TEXT : Wattar
PHOTO : PAKUCI SISTERS
ไม่กี่ปีมานี้ ผักไทยกลิ่นแรงอย่าง “ผักชี” เป็นที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เอาไปโรยหน้าแต่ได้สร้างสรรค์เป็นเมนูทั้งคาวหวานแบบที่คนไทยยังคาดไม่ถึง แต่เพราะโควิด-19 ที่ร้านอาหารให้บริการได้ไม่เต็มที่ ร้านจึงสั่งผักชีจากสวนของ อายูมิ ทาจิคาวะ น้อยลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เธอจึงต้องหาตลาดใหม่ด้วยการขายให้กับผู้บริโภคทั่วไปแทน
อายูมิเริ่มเปิดเว็บไซต์เพื่อขายปลีกผักชีแบบออนไลน์แต่มันกลับไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และในเวลานั้นเองเกษตรกรรายอื่นก็หันมาใช้วิธีเดียวกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงเปลี่ยนกลยุทธ์มาเป็นเปิดหน้าร้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า PAKUCI SISTERS แต่การเปิดร้านทุกวันเป็นเรื่องยาก เพราะเธอต้องทำทุกอย่างคนเดียวตั้งแต่ผลิตไปจนถึงขาย จึงตัดสินใจติดตั้ง “ตู้หยอดเหรียญ” ที่หน้าร้านให้ลูกค้ามาแวะซื้อเมื่อไหร่ก็ได้
ไม่ใช่แค่ขายผักชีสดๆ แต่ภายในตู้มีสินค้าเกี่ยวกับผักชีประมาณ 10 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น แยมผักชี ผักชีแห้ง ขนมปังผักชี คุกกี้ผักชี ผักชีกราโนล่า ไปจนถึงลูกชิ้นผักชี ขายในราคาประมาณ 1,300 เยนต่อชิ้น ซึ่งได้ผลตอบรับดีขนาดที่ว่าต้องเติมสินค้าถึงวันละ 3 รอบ ทำยอดขายโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,000 บาท
ตู้หยอดเหรียญผักชีได้พลิกสถานการณ์ธุรกิจให้กับ PAKUCI SISTERS นอกจากจะมีคนแวะเวียนมาซื้อที่ตู้ตลอดทั้งวัน ยังมียอดสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์อีกจำนวนมาก เพราะมีลูกค้าจำนวนมากที่ไม่สามารถเดินทางมาซื้อเองได้แต่ก็อยากจะลองชิมขนมของร้านบ้างเหมือนกัน
อายูมิบอกว่าในตอนแรกแทนที่จะคิดว่า “อยากขายของให้ได้” เธอกลับคิดจะทำเพื่อให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นและสนุกสนานมากกว่า พอคิดอย่างนั้นแล้วเธอกลับได้ผลตอบรับที่ดีกว่าที่คาดไว้ไปมากเลยทีเดียว
ที่มา : https://funabashi.keizai.biz/headline/2812/
https://news.yahoo.co.jp/articles/d931d9c4aac261a4e235edc98b563fe447a8b56a?page=2
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
RECCOMMEND: MARKETING
ปี 2025 ไม่ได้ฆ่า SME ที่เล็ก แต่มันกำลังฆ่า SME ที่ “พยายามเอาใจทุกคน” 3 ปรากฏการณ์ธุรกิจเขย่าวงการธุรกิจ ที่พิสูจน์แล้วว่า "ความลังเล" อาจกลายเป็นต้นทุนที่แพงที่สุด
รู้หรือไม่? ในโซล ที่มีคาเฟ่กว่า 80,000 ร้าน นั้น... ตอนนี้ ร้านที่ 'ปิดตัว' แซงหน้า 'ร้านที่เปิดใหม่' ไปแล้ว นี่คือวิกฤตครั้งแรกในรอบ 60 ปี!
วันนี้ตู้กดอัตโนมัติถูกพัฒนาไปไกล ถึงขั้นกลายเป็น “ตู้กดบุญ” กันแล้ว ตู้ดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Giving Machine’ โดยเปลี่ยนจากการกดซื้อสินค้ามาเป็นการเลือก “รายการบริจาค” แทน