​นักการตลาดในเอเชีย-แปซิฟิกมั่นใจระบบดิจิตอลเติบโต

 


 

    ผลการวิจัยใหม่ล่าสุดที่เผยแพร่โดยอะโดบี ร่วมกับ CMO Council แสดงความเชื่อมั่นว่ามูลค่าการตลาดดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่านักการตลาดในภูมิภาคนี้พยายามที่จะตรวจวัดประสิทธิภาพและสร้างกรณีทางธุรกิจเพื่อกระตุ้นการลงทุนเพิ่มมากขึ้น 

     ปัจจุบัน การตลาดกลายเป็นปัจจัยเร่งสำหรับการปฏิรูปธุรกิจและการปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า แต่นักการตลาดในเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ยังคงโฟกัสเฉพาะดัชนีที่ตรวจวัดความสำเร็จในอดีตเท่านั้น หรือประสิทธิภาพของแคมเปญเพียงจุดเดียว และโดยปกติแล้วไม่ได้ตรวจวัดผลกระทบต่อดัชนีทางธุรกิจที่ยากกว่า เช่น การตรวจวัดช่องทางการขาย หรือมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า
 
    รายงานทิศทางดิจิตอลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC Digital Directions) เจาะลึกกลยุทธ์ ภารกิจ และปัญหาท้าทาย รวมถึงองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องสำหรับ CMO Council และแดชบอร์ดประสิทธิภาพทางด้านการตลาดดิจิตอล (Digital Marketing Performance Dashboard) ของอะโดบี 

    โดยรายงานดังกล่าวเปิดเผยรายละเอียดที่พบจากข้อมูลที่รวบรวมจากผู้ตอบแบบสอบถาม 648 รายในออสเตรเลีย เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และอินเดีย  กว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทที่ตอบแบบสอบถามมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเอเชีย-แปซิฟิก (56%) และ 57% ของผู้ตอบแบบสอบถามทำงานอยู่ในองค์กรที่มีรายได้ 1.1 พันล้านดอลลาร์ขึ้นไป  ผู้ตอบแบบสอบถามมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ไอที ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยวและโรงแรม และธุรกิจอื่นๆ
 
    62% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาตรวจวัดอัตราการคลิกผ่าน (Click-Through Rate) และ ROI ของแคมเปญ และ 65% ระบุว่าตนเองตรวจวัดอัตราการตอบสนอง เปรียบเทียบกับสัดส่วนเพียง 17% ที่ตรวจวัดรายได้ต่อลูกค้า ขณะที่ 13% ตรวจวัดมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า และ 14% ตรวจวัดความเคลื่อนไหวของส่วนแบ่งตลาด  

    อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนน้อยที่ตรวจวัดดัชนีมูลค่าธุรกิจได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า โดย 79% ระบุว่าตนเองจะเพิ่มงบประมาณสำหรับการตลาดดิจิตอลโดยเฉพาะ  ผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่มนี้ปรับใช้แนวทางที่แปลกใหม่มากกว่า และมีมุมมองที่แตกต่างอย่างมากในเรื่องผลกระทบของเทคโนโลยีดิจิตอลที่มีต่อธุรกิจ
 
    นักการตลาดที่ตรวจวัดดัชนีมูลค่าธุรกิจใช้จ่ายงบประมาณด้านการตลาดไปกับระบบดิจิตอลในสัดส่วนที่มากกว่า และเกือบสองเท่ามีแนวโน้มที่จะจัดสรรกว่า 50% ของงบประมาณให้กับระบบดิจิตอล เมื่อเทียบกับนักการตลาดที่ไม่ได้ตรวจวัดดัชนีดังกล่าว (19% เทียบกับ 10%)  และในทำนองเดียวกัน นักการตลาดที่ตรวจสอบติดตามดัชนีมูลค่าธุรกิจมีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีดิจิตอลมากกว่านักการตลาดที่ไม่ได้ตรวจวัดดัชนีดังกล่าว (75% เทียบกับ 59%) ทั้งยังมีแนวโน้มมากกว่าที่จะระบุว่าดิจิตอลสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้รวดเร็วกว่า (45% เทียบกับ 33%) และมีแนวโน้มน้อยกว่าที่จะระบุว่าตนเองต้องพยายามสร้างกรณีทางธุรกิจสำหรับการใช้จ่ายในส่วนของดิจิตอล (31% เทียบกับ 40%)
 
    “อะโดบีและ CMO Council ได้ตรวจสอบติดตามพัฒนาการทางด้านดิจิตอลของนักการตลาดใน APAC มาตั้งแต่ปี 2554 และเราได้ตรวจสอบและทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ มากมาย เพื่อปฏิรูปการดำเนินงาน รวมถึงทีมงาน เทคโนโลยี และกลยุทธ์ ขณะที่บริษัทเหล่านั้นผนวกรวมช่องทางดิจิตอล เพื่อนำเสนอประสบการณ์ลูกค้าที่รอบด้านและเหนือกว่า” พอล ร็อบสัน ประธานประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของอะโดบี กล่าว “

