มาดูวิธีทำแพ็กเกจจิ้งให้ปัง! ช่วยแบรนด์ขายของได้ ลูกค้ายอมจ่ายแพง

Text : wattar





Main Idea
 
  • บรรจุภัณฑ์เป็นองค์ประกอบสำคัญของการขายสินค้าในยุคนี้ เพราะนอกจากจะต้องทำหน้าที่พื้นฐานในการห่อหุ้มและรักษาคุณภาพของสินค้าไว้แล้ว ยังต้องทำหน้าที่ด้านการตลาดในการให้ข้อมูลและสื่อสารกับผู้บริโภค สร้างประสบการณ์ และความประทับใจไปพร้อมกัน
 
  • บางครั้ง SME สองรายขายของแบบเดียวกัน แต่รายที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่มอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้ลูกค้า จะเป็นจุดตัดสินใจที่ทำให้ผู้บริโภคยอมจ่ายแพงขึ้นอีกด้วย 



     ในยุคนี้บรรจุภัณฑ์ไม่ได้มีหน้าที่แค่บรรจุสินค้าอีกต่อไป แต่พวกมันยังทำหน้าที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ช่วยแบรนด์ให้ขายของได้ ทั้งยังกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยในการสื่อสาร สร้างประสบการณ์และสร้างความจดจำให้กับลูกค้าไปพร้อมกันด้วย เชื่อเถอะว่าหีบห่อสวยๆ ช่วยเพิ่มยอดขายมานักต่อนักแล้ว


     เมืองไทยมีสินค้าที่ดี ซึ่งบางทีอาจจะดีกว่าแบรนด์ต่างประเทศที่ขายในห้างด้วยซ้ำ แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่อาจไม่ได้สวยงามทำให้ไปต่อไม่ได้ หาก SME ที่มีผลิตภัณฑ์ที่ดีในมือแล้วอยากมีแบรนด์ของตัวเอง สามารถออกแบบแพ็กเกจจิ้งที่ดีก็จะทำให้ขายสินค้าได้มากขึ้นด้วย
 



ก่อนจะออกแบบบรรจุภัณฑ์ดีๆ มาห่อหุ้มสินค้า SME ต้องเริ่มจากคิดเรื่องเหล่านี้

     1.ทำแพ็กเกจจิ้งที่เหมาะกับตัวโปรดักต์และสะดวกต่อผู้บริโภค โดยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย สะดวก ไม่เปลืองเวลา มีขนาดกำลังพอดี
 
     2. ต้องรู้ว่าสินค้านั้นจะไปขายใคร ตลาดเป็นอย่างไร ต้องมีการศึกษาผู้บริโภคว่าไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร

     3. แบรนด์ต้องมีการวางตำแหน่งของสินค้า (Brand Positioning) ว่าจะขายแพง ถูกหรือกลางๆ ดังนั้นราคาของแพ็กเกจจิ้งจะไม่เท่ากัน ราคาของสินค้าก็จะไม่เท่ากันด้วย เพราะฉะนั้นต้องดูว่าจะวางขายเป็นสินค้า Luxury ที่ดิวตี้ฟรี โมเดิร์นเทรด หรือร้านสะดวกซื้อ ซึ่งส่งผลต่อบรรจุภัณฑ์ที่จะแตกต่างกันไป

     สินค้าในวันนี้ต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า นับตั้งแต่ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับของ เปิดกล่องออกมาแล้วรู้สึกประทับใจ บางครั้ง SME สองรายขายของชิ้นเดียวกัน แต่รายที่ทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีกว่าก็เป็นจุดตัดสินใจที่ทำให้ผู้บริโภคยอมจ่ายแพงขึ้นด้วย
 



     หากจะออกแบบแพ็กเกจจิ้งให้โดนใจ ขายของได้แพงขึ้น มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้

     1. Colour เลือกสีให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์และต้องสื่อถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์หรือ Brand Identity

     2. Shape การใช้รูปร่างหรือรูปแบบของแพ็กเกจจิ้งที่แตกต่างจะทำให้สินค้าของแบรนด์มีความโดดเด่น

     3. Graphic ออกแบบลวดลายหรือกราฟิกให้มีความสอดคล้องไปกับ Brand Identity โลโก้ของบริษัทและสี

     4. Material ใช้วัสดุต่างจากแบรนด์อื่น ต่างจากเดิมที่มีอยู่ เช่น การเลือกใช้กระดาษที่เคลือบสารพิเศษสามารถช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ได้ สร้างความแตกต่างและโดดเด่นให้กับแพ็กเกจจิงได้

     5. Message/Information ข้อมูลที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ควรบอกว่าโปรดักต์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ใด เพราะปัจจุบันผู้บริโภคมีการศึกษามากขึ้น มีการอ่านฉลากโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์มากขึ้น มีการเทียบราคา ดังนั้นตัวแพ็กเกจจิ้งต้องมีการสื่อสารกับคนที่มาซื้อนั่นเอง หรือแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งก็ต้องมีกราฟิกหรือสัญลักษณ์บอก เช่น รูปแก้วแตก บาร์โค้ด เครื่องหมายรีไซเคิล เป็นต้น

     6. Functional บางครั้งกล่องเรียบๆ ธรรมดาคนจะไม่รู้ว่ามันมีฟังก์ชันอะไรบ้าง แบรนด์จึงต้องสามารถอธิบายความดีงามของมัน ในปัจจุบันผู้ผลิตหลายแบรนด์หันมาทำตัวแพ็กเกจจิงที่พอเปิดแล้วกลายเป็นป๊อปอัพ ดิสเพลย์สินค้าได้เลย

     7. Production ต้องคำนึงถึงหลักในการผลิตว่าออกแบบมาแล้วผลิตได้จริงหรือเปล่า     
     

     และอย่าลืมว่าหัวใจสำคัญของการอกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ก็คือตอบโจทย์ความต้องการและโดนใจผู้บริโภคมากที่สุดนั่นเอง

 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 


 

RECCOMMEND: MARKETING

เมื่อคำว่า “Luxury” สิ้นมนต์ขลัง สูตรลับใหม่แบรนด์ระดับโลก ทำให้สินค้าดูแพงโดยไม่ต้องพูดว่าหรู

ทำไมแบรนด์หรูระดับโลก ตั้งแต่ Hermès,Porsche และ LVMH ถึงเลิกพูดคำว่า Luxury และเริ่มใช้กลยุทธ์ใหม่ในการสร้าง “ความพิเศษ” ..นี่คือสูตรลับที่แบรนด์ระดับโลกกำลังใช้  กลยุทธ์ที่ทำให้สินค้าดูแพงขึ้น แม้ไม่ต้องพูดคำว่า Luxury

มิติใหม่แห่งการย้อมสีผม ใช้ “ใบตอง” แทนฟอยล์ ลดต้นทุน ลดโลกร้อนง่ายๆ แบบ 2 in 1  

ปกติเวลาที่พูดถึงใบตองสด ภาพแรกๆ ที่เด้งขึ้นมาในหัวของเรา ไม่ใช้ห่อขนมไทย ก็คงนึกถึงเทศกาลลอยกระทง แต่วันนี้น้องใบกล้วยสีเขียวคุ้นตานั้นมาในลุคที่เดิร์นกว่าคือ “ใช้ห่อผมเวลาทำสี” แทนฟอยล์กันแล้ว