ไม่อยากให้ใครเมินโพสต์ ต้องรู้กลยุทธ์สร้าง Story ให้ปัง! ผ่าน Facebook

TEXT : เจษฎา    





Main Idea
 
 
     แนวคิดในการใช้ Story ให้ประสบความสำเร็จ
 
 
  • อยู่ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม
 
  • Product ยังเป็นรอง Story
 
  • ถ้าคิดไม่ออก ลองบอกให้ลูกค้าช่วยเล่าแทน
      

         
 
     ในโลกของการประกอบธุรกิจนั้น การมี Story จะช่วยให้เรามีภูมิต้านทานต่อคู่แข่งได้ ต่อให้ศัตรูจะมีผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าเรา แต่เขาไม่สามารถเอาชนะ Story ของเราได้ เพราะ Story ของแบรนด์ไหน ก็เป็นเรื่องของแบรนด์นั้น และการสร้าง Story ในปัจจุบัน คงไม่มีสื่อใดเหมาะไปกว่า Facebook อีกแล้ว



               

      ฟีดข่าวใน Facebook เป็นอะไรที่ทำความเข้าใจได้ง่ายมากๆ เพราะเพียงแค่เลื่อนอ่านฟีดของ “คน” หรือ “แบรนด์” ที่เราเลือกติดตามก็จะรับรู้ข่าวสาร โปรโมชั่น Content หรือ Story ของเขาแล้ว ดังนั้น Facebook จึงเป็นสื่อที่สามารถเชื่อมต่อธุรกิจของเรากับกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใกล้เคียงกับเราด้วยการอ่าน Story ดูรูปภาพ หรือวีดิโอไปด้วยความเพลิดเพลิน ขณะที่ Twitter เน้นข้อความที่สั้นกระชับ ส่วน Instagram เน้นถ่ายทอดเรื่องราวด้วยรูปภาพ มองไปที่โทรทัศน์กับวิทยุก็กลายเป็นสื่อเก่าที่ไม่สามารถตอบรับ หรือแสดงความคิดเห็นได้อย่างเรียลไทม์อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้น Facebook จึงเป็น Platform ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสร้างไลฟ์สไตล์ส่วนตัว หรือสร้างแบรนด์ที่มีผู้ติดตามที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
               

     กลับมาที่แบรนด์ต่างๆ ใน Facebook ที่เรามักเห็นว่าแบรนด์นั้น หรือแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จ และถ่ายทอด Story ได้อย่างน่าสนใจด้วยการเปิดเผยตัวตนหรือความเป็นตัวเอง และบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของธุรกิจ หรือจุดเด่นและความพิเศษของผลิตภัณฑ์ / บริการ ดังนั้น เจ้าของแบรนด์จึงมีหน้าที่ค้นหาเรื่องราวของตัวเอง ผลิตภัณฑ์ องค์กร และลูกค้า เพื่อผสานทุกสิ่งรวมกันให้กลายเป็น Story อันเป็นกลไกสำคัญทางการตลาด และใช้ประโยชน์จาก Facebook ในการขับเคลื่อน Story ต่อไป


     ซึ่งแนวคิดในการใช้ Story ให้ประสบความสำเร็จ หลักๆ แล้วมีดังนี้




 
            1. เวลาที่เหมาะสม
               

     การถ่ายทอด Story ทั้งหมดของเราให้กับลูกค้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรก คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น วีดิโอ 60 วินาทีที่ลูกค้าจะได้รับชมนั้น เราพิถีพิถันสร้างบทนำขึ้นมา 10 วินาที ว่าใครคือผู้ก่อตั้งองค์กร และอีก 50 วินาทีถ่ายทอดสิ่งที่น่าจะโดนใจลูกค้า (ด้วยการคาดเดาเอาเอง) แต่เชื่อไหมว่าลูกค้าส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักเราและอาจยังไม่สนใจเราหรอก แต่เวลานั้นจะมาถึงในอนาคตอันใกล้ หากเราพยายามถ่ายทอด Story ของผลิตภัณฑ์ / บริการ เพื่อจะสามารถสร้างแรงดึงดูดให้กับลูกค้า ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้อาจต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเราเริ่มทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจเราได้แล้วละก็ Facebook จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนความน่าสนใจและรายละเอียดอื่นๆ ต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง




 
                2. Product ยังเป็นรอง Story
               

     เรื่องที่เรามักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการโฆษณาก็คือ เรามักคิดว่า “ฉันมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ สิ่งที่ต้องทำก็แค่โฆษณาออกไป แล้วทุกคนก็จะซื้อเอง” เจ้าของแบรนด์และผลิตภัณฑ์หลายๆ คนจึงตกม้าตายกับความรู้สึก “หลงรักผลิตภัณฑ์” ของตัวเองจนเชื่อว่าใครๆ ก็ควรจะต้องซื้อสินค้าของฉัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วบางผลิตภัณฑ์ก็มีความโดดเด่นเป็นของตัวเองจนไม่จำเป็นต้องมี Story ก็ขายได้ แต่ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์และบริการอีกมากมายยังไม่สามารถขายได้หากปราศจาก Story
               

     ไม่ต่างกับโฆษณาในทุกวันนี้ที่มักเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์โดยที่ไม่สามารถยึดโยงอารมณ์ร่วมระหว่างผู้ใช้กับผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจนเลยว่า “ทำไมกลุ่มเป้าหมายถึงต้องการสินค้านั้นๆ” เพราะฉะนั้น พยายามคิดต่อยอดให้ได้ว่าผลิตภัณฑ์ / บริการ มีประโยชน์ต่อตลาดหรือผู้ใช้อย่างไร ไม่ใช่แค่ประโยชน์ใช้สอยเพียงอย่างเดียว สิ่งที่เรียกว่า Story จึงเข้ามาเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างสินค้า อารมณ์ และผู้ใช้ ได้เป็นอย่างดี




 
            3. ถ้าคิดไม่ออก ลองบอกให้ลูกค้าช่วยเล่าแทน
               
     
     มาถึงจุดนี้ หลายคนอาจแอบบ่นในใจว่า “ฉันไม่รู้จะถ่ายทอด หรือเล่า Story อย่างไร”
               

     ไม่ต้องกังวลไป เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่เก่งในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ แต่ลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ หรือองค์กรของเรา สามารถทำหน้าที่นี้แทนได้ ยกตัวอย่างเช่น ลองให้ลูกค้าได้ถ่ายทอด Story ว่าผลิตภัณฑ์ / บริการของเราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาได้อย่างไร จากนั้นลองดู Comment จากกลุ่มเป้าหมาย โดยทั้งหมดนี้จะค่อยๆ ช่วยกระตุ้นความต้องการถ่ายทอดสิ่งดีๆ ไปให้กลุ่มเป้าหมายเอง
 

     บางครั้งเราอาจไม่จำเป็นต้องเล่า Story เก่งหรอก แค่เป็นตัวของตัวเองให้ได้ก็พอแล้ว   
               
 







 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024