ข้าวในประเทศแพง! ร้านอาหารในญี่ปุ่นหันซื้อข้าวออสเตรเลียทั้งถูกและดีแทน

Text: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์






Main Idea
 
  • ทันทีที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลง TPP โควต้าส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นจำนวน 70,000 ตันของสหรัฐฯ ยุติลง
 
  • ส้มหล่นใส่ออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคญี่ปุ่น เพราะใช้สารเคมีน้อยในการปลูก ได้คุณภาพ ที่สำคัญราคาต่ำ




     ในฐานะที่ไทยขึ้นชื่อในเรื่องผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และเป็นประเทศส่งออกข้าวอันดับต้น ๆ ของโลก วันนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับวงการข้าวมาเล่าสู่กัน เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3-4 ปีนี่เอง เหตุจากดัชนีราคาข้าวซึ่งเป็นผลผลิตในญี่ปุ่นมีราคาแพงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคโดยเฉพะธุรกิจร้านอาหารหันไปสั่งข้าวเมล็ดสั้นจากออสเตรเลียที่มีความใกล้เคียงข้าวญี่ปุ่นแต่ราคาถูกกว่าประมาณ 20% ทำให้ช่วยลดต้นทุนลงได้

 



     ผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทเท็น คอร์ปซึ่งดำเนินธุรกิจเชนร้านข้าวหน้าเทมปุระเผยเหตุที่เลือกซื้อข้าวออสเตรเลียเนื่องจากเป็นข้าวที่เข้ากันได้ดีกับซอสของทางร้าน เป็นเวลานานนับปีแล้วที่ทางร้านใช้วิธีผสมข้าวญี่ปุ่นกับข้าวออสเตรเลียอย่างละครึ่ง ส่วนบริษัทเซโย ฟู้ด-คอมพาส กรุ๊ป ในโตเกียวซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ข้าวให้กับร้านอาหารและโรงอาหาร 1,900 แห่งในญี่ปุ่นก็เริ่มส่งข้าวออสเตรเลียให้ลูกค้าแทน
 

     ขณะที่บริษัทโอโตยะ โฮลดิ้งส์ เจ้าของเครือข่ายร้านอาหารโอโตยะรับมือกับภาวะข้าวแพงโดยเสิร์ฟข้าวเปล่าถ้วยเล็กลง และนำข้าวออสเตรเลียมาผสมกับข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโพดเพื่อเป็นข้าวสุขภาพ สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ก่อนหน้านั้น หากจะให้เลือกข้าวที่นอกเหนือจากข้าวญี่ปุ่นก็มักจะเลือกข้าวเมล็ดยาวจากประเทศอื่นในเอเชีย แต่ช่วงหลังพบว่าข้าวออสเตรเลียที่ส่วนใหญ่เป็นข้าวเมล็ดสั้นนั้นเหมาะมากกว่าเพราะมีความคล้ายคลึงข้าวญี่ปุ่น
 

     รายงานระบุญี่ปุ่นเปิดตลาดข้าวหลังจากที่มีการเจรจาการค้ารอบอุรุกวัยเมื่อปี 1993 นำไปสู่การเปิดโอกาสให้มีการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศปีละ 7.7 แสนตันต่อปี โดยส่วนใหญ่นำไปแปรรูป และเพียง 1 แสนตันเท่านั้นที่เป็นข้าวสำหรับหุงรับประทาน นับจากนั้นมา ผู้บริโภคญี่ปุ่นก็เริ่มยอมรับข้าวต่างชาติ และเป็นทางเลือกในเวลาที่ราคาข้าวในประเทศมีราคาผันผวนซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตที่ได้ในแต่ละปี
 

     ขณะเดียวกัน ภายใต้ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือ TPP ของ 11 ชาติสมาชิกที่มีผลเมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้กำหนดโควต้านำเข้าข้าวออสเตรเลียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8,400 ตันต่อปี นั่นหมายถึงการนำเข้าอาหารเพื่อบริโภคโดยตรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10% ทั้งนี้ การปลูกข้าวในออสเตรเลียเริ่มขึ้นในต้นทศวรรษ 1900 เมื่อมีเกษตรกรญี่ปุ่นคนหนึ่งนำเมล็ดพันธุ์ข้าวไปปลูกที่นั่น และเริ่มมีการปลูกจริงจังในกลางทศวรรษ 1920 จนกระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดภาวะขาดแคลนข้าว ออสเตรเลียได้โหมปลูกมากขึ้น
 




     การที่ข้าวออสเตรเลียได้รับการยอมรับของผู้บริโภคญี่ปุ่นอาจเป็นเพราะเป็นภาพคุณภาพดีได้มาตรฐาน ใช้สารเคมีน้อยในการปลูก และสภาพภูมิอากาศก็เหมาะแก่การปลูกข้าวเมล็ดสั้น-กลาง แบรนด์ข้าวที่มีชื่อเสียงสุดของออสเตรเลียได้แก่ยี่ห้อ SunRise ข้อมูลระบุตลอดหลายปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ มากกว่าออสเตรเลีย  แต่เนื่องจากสหรัฐฯ เพิ่งถอนตัวจากข้อตกลง TPP ทำให้โควต้าส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นจำนวน 70,000 ตันของสหรัฐฯ ต้องยุติลง จึงเชื่อว่าส้มจะมาหล่นที่ออสเตรเลียแทน
 

     สำหรับไทย เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นรายใหญ่ โดยไทยส่งออกไปญี่ปุ่นเฉลี่ยปีละ 3 แสนตัน แต่การที่ปีที่แล้วกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และ สวัสดิการของรัฐบาลญี่ปุ่น เตรียมออกประกาศบังคับปรับปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (MRL) ของสารฟอสอีทิล (fosetyl- aluminium) ซึ่งผสมในยาปราบศัตรูพืชปนเปื้อนในสินค้าเกษตร รวมทั้งข้าวในปริมาณไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมจากเดิมที่กำหนดไม่เกิน 0.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมก็อาจส่งผลกระทบ เพราะจากการสุ่มตรวจข้าวไทย พบการปนเปื้อนของสารฟอส อีทิลในระดับ 0.1-0.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเกินระดับของประกาศใหม่ ดังนั้น ผู้ผลิตข้าวไทยจึงต้องหาทางแก้ไขตรงนี้ จะได้ไม่เสียตลาด
 

อ้างอิง
https://asia.nikkei.com/Business/Markets/Commodities/Australian-rice-finds-favor-in-Japan-as-cheaper-option
 
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 
 

RECCOMMEND: MARKETING

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง

Color Psychology: จิตวิทยาเรื่องสี ที่แบรนด์ใหญ่ใช้เพิ่มยอดขาย

สี…ก็เปลี่ยนยอดขายได้ ทำไม Facebook ใช้สีน้ำเงิน? ทำไม Chanel ถึงเลือกสีดำทอง? ทำไมฟาสต์ฟู้ดต้องสีแดง-เหลือง? คำตอบอยู่ที่ “Color Psychology” จิตวิทยาของสีที่แบรนด์ใหญ่ใช้สร้างกำไรมาแล้วทั่วโลก