Lucas’ Papaw Ointment ตำนานขี้ผึ้งมะละกอหมัก



 
 



เรื่อง  วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

    
    นอกจากผลิตภัณฑ์วิตามิน อาหารเสริม ครีมบำรุงผิว และไวน์แล้ว สินค้าอย่างหนึ่งที่ผู้ไปเยือนออสเตรเลียมักซื้อหามาฝากกันคือ “ขี้ผึ้งมะละกอหมัก” ขี้ผึ้งสารพัดประโยชน์ที่มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดและเป็นเจ้าดั้งเดิมจนแทบจะกลายเป็นสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์ของดินแดนดาวน์อันเดอร์ก็เห็นจะเป็น Lucas’ Papaw Ointment ที่บรรจุในหลอดหรือกระปุกสีแดงนั่นเอง 

    หลายคนอาจสงสัยว่าเจ้าขี้ผึ้งมะละกอหมักของออสเตรเลียโด่งดังอย่างไร เปรียบเทียบง่าย ๆ หากครีมบัวหิมะถือเป็นของดีเมืองจีน ขี้ผึ้งมะละกอหมักก็เป็นโอท็อประดับชาติของออสเตรเลียนั่นแหละ

    ขี้ผึ้งมะละกอหมักของออสเตรเลียทุกยี่ห้อมีคุณสมบัติเหมือนๆ กัน คือเกือบจะเป็นขี้ผึ้งครอบจักรวาลที่ใช้กับผิวหนังมีปัญหา อาทิ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ผดผื่น แมลงสัตว์กัดต่อย ผิวโดนแดดไหม้ ผิวแห้งหยาบกร้าน และริมฝีปากลอกเป็นขุย คนออสเตรเลียนไม่ว่าฐานะระดับใดจึงมักมีขี้ผึ้งชนิดนี้ติดตู้ยาประจำบ้าน และส่วนใหญ่โดยเฉพาะสาวๆ จะพกติดตัวใช้แทนลิป กลอส หรือลิปมันสร้างความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมที่สุดคือ Lucas’ Papaw Ointment ซึ่งหากจะสืบสาวที่มาก็ต้องย้อนรอยไปไกลกว่าร้อยปีเลยทีเดียว 


    ผู้ให้กำเนิดขี้ผึ้งมะละกอหมักคือ ดร.โทมัส เพนนิงตัน ลูคัส คุณหมอชาวอังกฤษที่หนีความหนาวเย็นจากบ้านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2419 มาอยู่เมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ออสเตรเลีย ก่อนย้ายไปตั้งรกรากเป็นการถาวรที่เมืองบริสเบน รัฐควีนแลนด์ ที่นี่เองที่เป็นจุดกำเนิดของ Lucas’ Papaw Ointment โดย ดร.ลูคัสเริ่มสนใจด้านพฤกษศาสตร์ และศึกษาพืชพรรณไม้นับพันๆ ชนิดเพื่อทดลองหาสูตรการรักษาโรคจากตัวยาธรรมชาติ และพืชชนิดหนึ่งที่ ดร.ลูคัสให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ “มะละกอ” นำไปสู่การศึกษาอย่างจริงจังจนค้นพบว่าสารบางอย่างในมะละกอมีคุณสมบัติในการรักษาโรค 

    ดร.ลูคัสจึงได้พัฒนาสูตรยาที่มีส่วนผสมของมะละกอเพื่อนำมาบำบัดอาการต่างๆ แต่สูตรที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดคือขี้ผึ้งมะละกอหมัก กระทั่งมีการผลิตออกขายเมื่อปี พ.ศ. 2453 หลังการเสียชีวิตของ ดร.ลูคัส เขาได้ทิ้งมรดกชิ้นสำคัญคือสูตรการผลิตขี้ผึ้งมะละกอหมักที่ตกทอดมายังลูกหลานรุ่นแล้วรุ่นเล่าหลายชั่วอายุคน

     จากในอดีตที่เคยผลิตขี้ผึ้ง Handmade แบบกวนเองกับมือข้างไร่มะละกอ ปัจจุบันได้ย้ายมายังโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับ 5 ดาวในรัฐควีนแลนด์ โดยมี เควิน ทัลบอท ทายาทรุ่นปัจจุบันวัย 77 ปี ผู้บริหารธุรกิจขี้ผึ้งมะละกอหมักยี่ห้อลูคัส ซึ่งกล่าวว่าสองสิ่งที่ยังคงเดิมคือสูตรการผลิตเหมือนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน และกระปุกหรือหลอดสีแดงที่บรรจุขี้ผึ้งซึ่งกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของขี้ผึ้งชนิดนี้ไปแล้ว    

    
    ขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัสได้รับความนิยมสุดขีดเมื่อวงการ Makeup Artist หรือช่างแต่งหน้านำมาใช้แทนลิปมันจนเกิดการเลียนแบบในกลุ่มผู้บริโภค หลังจากนั้นยอดขายก็พุ่งทะลุทะลวง ทัลบอทเล่าว่าร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตต้องตุนสินค้าเพื่อไม่ให้หมดจากชั้น 

    ขณะที่ผู้ผลิตเองก็ยุติการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพราะผลิตไม่ทันความต้องการของตลาด เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีการผลิตขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัสขนาด 25 กรัมแค่ปีละ 100,000 หลอด ปัจจุบันตัวเลขขยับมาอยู่ที่ 4 ล้านหลอดต่อปี และมีการเพิ่มขนาดเป็นกระปุก 75 กรัม และ 250 กรัม แต่ที่ขายดีที่สุดยังเป็นขนาด 25 กรัมโดยคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด 

