จับตาเทรนด์เครื่องสำอาง Genderless แบรนด์ใหม่ผุดเพียบดันตลาดโต 50 ล้านล้าน

TEXT: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

 

     เทรนด์สินค้าไม่จำกัดเพศอาจจะมีมานานแล้ว ดังจะเห็นได้จากแฟชั่นเสื้อผ้าจำนวนมากที่ออกแบบให้สวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง ซึ่งช่วงหลัง ๆ เทรนด์นี้ได้ขยายไปยังตลาดเครื่องสำอาง ก่อนหน้านั้น เครื่องสำอางมักถูกตีตราว่าเป็นของใช้สำหรับผู้หญิง กระทั่งระยะหลัง ผู้ชายเริ่มหันมาใช้เครื่องสำอางบ้าง ทำให้เกิดการแบ่งหมวดหมู่เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เทรนด์กำลังเปลี่ยนไปแล้ว เส้นกั้นระหว่างเครื่องสำอางของสองเพศเริ่มเลือนหาย ทำให้เกิดเครื่องสำอางที่ใช้ได้แบบไม่จำกัดเพศขึ้นมา 

     ที่ผ่านมา การแบ่งเครื่องสำอางระหว่างสองเพศมาจากหลักฐานที่ว่าสภาพผิวของผู้หญิงกับผู้ชายมีความแตกต่างกัน แต่ปัจจุบัน มุมมองของผู้บริโภคเปลี่ยนไป พวกเขาเปิดใจกว้างไม่ได้สนใจผลิตภัณฑ์ที่แบ่งแยกเพศแต่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพดีและมีความปลอดภัยโดยมองข้ามในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ กลิ่น หรือชื่อ ทั้งนี้ คนรุ่นใหม่มองว่าประสิทธิภาพของสินค้าไม่เกี่ยวกับเพศ  

     ด้วยเหตุนี้ หลายปีที่ผ่านมาจะเห็นหลายแบรนด์ดังหันมาจับตลาด Genderless เช่น  Commes des Garcons, คาลวิน ไคลน์, เอสเต้ ลอเดอร์ และ กุชชี่ ที่ทำน้ำหอมยูนิเซ็กซ์ออกมา ชาแนลและทอม ฟอร์ดที่เปิดตัวเครื่องสำอางหญิงใช้ได้ชายใช้ดี หรือ Aseop และ MAC ที่แนะนำเครื่องสำอางที่ใช้ได้กับทุกเพศ เช่นเดียวกับนักร้องสาวรีฮานน่าที่หันมาเอาดีด้านธุรกิจก็ปั้นแบรนด์สกินแคร์ Fenty Beauty ที่คุณภาพตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มไม่ ว่าผู้หญิง ผู้ชาย หรือ LGBTQ  

     ล่าสุด แฮร์รี่ สไตล์ อดีตนักร้อง One Direction วงบอยแบนด์ชื่อดังจากอังกฤษที่เคยเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมยูนิเซ็กส์ให้กุชชี่ก็หันรุกตลาดผลิตภัณฑ์ความงามแบบไม่จำกัดเพศที่มีมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือ ราว 50 ล้านล้านบาท โดยเปิดตัวสินค้าได้แก่ น้ำยาทาเล็บ น้ำมันบำรุงริมฝีปาก และเซรั่มบำรุงรอบดวงตาภายใต้แบรนด์ “Pleasing” แฮร์รี่กล่าวว่าในอนาคตจะทยอยแนะนำสินค้าเพิ่มเติม หากเป็นไปได้ก็อยากจะสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จเหมือน Goop แบรนด์ไลฟ์สไตล์ของเกว็นเนธ พัลโทรว์ นักแสดงฮอลลีวู้ดผู้โด่งดัง

     ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงความงามระบุว่าสำหรับผู้บริโภครุ่นใหม่โยเฉพาะ Gen Z คตินิยมในการแบ่งแยกเพศชายและหญิงเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว อิทธิพลของ Gen Z ที่ไม่คล้อยตามบรรทัดฐานของคนรุ่นเก่าทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ต้องปรับวิธีการใหม่ในการเข้าหาผู้บริโภค นอกจากนั้น โซเชียลมีเดียก็มีบทบาทสำคัญ แพลตฟอร์มต่าง ๆ ของสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะอินสตาแกรมซึ่งเป็นพื้นที่ให้ผู้คนจากหลากหลายปูมหลังได้แสดงตัวตนที่แท้จริงทำให้เกิดเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่สามารถชี้นำกระแสในสังคมได้

     กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีอิทธิพลสำคัญและกำลังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแบรนด์ต่าง ๆ ควรต้องจับตามองหรือรับฟัง ยกตัวอย่าง นิตยสารหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความงามมักพุ่งเป้าไปที่ผู้อ่านที่เป็นผู้หญิง แบรนด์ที่ทำการตลาดผ่านโฆษณาก็เน้นไปกลุ่มผู้หญิง ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ส่วนตัวหรือสินค้าเกี่ยวกับความงามก็จัดพื้นที่เพื่อรองรับลูกค้าผู้หญิงเป็นหลัก ทำให้ลูกค้าที่เป็นต่างเพศเกิดความอิหลักอิเหลื่อหรือไม่สะดวกใจที่จะเข้าไปใช้บริการ

     เพื่อไม่ให้เสียโอกาสและเป็นการดึงลูกค้าให้ใช้บริการ แบรนด์และร้านค้าอาจต้องยุติการแบ่งแผนกชายหรือหญิง แล้วจัดพื้นที่ใหม่ที่เพศไหนก็สามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ นอกจากนั้น การผลิตโฆษณาออกมาก็อาจต้องลบเส้นที่กั้นความเป็นชายหรือหญิงแล้วสื่อสารถึงลูกค้าทุกกลุ่มจะดีกว่าเพื่อตอบรับเทรนด์การเลื่อนไหลของเพศสภาพที่ไม่ขีดจำกัด 

ข้อมูล

www.glamourmagazine.co.uk/gallery/gender-fluid-beauty-brands

www.harpersbazaar.com/beauty/makeup/a34050232/gender-neutral-beauty-brands/

www.scmp.com/lifestyle/fashion-beauty/article/3156914/harry-styles-unisex-beauty-brand-pleasing-all-you-need?module=perpetual_scroll&pgtype=article&campaign=3156914

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง