟกัสที่ “ผู้ใช้” ไม่ใช่ “ผู้ซื้อ”
               

     จากข้อมูลวิจัยที่ได้ร่วมกันจัดทำของ  SAP, Siegel+Gale และ Shift Thinking แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ที่สำเร็จในยุค Digital Age เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้ลงมือทำสิ่งที่แตกต่างเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขามีความคิดที่แตกต่างด้วย อย่างแบรนด์ดั้งเดิมจะมีการวางตัวเองเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า แต่แบรนด์ยุคใหม่จะเน้นการวางตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตลูกค้า นอกจากนี้แบรนด์ยุคใหม่ยังเน้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในฐานะผู้ใช้งานมากกว่าผู้ซื้ออีกด้วย
 

เมื่อแบรนด์โฟกัสที่ผู้ใช้ก็ง่ายต่อการรักษาความสัมพันธ์
               

     สำหรับแบรนด์ดั้งเดิมที่เน้นการทำตลาดแบบนึกถึงผู้ซื้อเป็นหลัก ทำอะไรก็ต้องคอยเอาใจพวกเขาเพราะหวังว่าจะสร้างยอดขายกลับมาได้เร็วๆ แต่แบรนด์ยุคใหม่ไม่ได้คิดเช่นนั้น พวกเขาคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ การใช้งานของผู้ใช้จริงๆ ผู้คนส่วนใหญ่จึงนึกถึงแบรนด์เหล่านี้ในฐานะที่ ‘ทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น’ ระหว่างที่แบรนด์ดั้งเดิมคิดว่าจะโฆษณาแบบไหนให้โดนใจลูกค้า แบรนด์ยุคใหม่ก็คิดว่าจะสร้างโซลูชั่นอะไรให้ชีวิตผู้คนง่ายขึ้น
               

     เมื่อแบรนด์กลับมาโฟกัสที่ประสบการณ์ใช้งานของลูกค้ามากกว่ายอดขาย ทำให้มีแนวโน้มที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำมากกว่าอีกทั้งยังทำให้พวกเขารู้สึกมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้นอีกด้วย
 




ความต่างระหว่าง Purchase brand และ Usage brand
               

     สำหรับ Purchase Brand คือแบรนด์ที่โฟกัสผู้ซื้อและยอดขาย ส่วน Usage Brand คือแบรนด์ที่โฟกัสผู้ใช้
  • Purchase Brand จะเน้นการสร้างความต้องการในการซื้อสินค้า ส่วน Usage Brand จะสร้างความต้องการใช้การใช้สินค้า ยกตัวอย่างจากร้านขายเครื่องสำอางส่วนใหญ่ต้องการให้สาวๆ ซื้อเครื่องสำอางด้วยการแจกเครื่องสำอางตัวอย่างหรือผู้เชี่ยวชาญมาคอยแต่งหน้าให้ แต่สำหรับ Sephora และ Ultra มอบประสบการณ์ที่ต่างไป นั่นคือการมอบคำแนะนำ สร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ รวมถึงบริการที่จะช่วยให้สาวๆ มั่นใจในการแต่งหน้าหลังจากที่ซื้อสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
  • Purchase Brand เน้นโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย Usage Brand เน้นการสนับสนุนผู้ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่นสกีรีสอร์ทส่วนใหญ่จะเน้นการทำโปรโมชั่นลดราคาที่พักหรือลิฟท์เล่นสกี แต่มีรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่คิดต่างไป Vail Resorts สกีรีสอร์ทในสหรัฐอเมริกาได้ทำโปรแกรมชื่อ EpicMix เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คสำหรับนักสกี ให้ผู้ใช้งานได้เชื่อมต่อกับกลุ่มเพื่อนหรือคนเล่นสกีคนอื่น สามารถโพสต์ภาพ เก็บระยะการเดินทางได้
  • Purchase Brand กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะพูดกับลูกค้า Usage Brand กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้าจะพูดต่อกันและกัน ยกตัวอย่างเช่นหลายโรงแรมดั้งเดิมจะเน้นการโปรโมตและโฆษณาผ่านการตลาดแบบดั้งเดิมและให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่พวกเขาต้องการจะสื่อสารออกไปมากขึ้น แต่ Airbnb จะให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ลูกค้าแชร์ผ่านแพลตฟอร์ม บอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ลูกค้าได้ใช้งานจริงเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังตัดสินใจจะพักในสถานที่นั้นๆ
  • Purchase Brand คำนึงถึงกระบวนการซื้อจนกระทั่งจ่ายเงินก็จบ Usage Brand เน้นประสบการณ์หลังการขาย


 

       จากงานวิจัยดังกล่าวพบว่าผู้คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะจงรักภักดีต่อแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการใช้งานหรือ Usage Brand มากกว่าในยุคนี้ อีกทั้งยังจะช่วยบอกต่อคนอื่นอีกด้วย หากว่าคุณอยากเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้คงต้องเริ่มหันมาใส่ใจลูกค้าด้วยการสร้างสรรค์สินค้าที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น ทำให้พวกเขาเกิดประสบการณ์ที่ดี หรือไม่ก็ลองถามตัวเองก่อนก็ได้ว่าสินค้าของคุณใช้แล้วทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นหรือไม่ ถ้าเกิดคุณมั่นใจว่าชัวร์ก็ไม่ต้องกลัวว่าลูกค้าจะไม่รัก เพราะถ้าสินค้าดีจริง ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนพวกเขาก็จะเข้าหาคุณเอง
 

อ้างอิง
https://hbr.org/2018/02/the-most-successful-brands-focus-on-users-not-buyers
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง

Color Psychology: จิตวิทยาเรื่องสี ที่แบรนด์ใหญ่ใช้เพิ่มยอดขาย

สี…ก็เปลี่ยนยอดขายได้ ทำไม Facebook ใช้สีน้ำเงิน? ทำไม Chanel ถึงเลือกสีดำทอง? ทำไมฟาสต์ฟู้ดต้องสีแดง-เหลือง? คำตอบอยู่ที่ “Color Psychology” จิตวิทยาของสีที่แบรนด์ใหญ่ใช้สร้างกำไรมาแล้วทั่วโลก