    จากที่เคยผูกขาดอยู่เจ้าเดียว ช่วงหลังจะเห็นว่าการแข่งขันในตลาดเริ่มสูงขึ้น ครีมมะละกอหมักยี่ห้อใหม่ๆ ทยอยเปิดตัวเป็นทางเลือกของผู้บริโภค โดยหลายยี่ห้อชูจุดขายตรงที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติและปราศจาก “ปิโตรเคมี” ที่อาจก่อมะเร็ง แต่นั่นก็ไม่ได้กระทบต่อยอดขายขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัสแต่อย่างใด ปัจจัยที่ทำให้ขี้ผึ้งมะละกอหมักแบรนด์นี้อยู่ยงคงกระพันน่าจะมาจาก


    Brand Story : การถ่ายทอดประวัติความเป็นมาของแบรนด์อันเก่าแก่กว่า 100 ปีที่ผู้ประกอบการน้อยรายนักจะสามารถสั่งสมเรื่องราวจนกลายเป็นตำนานขนาดนี้ การเล่าเรื่องแบรนด์ของขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัส บวกกับการมีอยู่ของสินค้ามายาวนาน ผู้บริโภคใช้กันตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย มาถึงรุ่นพ่อแม่ และรุ่นลูกจนถึงรุ่นหลาน ทำให้เกิดการสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับลูกค้าหรือที่เรียกว่า Emotional Bonding ก่อนจะนำไปสู่ loyalty หรือความภักดีในสินค้าที่สุด 

    Customer Perception : ความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้า ความที่เป็นเจ้าเก่าดั้งเดิม เป็นผู้บุกตลาดรายแรก และมีการบอกต่อกันมาถึงคุณภาพของสินค้าจึงทำให้ลูกค้าเชื่อถือในตัวสินค้า อีกทั้งครีมมะละกอหมักลูคัสเป็นสินค้าราคาสมเหตุสมผล แต่ด้วยคุณสมบัติแบบครอบจักรวาลจึงทำให้ลูกค้ามองเป็นของดี ราคาไม่แพง ซื้อหลอดเดียวหรือกระปุกเดียวใช้ได้นานเป็นปีเลยทีเดียว 

 


    High Profile Presenters : โอกาสดีเมื่อเหล่าเมกอัพอาร์ติสนำขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัสมาใช้ทาเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้น ขณะที่นิตยสารแฟชั่นและความงามก็มีบทความแนะนำและเรียกขานขี้ผึ้งลูคัสว่าลิปกลอส มีหรือคนอ่านจะไม่อยากทดลองใช้ ยิ่งได้คอลัมน์ “เปิดกระเป๋าถือคนดัง” ช่วยกระพือกระแสด้วยแล้ว ดาราฮอลลีวู้ดอย่าง เมอรีล สตรีป หรือนางแบบดัง เคต มอสเองยังพกพาขี้ผึ้งลูคัส จึงเท่ากับสินค้าได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่รับรู้ในวงกว้างขึ้น ล่าสุดบริษัทได้ผลิตขี้ผึ้งลูคัสขนาด 12 กรัมบรรจุในหลอดแบบลิปกลอสเพื่อสนองความต้องการของตลาด   

    Product Availability : การเข้าถึงสินค้าของผู้บริโภค นอกจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แล้ว ขี้ผึ้งลูคัสจำหน่ายแบบค้าส่งในไม่กี่ประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง เนื่องจากมีข้อจำกัดที่สินค้าถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ยา จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานอาหารและยาของประเทศนั้นๆ ก่อน จึงจะส่งออกได้ กอปรกับกำลังการผลิตไม่ทันเนื่องจากวัตถุดิบซึ่งเป็นมะละกอพันธุ์สีเหลืองมีไม่เพียงพอ บริษัทจึงไม่ได้รุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง ทำให้ลูกค้าส่งอีเมลเข้ามาถามวันละไม่ต่ำกว่า 15 ฉบับว่าจะหาซื้อขี้ผึ้งลูคัสได้ที่ไหน อาจจะทำให้เสียโอกาสทางการตลาด แต่มองอีกแง่หนึ่งก็เข้าตำรา “อะไรที่หามาได้ยาก มักมีคุณค่า” ทำให้ขี้ผึ้งมะละกอหมักถูกวางอยู่ในตำแหน่ง “ของดีหายาก” จะซื้อใช้เองก็ดี จะเป็นของฝากหรือก็ทรงคุณค่า 

    ด้วยหลายๆ ปัจจัยที่กล่าวมา ขี้ผึ้งมะละกอหมักที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็นอมตะไม่ล้าสมัยจึง กลายเป็นสินค้ายอดฮิตตลอดกาลของออสเตรเลีย
  

อ้างอิง 
   
http://www.smh.com.au/small-business/lucas-pawpaw-remedies-plans-overseas-expansion-20130325-2gpzm.html

http://www.couriermail.com.au/business/brisbanes-lucas-papaw-ointment-still-going-strong-after-more-than-a-century/story-fn7kjcme-1226268545269

http://www.lucaspapaw.com.au/index.php?option=com_content&view=article&id=12:our-history&catid=4&Itemid=31

Create by smethailanclub.com
Credit : SME Thailand

RECCOMMEND: MARKETING

มิติใหม่แห่งการย้อมสีผม ใช้ “ใบตอง” แทนฟอยล์ ลดต้นทุน ลดโลกร้อนง่ายๆ แบบ 2 in 1  

ปกติเวลาที่พูดถึงใบตองสด ภาพแรกๆ ที่เด้งขึ้นมาในหัวของเรา ไม่ใช้ห่อขนมไทย ก็คงนึกถึงเทศกาลลอยกระทง แต่วันนี้น้องใบกล้วยสีเขียวคุ้นตานั้นมาในลุคที่เดิร์นกว่าคือ “ใช้ห่อผมเวลาทำสี” แทนฟอยล์กันแล้ว

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น