    งานนี้มีความท้าทายและซับซ้อน แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม  องค์กรที่ปรับใช้ช่องทางดิจิตอลแต่เนิ่นๆ สามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำ และสร้างสรรค์คุณประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมต่อองค์กรและอุตสาหกรรมโดยรวม โดยก่อให้เกิดวงจรการจัดสรรเงินทุนและทรัพยากรที่เหมาะสม  บริษัทดังกล่าวใช้ข้อมูลข่าวกรองเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า และใช้ข้อมูลในการชี้นำ โดยมีการตรวจวัด คาดการณ์ และใช้งานข้อมูลเชิงลึกผ่านหลากหลายช่องทาง เพื่อยกระดับมาตรฐาน ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ที่จะเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า”
 
    นางลิซ มิลเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของ CMO Council เห็นพ้องต้องกันว่า “เทคโนโลยีดิจิตอลได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ตอบแบบสอบถามยืนยันว่าดิจิตอลรองรับการติดต่อเพิ่มเติมกับลูกค้า (66%), ลดค่าใช้จ่ายในการดึงดูดลูกค้า (47%), ปรับปรุงความจงรักภักดีของลูกค้า (41%) และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าโดยรวมและความรวดเร็วในการตอบสนอง (33%)  ปัญหาท้าทายในปัจจุบันคือ การหันเหความสนใจไปสู่การกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำมาใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อจัดหาแนวคิดและความรู้ที่จะช่วยปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และการดึงดูดลูกค้า และสร้างรากฐานสำหรับการกระตุ้นการลงทุนและการจัดสรรทรัพยากรภายในองค์กร”
 
    รายงานดังกล่าวแนะนำ 3 แนวทางดิจิตอลที่นักการตลาดใน APAC ควรจะปรับใช้เพื่อเร่งการพัฒนาช่องทางดิจิตอล
 
    ปรับปรุงกลยุทธ์สำหรับการดึงดูดและเสริมศักยภาพ ด้วยการเจาะลึกข้อมูลข่าวกรอง และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า  ผู้นำในภูมิภาคนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถดังกล่าว ด้วยการผสานรวมเครื่องมือที่เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน และเปิดตัวกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ชาญฉลาดมากขึ้น
 
    ผลักดันประสิทธิภาพและเสริมสร้างทักษะของทีมงาน ช่องว่างทางด้านความสามารถนับเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางความก้าวหน้าทางด้านดิจิตอล  ในปี 2556 ราว 37% ของนักการตลาดระบุว่า ความสามารถและประสบการณ์ของเอเจนซี่เป็นอุปสรรคสำคัญ  ในผลการสำรวจความคิดเห็นครั้งล่าสุดนี้ ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มเป็น 47% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอย่างมากเมื่อพิจารณาว่า 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองกำลังทำงานร่วมกับเอเจนซี่ทางด้านดิจิตอลหนึ่งรายขึ้นไปในภูมิภาค APAC
 
    “รายงานทิศทางด้านดิจิตอลเน้นย้ำอย่างชัดเจนถึงการเติบโตและความสำคัญของการตลาดดิจิตอลภายในองค์กรของลูกค้าของเรา รวมไปถึงบริษัทมากมายในภูมิภาค APAC ที่จริงจังเกี่ยวกับความต้องการด้านการตลาดในอนาคต” ดั๊ก แชปแมน กรรมการผู้จัดการของ Razorfish กล่าว “การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในการพัฒนาทักษะจะช่วยให้ชุมชนการตลาดในเอเชีย-แปซิฟิก ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้นจากข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้ และผลักดันการปฏิรูปธุรกิจ”
 
    จัดสรรงบประมาณตามกรณีธุรกิจที่มุ่งเน้นลูกค้า งบประมาณทางด้านดิจิตอลเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก โดย 79% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองได้ปรับเพิ่มงบประมาณดังกล่าวในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา  นักการตลาดที่ใช้ดัชนีชี้วัดที่เชื่อมโยงกับรายได้ กำไร และการเติบโตของธุรกิจ ประสบความสำเร็จมากกว่าในการชักชวนให้ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายในองค์กรเพิ่มการลงทุนในด้านดิจิตอล
 
    “ข้อมูลมีอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของนักการตลาดในเอเชีย-แปซิฟิกที่จะต้องนำเอาข้อมูลดังกล่าวมาใช้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ และแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของหน่วยงานของตน” พอล ร็อบสัน กล่าว
 

RECCOMMEND: MARKETING

ย้อนตำนาน มาสคอตไทย ก่อน "น้องหมีเนย" มีแบรนด์ไหนทำมาร์เก็ตติ้งนี้บ้าง

หลายคนมี Brand Love ในใจ ที่ไม่ใช่แค่สินค้าต้องดี จนเรากลายเป็นลูกค้าประจำ ยังต้องมี Brand Characters ที่จะช่วยให้คนจดจำได้ อีกหนึ่งทางเลือกที่ถ้าอยากสร้างแบรนด์ให้ปัง

ขายสินค้าออร์แกนิกให้เป็นแมส จากแนวคิดแบรนด์ KING Organic

KING Organic ผู้ผลิตผัก ผลไม้ และสินค้าแปรรูปออร์แกนิก จ.สมุทรสาคร ได้คิดกลยุทธ์การทำธุรกิจที่เรียกว่า “Mass Premium” ขึ้นมา เพื่อทำของพรีเมียม ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขวางมากขึ้น ในราคาที่ใครๆ ก็สามารถจับต้องได้ มีวิธีการยังไง ไปดูกัน